สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ขออธิบายคำว่า Passion ให้ทุกท่านทราบกันแบบวิทยาศาสตร์ครับ
อะไรคือ แรงขับ,สาเหตุ,แรงจูงใจที่ทำให้คนๆนึงลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างจนประสบความสำเร็จได้
ก่อนจะไปตอบคำถามนั้นไปดูก่อนว่า
ความสำเร็จคืออะไร
ความสำเร็จทางชีววิทยา หรือ (เป้าหมาย)ของพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
คือ การดำรงชีวิตอยู่รอดและดำรงเผ่าพันธ์(ส่งต่อพันธุกรรม)ต่อไปได้นานๆ
ธรรมชาติฉลาดมากสร้างระบบกลไกการดำเนินชีวิตให้บรรลุเป้าหมายนี้
โดยการให้สิ่งมีชีวิต(เรา)เลือกทำสิ่งต่างๆในแต่ละวันจาก 2 ปัจจัย
1 ทำเพื่อความสุข
สมองได้สารรางวัล เป็นความสุข ทำให้รู้สึกดี อิ่มอกอิ่มใจ อบอุ่น มีพลัง ตื่นเต้น
เพื่อ(กระตุ้นให้เราอยากทำ)กิจกรรมที่ส่งเสริมเป้าหมาย
เช่น
- ช่วยเหลือผู้อื่น
- ใช้เวลาร่วมกับคนรัก
- ไปท่องเที่ยวกับครอบครัว
- การผูกมิตรสร้างพวกพ้อง
- การชอบอยู่เป็นกลุ่ม
- ชอบสังเกตคนรอบข้าง
- ชอบกินอาหารมีประโยชน์
- ฝันหวานถึงอนาคตอันสวยงาม
เพราะแบบนี้ หลายคนจึงเสพติดกิจกรรมที่ส่งเสริมการอยู่รอด(เสพติดสารรางวัล Dopamine)
เช่น ติดเกม หนังโป้ ของหวานอาหารอ้วน การพนัน
วิทยาศาสตร์เรียกว่า เชื่อหรือทำพฤติกรรมตามสัญชาตญาณทางอารมณ์
แบบหลับหูหลับตา
แบบไม่มีสติ
แบบมากเกินไป
แบบสัญชาตญาณพาไปผิดทาง
2 ทำเพื่อหลีกเลี่ยงหรือหนีความทุกข์
สมองได้รับสารความเครียด เพื่อ(ส่งสัญญาณเตือนภัย) ทำให้รู้สึกมีความทุกข์ หวาดระแวง
เพื่อให้เราหากลยุทธ์ในการรับมือกับอันตราย หรือ
เพื่อสกัดกั้นเราให้อยู่ห่างจากกิจกรรมอันตราย
เช่น
- การอดข้าวอดน้ำ
- ทำตัวแปลกแยก
- ต่อสู้กับผู้ที่แข็งแรงกว่า
- การลักขโมย
- การเสี่ยงอันตราย
ดังนั้น
มนุษย์เราจึงมีแรงขับในการทำสิ่งต่างๆจาก 2 ปัจจัยนี้
และถ้าพูดถึงการประสบความสำเร็จเราคงเคยคุ้นหูหรือเคยได้ยินกัน
คำว่า PASSION คือ ความปรารถนาในเป้าหมายในทางสร้างสรรค์หรือมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
มันเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า เพราะอะไรทำไมคุณถึงทำสิ่งนั้น
คำถามคือ เราจะค้นหามันเจอได้อย่างไร
มันมาจาก 2 แหล่ง
1 ความพอใจ
ทำเพราะ ความชอบ ความตื่นเต้น
คือ แรงผลักดันให้เราทำบางอย่าง เพื่อให้
สิ่งที่เราต้องการ
สิ่งที่เราชอบ
สิ่งที่เราปรารถนา กลายเป็นจริง
หรือ ถ้าเราได้ทำสิ่งนั้นแล้วเรามีความสุข
เช่น
ไอสไตน์ นักกีฬาอาชีพ ศิลปินนักร้อง นักประพันธ์เพลงที่ประสบความสำเร็จ
