วันที่หนักที่สุดสำหรับคนเป็นลูก จากการที่มีพ่อเป็นโรคประสาท

สวัสดีค่ะ   จากกระทู้ http://ppantip.com/topic/32779594
ที่เราเคยเขียนเอาไว้  วันนี้มาอัพเดตนะคะ   วันนี้ 04/11/57 เป็นวันที่ เราไม่มีวันลืมและเป็นวันที่จิตใจเราย่ำแย่มาก
จากกระทู้ที่แล้ว ที่เราบอกว่า พ่อเราถือค้อนขึ้นไปบนห้อง   ทางเรา ลุงและแม่ ปรึกษากันว่าต้องพาพ่อไปหาหมอ
แต่ถ้าบอกว่าจะพาพ่อไปหาหมอ ก็ต้องหลอกเขา

เราบอกพ่อประมาณวันอาทิตย์ 02/11/57 ว่า เราปวดหัว ลุงจะพาไปหาหมอ พ่อไปเป็นเพื่อนหน่อย
พ่อเราก็ถามว่า เราปวดแบบไหน   เราก็บอกอาการให้พ่อฟัง (เราปวดจริงๆนะคะ แต่ไม่เคยไปตรวจหรอก)
แล้วเราก็บอกพ่อไปอีกว่า ‘ลุงก็จะไปตรวจสุขภาพด้วย พ่อก็ตรวจด้วยเลยนะ พ่อป่วยบ่อย’
พ่อเราบอกเราว่า  พ่อไม่เคยป่วย พ่อไม่เคยกินยา  ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงเลย  พ่อเราเป็นหวัดบ่อย  ยาพาราก็กิน แต่เขาบอกเขาไม่เคยกิน ไม่เคยป่วย   

วันจันทร์ก่อนวันที่จะไป เราก็เตือนพ่อว่า พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้านะ หนูมีเรียนตอนบ่าย  พ่อเราก็ถามเราว่า เราปวดหัวยังไง?
เชื่อพ่อไหม เดี๋ยวพ่อจะให้คาถา  คือตอนนั้นที่ฟังเราเงิ้บมาก แบบคาถาอะไร พ่อพูดอะไร  เรารู้เลยนะว่าพ่อเป็นห่วงเรา  แต่เราก็อยากให้พ่อหาย

วันนี้ 04/11/57 เราตื่นตั้งแต่ตี4 เพราะรพ.เขาเปิด 07.00 น. โรงพยาบาลที่เราไปคือ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา พอเราอาบน้ำเสร็จเราก็ไปปลุกพ่อ  พ่อเราจะไม่ไป เราเลยบอกว่า ‘พ่อไปเป็นเพื่อนหนูเถอะ ลุงไปด้วยก็จริง แต่ลุงเขาไม่สนใจนะว่าหนูจะป่วยเป็นอะไร หนูกลัวนะ’
พ่อก็เลยไปอาบน้ำแต่งตัว ระหว่างเดินทาง เราก็กลัวพ่อจะรู้นะว่า เขาต่างหากที่เป็นคนป่วยไม่ใช่เรา

จนมาถึงรพ. เราก็ไปทำบัตรรพ. ก่อนหน้านั้นเราแอบเอาบัตรประชาชนพ่อมาแล้ว โดยเราให้พ่ออยู่กับลุง  ตอนที่เราไปถ่ายเอกสาร เราเห็นพ่อเดินผ่านไป (ไม่เห็นเรานะ) เราตกใจมาก กลัวเขาเห็นเอกสารที่เราถ่าย  เลยรีบเก็บและเดินตาเขาไป  จากนั้นก็บอกให้เขาไปอยู่กับลุง หนูยังทำบัตรไม่เสร็จ พ่อก็เดินไปหาลุง แต่ตอนที่เราเจอลุงพ่อไม่อยู่กับลุงนะ
ลุงบอกว่า เขาไม่อยู่กับลุงเลย บอกจะไปหาเรา พอเราเจอพ่อแถวที่จอดรถ  พ่อดูระแวงมาก เพราะเขาคงรู้ว่านี่ไม่ใช่รพ.ทั่วไป มันเป็นรพ. จิตเวช เขาบอกเราว่า ขอกุญแจรถหน่อย จะไปรอที่รถ  แล้วเขาก็ไปรอที่รถเลย
เราต้องรอทำบัตรตอน 08.00 น. พอถึงเวลาทำบัตร ทางจนท.เขาต้องขอดูหน้าผู้ป่วย เราบอกจนท.ไว้แล้วว่า พ่อไม่รู้นะว่าเขาเป็นคนป่วย เราหลอกพามา  จนท.ก็เข้าใจ แต่มันต้องมีการตรวจพ่อ ลุงเลยไปหลอกพ่อมาว่า จนท.ขอเจอผู้ปกครอง พ่อเลยยอมลงมา

ทางจนท.ก็เรียกเราไปคุยตลอดว่า คนไหน คนนี้หรอ เขาไม่รู้ใช่ไหม
จากนั้นจนท. ก็พาลงไปที่ห้องจิตเวชฉุกเฉินที่มีจนท. คอยควบคุมคนป่วยที่อาละวาด พ่อก็ไปนะ  เราเห็นห้องฉีดยา เราเลยแกล้งถามจนท. ว่า ‘พี่คะ หนูต้องฉีดยาด้วยหรอคะ หนูกลัวเข็มอะ’ พี่เขาก็เล่นด้วย

พอมาถึง พยาบาลก็ถามเรา ว่าพ่อมีอาการยังไง เราเป็นอะไรกับพ่อ
เราก็บอกเขาไป ‘พ่อมีอาการหึงหวงรุนแรง ชอบทุบตีแม่เป็นประจำ เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ องค์เทพ ตอนอยู่ที่เอื้ออาทรก็ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง มีเงินก็เอาเงินแปะบนผนังแล้วบอกว่าเขาเสกไว้ จริงๆแล้วหนูมีพี่ แต่พ่อทำร้ายแม่จนแม่แท้ง ล่าสุดแม่พูดผิดหู พ่อก็เดินถือค้อนขึ้นห้องไป’ เราก็บอกประมาณนี้  จากนั้นพยาบาลก็เรียกให้พ่อไปตรวจเลือด  พ่อก็ไม่ยอม พูดว่า ‘อะไร ผมจะตรวจทำไม ลูกสาวผมมาตรวจไม่ใช่ผม ลูกสาวผมต่างหากที่ป่วย ผมพาลูกสาวผมมา’ เรานี่แบบรู้สึกผิดมาก ที่หลอกพ่อมา แต่ไม่พามาก็ไม่ได้ เขาอันตราย  พยาบาลเลยทำข้อตกลงกับเราก่อนว่า  ถ้าพ่อไม่ยอมให้ตรวจมีการขัดขืน เขาจะต้องมัดนะ พยาบาลให้เราเซ็นยินยอม เราเลยเซ็น  จากนั้นเราก็คุยกับหมอก่อน หมอก็ถามรายละเอียดเรา เราเล่าไปทั้งหมด และถามหมอว่าพ่อต้องนอนที่นี่ไหม ถ้ากลับบ้าน เขารู้แล้วว่าเราหลอกเขามา กลัวว่าเขาจะทำร้าย ระหว่างนั้น จนท.ต้องพาพ่อไปตรวจเลือด จนท.

ผู้ชายหลายคนก็มาคุยกับพ่อว่าพ่อต้องตรวจเลือกนะ พ่อก็ไม่ยอมๆ บอกว่า เขาไม่ได้เป็นอะไร เราต่างหากที่ป่วย
จนท.ถามว่า ถ้าบังคับให้ตรวจจะทำอะไร พ่อบอก ‘ผมจะต่อยคุณ’ คือพูดยังไงพ่อก็ไม่ยอม จนท.เลยล็อคคอ จับตัวพ่อ พ่อก็ดิ้นๆ ไม่ยอม ตอนนั้นเราร้องไห้เลยอะ  คือพ่อเราทั้งคน โดนคนมาล็อคคอแบบนี้ ใครจะทนไหว แม้รู้ว่าเขาช่วยเรานะ  แต่มันก็ทนไม่ได้หรอก จนท. ก็จับพ่อมัดแล้วพาไปตรวจเลือด เราก็ได้ยินแต่เสียงพ่อโวยวายมาจากห้องตรวจ เราไม่เข้าไป เราไม่กล้าสู้หน้าพ่อ กลัวพ่อว่าเรา กลัวพ่อตัดพ้อเราว่าเราหลอกเขามา

จากนั้นพยาบาลก็ให้เราไปรับยามาฉีดเพื่อสงบสติอารมณ์ รวมทั้งไปจ่ายเงิน พอเราทำธุระเสร็จ ก็ต้องเอายามาให้ที่ห้องฉุกเฉิน เราเห็นพ่อเดินมา โดนมัดไว้ จะมาเข้าห้องน้ำ เราก็หลบ เราไม่กล้าเจอ  จากนั้นเขาก็คงฉีดยา พ่อก็มานั่งตรงหน้าเคาเตอร์ เยื้องๆกับเรา เราก็ไม่กล้าสบตาพ่อนะ  เรารู้สึกผิด