2 ความไม่พอใจ
ทำเพราะ ความเจ็บปวด Pain ความเกลียด ความกลัว ความโกรธ ความต้องการพิสูจน์ตัวเอง
คือ แรงผลักดันให้เราทำบางอย่าง เพื่อ(ไม่ให้)
สิ่งที่เรา(ไม่)ต้องการ
สิ่งที่เรา(ไม่)ชอบ
สิ่งที่เรา(ไม่)ปราถนา กลายเป็นจริง
หรือ ถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งนั้นแล้วเรามีความทุกข์
เช่น
- คุณบอยวิสูตร เคยเจ็บปวดจากการที่ชีวิตตกหลุมดำ แล้วไม่มีใครแนะนำวิธีปีนขึ้น
เค้าจึงมีแรงผลักดันมากในการสร้างแรงบันดาลใจช่วยแนะนำผู้คน
Pain ของเค้า คือ เจ็บปวดที่เห็นคนตกหลุมดำ แล้วหาทางปีนขึ้นไม่ได้ เพราะเขาเคยเจ็บปวดทุกข์มาก่อน
- น้อง Alex Scott เป็นมะเร็งเสียชีวิตตอนอายุ 3 ขวบ ไม่ต้องการให้เด็กคนอื่นเป็นมะเร็งแบบเธอ
เธอจึงมีแรงผลักดันมากในการทำน้ำส้มคั้นขาย เพื่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กที่เป็นมะเร็งทั่วโลก
Pain ของเธอ คือ เจ็บปวดที่เห็นเด็กต้องเป็นมะเร็งเสียชีวิต เพราะเธอเคยเจ็บปวดทุกข์มาก่อน
https://www.youtube.com/watch?v=gM9GbaSsUaE
- คุณ Jack Ma ไม่ต้องการให้คนจีนค้าขายแบบยากลำบาก
เค้าจึงมีแรงผลักดันมากในการสร้างระบบค้าขายออนไลน์ให้ค้าขายได้อย่างทั่วถึง
Pain ของ Jack Ma คือ เจ็บปวดที่เห็นคนจีนค้าขายยากลำบาก
- ในหลวง ร.9 ไม่ต้องการให้คนไทยตกทุกข์ได้ยาก ประสบภัยพิบัติ
ท่านจึงทรงมีแรงผลักดันในการทำงานหนักเพื่อช่วยคนไทยทุกคน
Pain ของ ในหลวง คือ เจ็บปวดที่เห็นคนไทยตกทุกข์ได้ยาก
- คุณ ขุนเขา ไม่ต้องการให้คนไม่เข้าใจว่าการทำงานของสมองมันทำงานยังไง
เค้าจึงมีแรงผลักดันในการให้ความรู้เรื่องการเข้าใจจิตใจตนเอง
Pain ของ ขุนเขา คือ เจ็บปวดที่เห็นคนไทยมีความทุกข์เพราะไม่เข้าใจจิตใจตนเอง เพราะเขาเคยเจ็บปวดมาก่อน
สรุป:
ไม่ว่าเราจะมี PASSION ที่มาจาก ความอยากมีสุขหรือหนีทุกข์ ความพอใจหรือไม่พอใจ
เราก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกแบบไหน
แต่แรงขับทางอารมณ์ด้านลบ จะมากกว่า ด้านบวก เพราะมันเกี่ยวกับการอยู่รอด(ความตาย)
หรือพูดอีกอย่างคือ ถ้าคุณมี Pain ความเจ็บปวดในชีวิตมาก แรงขับก็จะมาก
แรงขับทางอารมณ์ด้านลบ ก็เทียบเหมือน พลังงานความร้อนของไฟ
มันไม่ได้ดีหรือไม่ดี มันขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันในทางที่เป็นประโยชน์เป็นมั้ย(ในทางสร้างสรรค์หรือทำลาย)
ไฟใช้ทำอาหารให้สุกได้ ตรงกันข้ามมันก็ใช้เผาผู้อื่นและเผาตนเองได้
คำถามคือ แล้วเราจะใช้แรงขับทางอารมณ์ด้านลบในทางที่เป็นประโยชน์ได้อย่างไร
ตามหลักการทำงานของสมอง เราไม่สามารถยับยั้งแรงขับทางอารมณ์ของเราได้
เพราะมันมีประโยชน์มันหวังดีอยากช่วยให้เราอยู่รอดและส่งต่อพันธุกรรมต่อไปได้นานๆ
มันจึงถูกส่งต่อพันธุกรรมมาจากบรรพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่าผ่านกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติ
*สิ่งเดียวที่ทำได้คือ การหาเหตุผลดีๆมาเปลี่ยนแรงขับให้ไปใช้ในทางที่สร้างสรรค์หรือเป็นประโยชน์
เพราะ(เหตุผล)เป็น 1 ใน 4 วัตถุดิบในวงจรปรุงวัตถุดิบทางอารมณ์ในสมองเรา
ก่อนจะปลดปล่อยหรือแสดง(พฤติกรรมหรือการกระทำ)
และส่งผลต่อเป็น(ผลลัพธ์)ที่สะท้อนให้เห็นผ่าน สถานการณ์ในชีวิต 6 ด้าน
1 สุขภาพกาย
2 สุขภาพจิตหรือความคิด
3 การงาน
4 การเงิน
5 ความสัมพันธ์ต่อตนเอง
6 ความสัมพันธ์ต่อผู้อื่น
คำถามคือ แล้วเราจะหาเหตุผลดีๆได้จากที่ไหนและอย่างไร
การหาเหตุผลดีๆ คือ การเติมข้อมูลดีๆให้กับสมองส่วนเหตุผล ผ่านการเสพสื่อดีๆที่ส่งเสริมเป้าหมาย(การอยู่รอดและการส่งต่อพันธุกรรม)อยู่เสมอ
ผลคือ มันจะทำให้สมองเราตัดสินใจในการเลือกได้ดี(ส่งเสริมเป้าหมาย)มากขึ้น ไม่ใช่ การเลือกที่ย่ำแย่(ไม่ส่งเสริมเป้าหมาย)
ก่อนที่จะลึกลงไปไกล ขอหยุดเรื่อง การใช้ประโยชน์จากแรงขับทางอารมณ์ด้านลบ และ กลไกการทำงานของสมอง ไว้แค่นี้ก่อน เพราะอธิบายทั้งวันก็ไม่จบ
กลับมาตอบคำถามที่ว่า เราจะค้นหา Passion ของเราเจอได้อย่างไร
ถ้าเลือกแบบแรก
คุณต้องมี ภาพคนที่คุณต้องการจะเป็นที่มันโคตรเจ๋งมากๆ
เช่น อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ เค้าเห็นภาพตัวเองเป็นนักกล้ามที่ได้รางวัลในจินตนาการก่อนที่จะได้รับตำแหน่งอีก
แน่นอน บางคนต้องมี Idol คนที่คุณอยากเป็น
แต่มีสิ่งนึงที่หลายคนทำผิดพลาดเสมอคือ ไปเลียนแบบเค้า ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะคุณไม่มีทางเป็นของก้อปที่ดีที่สุด อย่างมากก็เป็นแค่ที่สอง
ดังนั้น ต้องมีเอกลักษณ์จุดขายที่ไม่เหมือนใครขึ้นมา
ถ้าเลือกแบบสอง
คุณต้องหา วิธีหรือแนวทางการแก้ ปัญหาที่คุณ Pain รู้สึกทุกข์เจ็บ สิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ให้เจอครับ
ปัญหาของผู้คน ที่คุณรู้สึกเจ็บปวดหงุดหงิดแทนพวกเขา ยิ่งมากยิ่งดี ยิ่งมีพลัง ส่วนมากจะเป็นสิ่งที่คุณเคยเจ็บปวดมา
เมื่อหาปัญหาเจอ คุณก็จะหาวิธีหรือแนวทางช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นผ่านตัว สินค้าหรือบริการ ความรู้ ความคิดสร้างสรรคค์ที่มีประโยชน์ เหมือนที่บอกว่า "ที่ไหนมีปัญหา ที่นั่นมีเงินตรารออยู่"
แต่มีสิ่งนึงที่หลายคนทำผิดพลาดเสมอคือ focus เงินก่อน ซึ่งไม่ถูกต้อง
เงินเป็นรางวัลตอบแทนของการช่วยเหลือผู้อื่น เมือคุณช่วยเหลือคนอื่น(อย่างมีศิลป) คนจะตอบแทนให้เอง
(จำนวนเงินที่คุณมี คือ ภาพสะท้อนหรือผลลัพธ์หรือคุณค่า ที่คุณได้มอบหรือไม่ได้มอบออกไปให้ผู้อื่น)
ดังนั้น ต้อง focus ที่การช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาให้ผู้อื่นก่อน ไม่ใช่ focus เงินครับ
ก่อนที่จะลึกลงไปไกล ขอหยุดเรื่อง การงานการเงิน ไว้แค่นี้ก่อน เพราะอธิบายทั้งวันก็ไม่จบ
กลับมาตอบคำถามที่ว่า อะไรคือ แรงขับ,สาเหตุ,แรงจูงใจที่ทำให้คนๆนึงลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างจนประสบความสำเร็จได้(ด้านการงานการเงิน)
ไม่ว่าเหตุผลของคุณคือเพราะอะไร ทำไมคุณถึงทำสิ่งนั้น
ให้เราถอยห่างออกมาเพื่อมองภาพใหญ่ ทั้งหมดที่กล่าวมา มันคือ (มุมมองของคุณ)เพียงด้านเดียวเท่านั้น passion มันสำคัญต่อคุณ สำคัญต่อฝั่งผู้ให้ ฝั่งผู้ประกอบการ
คุณต้องมี passion เพื่อเป็น พลัง/แรงขับ/แรงผลักดัน ในการสร้างผลงานของคุณ(ธุรกิจขายสินค้าหรือบริการ)
อีกด้านหนึ่งคือ(มุมมองของคนอื่น) ฝั่งผู้รับ ผู้บริโภค นั้น ไม่มีใครสนใจ ความปรารถนา แรงบันดาลใจ ความฝัน Passion ของคุณหรอก ยกเว้นเขาอยากรู้ประวัติคุณ
สิ่งที่คนอื่นสนใจก็คือ
ผลงานของคุณมันช่วยแก้ปัญหาช่วยส่งเสริมการอยู่รอดให้พวกเขาได้มั้ย
เรียกว่า การมอบหรือให้คุณค่า
*การสร้างคุณค่า มี 3แบบ รายละเอียดเพิ่มเติมตามลิงค์นี้คับ https://ppantip.com/topic/32833890/comment19-1
คุณก็เช่นเดียวกัน
คุณไม่ได้อยากรู้ว่า เพราะอะไรทำไมผู้เขียนถึงมาแบ่งปันความรู้เหล่านี้
แรงขับของผู้เขียนมาจากการอยากมีสุขหรือหนีทุกข์
มาจากความพอใจ(ความตื่นเต้น ความรัก ความชอบ)หรือไม่พอใจ(ความเจ็บปวดในชีวิต ความโกรธ)
คุณผู้อ่านอยากรู้แค่ว่า ฉันจะได้ประโยขน์อะไรจากบทความนี้ จริงมั้ยคับ
ขอแบ่งปันความรู้เพียงเท่านี้ก่อนครับ
ยังเหลือข้อมูลความรู้อีกมากมายที่เกี่ยวกับการเดินทางสู่ความสำเร็จที่อยากแบ่งปัน
หวังว่าผู้อ่านทุกคน
คนที่ชอบสงสัยในชีวิต
คนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
คนที่ไม่หยุดพัฒนาตนเอง
จะได้ประโยชน์และนำความรู้ไปปรับใช้พัฒนาชีวิตของตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นต่อไปได้ครับ
ขอบคุณครับ
อะไรคือ แรงขับ,สาเหตุ,แรงจูงใจที่ทำให้คนๆนึงลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างจนประสบความสำเร็จได้
ก่อนจะไปตอบคำถามนั้นไปดูก่อนว่า
ความสำเร็จคืออะไร
ความสำเร็จทางชีววิทยา หรือ (เป้าหมาย)ของพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
คือ การดำรงชีวิตอยู่รอดและดำรงเผ่าพันธ์(ส่งต่อพันธุกรรม)ต่อไปได้นานๆ
ธรรมชาติฉลาดมากสร้างระบบกลไกการดำเนินชีวิตให้บรรลุเป้าหมายนี้
โดยการให้สิ่งมีชีวิต(เรา)เลือกทำสิ่งต่างๆในแต่ละวันจาก 2 ปัจจัย
1 ทำเพื่อความสุข
สมองได้สารรางวัล เป็นความสุข ทำให้รู้สึกดี อิ่มอกอิ่มใจ อบอุ่น มีพลัง ตื่นเต้น
เพื่อ(กระตุ้นให้เราอยากทำ)กิจกรรมที่ส่งเสริมเป้าหมาย
เช่น
- ช่วยเหลือผู้อื่น
- ใช้เวลาร่วมกับคนรัก
- ไปท่องเที่ยวกับครอบครัว
- การผูกมิตรสร้างพวกพ้อง
- การชอบอยู่เป็นกลุ่ม
- ชอบสังเกตคนรอบข้าง
- ชอบกินอาหารมีประโยชน์
- ฝันหวานถึงอนาคตอันสวยงาม
เพราะแบบนี้ หลายคนจึงเสพติดกิจกรรมที่ส่งเสริมการอยู่รอด(เสพติดสารรางวัล Dopamine)
เช่น ติดเกม หนังโป้ ของหวานอาหารอ้วน การพนัน
วิทยาศาสตร์เรียกว่า เชื่อหรือทำพฤติกรรมตามสัญชาตญาณทางอารมณ์
แบบหลับหูหลับตา
แบบไม่มีสติ
แบบมากเกินไป
แบบสัญชาตญาณพาไปผิดทาง
2 ทำเพื่อหลีกเลี่ยงหรือหนีความทุกข์
สมองได้รับสารความเครียด เพื่อ(ส่งสัญญาณเตือนภัย) ทำให้รู้สึกมีความทุกข์ หวาดระแวง
เพื่อให้เราหากลยุทธ์ในการรับมือกับอันตราย หรือ
เพื่อสกัดกั้นเราให้อยู่ห่างจากกิจกรรมอันตราย
เช่น
- การอดข้าวอดน้ำ
- ทำตัวแปลกแยก
- ต่อสู้กับผู้ที่แข็งแรงกว่า
- การลักขโมย
- การเสี่ยงอันตราย
ดังนั้น
มนุษย์เราจึงมีแรงขับในการทำสิ่งต่างๆจาก 2 ปัจจัยนี้
และถ้าพูดถึงการประสบความสำเร็จเราคงเคยคุ้นหูหรือเคยได้ยินกัน
คำว่า PASSION คือ ความปรารถนาในเป้าหมายในทางสร้างสรรค์หรือมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
มันเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า เพราะอะไรทำไมคุณถึงทำสิ่งนั้น
คำถามคือ เราจะค้นหามันเจอได้อย่างไร
มันมาจาก 2 แหล่ง
1 ความพอใจ
ทำเพราะ ความชอบ ความตื่นเต้น
คือ แรงผลักดันให้เราทำบางอย่าง เพื่อให้
สิ่งที่เราต้องการ
สิ่งที่เราชอบ
สิ่งที่เราปรารถนา กลายเป็นจริง
หรือ ถ้าเราได้ทำสิ่งนั้นแล้วเรามีความสุข
เช่น
ไอสไตน์ นักกีฬาอาชีพ ศิลปินนักร้อง นักประพันธ์เพลงที่ประสบความสำเร็จ
2 ความไม่พอใจ
ทำเพราะ ความเจ็บปวด Pain ความเกลียด ความกลัว ความโกรธ ความต้องการพิสูจน์ตัวเอง
คือ แรงผลักดันให้เราทำบางอย่าง เพื่อ(ไม่ให้)
สิ่งที่เรา(ไม่)ต้องการ
สิ่งที่เรา(ไม่)ชอบ
สิ่งที่เรา(ไม่)ปราถนา กลายเป็นจริง
หรือ ถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งนั้นแล้วเรามีความทุกข์
เช่น
- คุณบอยวิสูตร เคยเจ็บปวดจากการที่ชีวิตตกหลุมดำ แล้วไม่มีใครแนะนำวิธีปีนขึ้น
เค้าจึงมีแรงผลักดันมากในการสร้างแรงบันดาลใจช่วยแนะนำผู้คน
Pain ของเค้า คือ เจ็บปวดที่เห็นคนตกหลุมดำ แล้วหาทางปีนขึ้นไม่ได้ เพราะเขาเคยเจ็บปวดทุกข์มาก่อน
- น้อง Alex Scott เป็นมะเร็งเสียชีวิตตอนอายุ 3 ขวบ ไม่ต้องการให้เด็กคนอื่นเป็นมะเร็งแบบเธอ
เธอจึงมีแรงผลักดันมากในการทำน้ำส้มคั้นขาย เพื่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กที่เป็นมะเร็งทั่วโลก
Pain ของเธอ คือ เจ็บปวดที่เห็นเด็กต้องเป็นมะเร็งเสียชีวิต เพราะเธอเคยเจ็บปวดทุกข์มาก่อน
https://www.youtube.com/watch?v=gM9GbaSsUaE
- คุณ Jack Ma ไม่ต้องการให้คนจีนค้าขายแบบยากลำบาก
เค้าจึงมีแรงผลักดันมากในการสร้างระบบค้าขายออนไลน์ให้ค้าขายได้อย่างทั่วถึง
Pain ของ Jack Ma คือ เจ็บปวดที่เห็นคนจีนค้าขายยากลำบาก
- ในหลวง ร.9 ไม่ต้องการให้คนไทยตกทุกข์ได้ยาก ประสบภัยพิบัติ
ท่านจึงทรงมีแรงผลักดันในการทำงานหนักเพื่อช่วยคนไทยทุกคน
Pain ของ ในหลวง คือ เจ็บปวดที่เห็นคนไทยตกทุกข์ได้ยาก
- คุณ ขุนเขา ไม่ต้องการให้คนไม่เข้าใจว่าการทำงานของสมองมันทำงานยังไง
เค้าจึงมีแรงผลักดันในการให้ความรู้เรื่องการเข้าใจจิตใจตนเอง
Pain ของ ขุนเขา คือ เจ็บปวดที่เห็นคนไทยมีความทุกข์เพราะไม่เข้าใจจิตใจตนเอง เพราะเขาเคยเจ็บปวดมาก่อน
สรุป:
ไม่ว่าเราจะมี PASSION ที่มาจาก ความอยากมีสุขหรือหนีทุกข์ ความพอใจหรือไม่พอใจ
เราก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกแบบไหน
แต่แรงขับทางอารมณ์ด้านลบ จะมากกว่า ด้านบวก เพราะมันเกี่ยวกับการอยู่รอด(ความตาย)
หรือพูดอีกอย่างคือ ถ้าคุณมี Pain ความเจ็บปวดในชีวิตมาก แรงขับก็จะมาก
แรงขับทางอารมณ์ด้านลบ ก็เทียบเหมือน พลังงานความร้อนของไฟ
มันไม่ได้ดีหรือไม่ดี มันขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันในทางที่เป็นประโยชน์เป็นมั้ย(ในทางสร้างสรรค์หรือทำลาย)
ไฟใช้ทำอาหารให้สุกได้ ตรงกันข้ามมันก็ใช้เผาผู้อื่นและเผาตนเองได้
คำถามคือ แล้วเราจะใช้แรงขับทางอารมณ์ด้านลบในทางที่เป็นประโยชน์ได้อย่างไร
ตามหลักการทำงานของสมอง เราไม่สามารถยับยั้งแรงขับทางอารมณ์ของเราได้
เพราะมันมีประโยชน์มันหวังดีอยากช่วยให้เราอยู่รอดและส่งต่อพันธุกรรมต่อไปได้นานๆ
มันจึงถูกส่งต่อพันธุกรรมมาจากบรรพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่าผ่านกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติ
*สิ่งเดียวที่ทำได้คือ การหาเหตุผลดีๆมาเปลี่ยนแรงขับให้ไปใช้ในทางที่สร้างสรรค์หรือเป็นประโยชน์
เพราะ(เหตุผล)เป็น 1 ใน 4 วัตถุดิบในวงจรปรุงวัตถุดิบทางอารมณ์ในสมองเรา
ก่อนจะปลดปล่อยหรือแสดง(พฤติกรรมหรือการกระทำ)
และส่งผลต่อเป็น(ผลลัพธ์)ที่สะท้อนให้เห็นผ่าน สถานการณ์ในชีวิต 6 ด้าน
1 สุขภาพกาย
2 สุขภาพจิตหรือความคิด
3 การงาน
4 การเงิน
5 ความสัมพันธ์ต่อตนเอง
6 ความสัมพันธ์ต่อผู้อื่น
คำถามคือ แล้วเราจะหาเหตุผลดีๆได้จากที่ไหนและอย่างไร
การหาเหตุผลดีๆ คือ การเติมข้อมูลดีๆให้กับสมองส่วนเหตุผล ผ่านการเสพสื่อดีๆที่ส่งเสริมเป้าหมาย(การอยู่รอดและการส่งต่อพันธุกรรม)อยู่เสมอ
ผลคือ มันจะทำให้สมองเราตัดสินใจในการเลือกได้ดี(ส่งเสริมเป้าหมาย)มากขึ้น ไม่ใช่ การเลือกที่ย่ำแย่(ไม่ส่งเสริมเป้าหมาย)
ก่อนที่จะลึกลงไปไกล ขอหยุดเรื่อง การใช้ประโยชน์จากแรงขับทางอารมณ์ด้านลบ และ กลไกการทำงานของสมอง ไว้แค่นี้ก่อน เพราะอธิบายทั้งวันก็ไม่จบ
กลับมาตอบคำถามที่ว่า เราจะค้นหา Passion ของเราเจอได้อย่างไร
ถ้าเลือกแบบแรก
คุณต้องมี ภาพคนที่คุณต้องการจะเป็นที่มันโคตรเจ๋งมากๆ
เช่น อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ เค้าเห็นภาพตัวเองเป็นนักกล้ามที่ได้รางวัลในจินตนาการก่อนที่จะได้รับตำแหน่งอีก
แน่นอน บางคนต้องมี Idol คนที่คุณอยากเป็น
แต่มีสิ่งนึงที่หลายคนทำผิดพลาดเสมอคือ ไปเลียนแบบเค้า ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะคุณไม่มีทางเป็นของก้อปที่ดีที่สุด อย่างมากก็เป็นแค่ที่สอง
ดังนั้น ต้องมีเอกลักษณ์จุดขายที่ไม่เหมือนใครขึ้นมา
ถ้าเลือกแบบสอง
คุณต้องหา วิธีหรือแนวทางการแก้ ปัญหาที่คุณ Pain รู้สึกทุกข์เจ็บ สิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ให้เจอครับ
ปัญหาของผู้คน ที่คุณรู้สึกเจ็บปวดหงุดหงิดแทนพวกเขา ยิ่งมากยิ่งดี ยิ่งมีพลัง ส่วนมากจะเป็นสิ่งที่คุณเคยเจ็บปวดมา
เมื่อหาปัญหาเจอ คุณก็จะหาวิธีหรือแนวทางช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นผ่านตัว สินค้าหรือบริการ ความรู้ ความคิดสร้างสรรคค์ที่มีประโยชน์ เหมือนที่บอกว่า "ที่ไหนมีปัญหา ที่นั่นมีเงินตรารออยู่"
แต่มีสิ่งนึงที่หลายคนทำผิดพลาดเสมอคือ focus เงินก่อน ซึ่งไม่ถูกต้อง
เงินเป็นรางวัลตอบแทนของการช่วยเหลือผู้อื่น เมือคุณช่วยเหลือคนอื่น(อย่างมีศิลป) คนจะตอบแทนให้เอง
(จำนวนเงินที่คุณมี คือ ภาพสะท้อนหรือผลลัพธ์หรือคุณค่า ที่คุณได้มอบหรือไม่ได้มอบออกไปให้ผู้อื่น)
ดังนั้น ต้อง focus ที่การช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาให้ผู้อื่นก่อน ไม่ใช่ focus เงินครับ
ก่อนที่จะลึกลงไปไกล ขอหยุดเรื่อง การงานการเงิน ไว้แค่นี้ก่อน เพราะอธิบายทั้งวันก็ไม่จบ
กลับมาตอบคำถามที่ว่า อะไรคือ แรงขับ,สาเหตุ,แรงจูงใจที่ทำให้คนๆนึงลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างจนประสบความสำเร็จได้(ด้านการงานการเงิน)
ไม่ว่าเหตุผลของคุณคือเพราะอะไร ทำไมคุณถึงทำสิ่งนั้น
ให้เราถอยห่างออกมาเพื่อมองภาพใหญ่ ทั้งหมดที่กล่าวมา มันคือ (มุมมองของคุณ)เพียงด้านเดียวเท่านั้น passion มันสำคัญต่อคุณ สำคัญต่อฝั่งผู้ให้ ฝั่งผู้ประกอบการ
คุณต้องมี passion เพื่อเป็น พลัง/แรงขับ/แรงผลักดัน ในการสร้างผลงานของคุณ(ธุรกิจขายสินค้าหรือบริการ)
อีกด้านหนึ่งคือ(มุมมองของคนอื่น) ฝั่งผู้รับ ผู้บริโภค นั้น ไม่มีใครสนใจ ความปรารถนา แรงบันดาลใจ ความฝัน Passion ของคุณหรอก ยกเว้นเขาอยากรู้ประวัติคุณ
สิ่งที่คนอื่นสนใจก็คือ
ผลงานของคุณมันช่วยแก้ปัญหาช่วยส่งเสริมการอยู่รอดให้พวกเขาได้มั้ย
เรียกว่า การมอบหรือให้คุณค่า
*การสร้างคุณค่า มี 3แบบ รายละเอียดเพิ่มเติมตามลิงค์นี้คับ https://ppantip.com/topic/32833890/comment19-1
คุณก็เช่นเดียวกัน
คุณไม่ได้อยากรู้ว่า เพราะอะไรทำไมผู้เขียนถึงมาแบ่งปันความรู้เหล่านี้
แรงขับของผู้เขียนมาจากการอยากมีสุขหรือหนีทุกข์
มาจากความพอใจ(ความตื่นเต้น ความรัก ความชอบ)หรือไม่พอใจ(ความเจ็บปวดในชีวิต ความโกรธ)
คุณผู้อ่านอยากรู้แค่ว่า ฉันจะได้ประโยขน์อะไรจากบทความนี้ จริงมั้ยคับ
ขอแบ่งปันความรู้เพียงเท่านี้ก่อนครับ
ยังเหลือข้อมูลความรู้อีกมากมายที่เกี่ยวกับการเดินทางสู่ความสำเร็จที่อยากแบ่งปัน
หวังว่าผู้อ่านทุกคน
คนที่ชอบสงสัยในชีวิต
คนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
คนที่ไม่หยุดพัฒนาตนเอง
จะได้ประโยชน์และนำความรู้ไปปรับใช้พัฒนาชีวิตของตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นต่อไปได้ครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
คำว่า Passion เมื่อแปลเป็นภาษาไทย
คำว่า Passion ในบริบทนี้ ควรแปลเป็นภาษาไทยว่าอย่างไร
ผมลองใช้คำว่า กระตือรือล้นอย่างคลั่งไคล้ แต่รู้สึกว่ามันรุ่มร่าม
ขอขอบคุณทุกท่านครับ