ลืมเล่าอีกอย่าง คือลุงเราพอจนท. พาไปในห้องตรวจ ลุงก็ไปพร้อมพ่อนะ  ลุงบอกเราว่า พ่อคุยกับลุงดีนะ  แต่พยายามให้แก้มัด บอกว่าจะไปห้องน้ำแก้มัดให้หน่อย ลุงก็ไม่แก้
ลุงบอกว่า หมอเขาถามพ่อ ถามว่าอะไรลุงไม่ได้บอก  แต่พ่อบอกหมอประมาณว่า พ่อมีองค์ พ่อมีลูกแก้ว (ลูกแก้วอะไรไม่รู้นะ) จากนั้นหมอก็บอกเราว่า พ่อต้องนอนรพ.นะ ให้เราเซ็นยินยอม จนท.ก็ไปคุยกับพ่อว่า พ่อต้องนอนรพ.นะ ลูกสาวเป็นห่วง พ่อป่วย พ่อก็เข้าใจ (อาจจะเพราะฤทธิ์ยาด้วย)
ตอนเรานั่งอยู่ พ่อกวักมือเรียกเรา เราก็กล้าๆกลัวๆ พ่อเราก็พูดดีนะ พ่อบอกว่า ให้บอกน้องชายเราด้วยนะ
เราเลยบอกพ่อเลยว่า ‘พ่อ พ่อนอนนี่นะคะ พ่อไม่ค่อยสบาย หนูเป็นห่วง’พ่อก็แย้งๆว่า ‘พ่อนอนนี่แล้วพวกหนูจะมาหายังไง มันไกล’ เราเลยบอกว่า เดี๋ยวลุงพามา พ่อไม่ต้องห่วง หนูมาเยี่ยมทุกอาทิตย์แน่ พ่อก็โอเค
เรานี่แบบรู้สึกแย่มากอะ

จนท.ก็พาพ่อ เรา และลุงขึ้นรถตู้เพื่อไป หอนอน  พ่อเราได้อยู่ชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นที่เรียกว่า ‘หอราตรี’ เป็นสำหรับผู้ป่วยรุนแรง มีอาการทำร้ายผู้อื่น หรือทำร้ายตนเอง
จนท.พาพ่อไปเปลี่ยนชุด พ่อไม่มีท่าทีขัดขืนนะ  แต่พ่อบอกให้เราโทรบอกปู่บอกย่าด้วย  เราเลยบอกพ่อว่า ‘หนูจะมาเยี่ยมนะ เสาร์-อาทิตย์นะพ่อ’ พ่อก็ไม่พูดอะไรนะ

ทางหมอประจำหอราตรีก็บอกรายละเอียดเรา ว่าเยี่ยมได้ทุกวัน วันละ 1 ชม.นะ แล้วก็ขอคำยินยอมที่จะมีการรักษาแบบช็อตไฟฟ้าด้วย!!

เรานี่แบบตกใจมากอะ  ช็อตไฟฟ้า? เราเลยถามหมอว่า ช็อตที่ไหนคะ? ที่หัว?  
หมอบอกใช่ คือถ้ากินยาแล้วไม่ดีขึ้นก็ต้องช็อต  เราแบบใจเสียมาก คิดภาพพ่อตัวเองโดนช็อต มันจะทรมาณแค่ไหน  แต่ก็ต้องยินยอมเพราะอยากให้พ่อหาย จากนั้นทางหอราตรีก็ขอเก็บค่าใช้จ่าย มันจะมีค่าเตียงนอนกับค่าขนม โดยค่าขนมแล้วแต่เราจะให้ไว้ เพราะจนท. เขาจะไปซื้อขนมให้ผู้ป่วยทุกวัน เราเลยให้ไปเลย 1000 นึง
หมมอบอกรายละเอียดอีกว่า ‘หอราตรี ผู้ป่วยจะอยู่ที่หอนี้ประมาณ 5-6 วัน ถ้าดีขึ้นก็จะให้ไปอยู่ข้างบน ซึ่งเป็นห้องผู้ป่วยปกติ’ เราก็โอเคนะ เบาใจไปหน่อย

หมอก็ให้เราไปซื้อรองเท้าแตะให้พ่อ กับตรวจสอบสิทธิเพื่อที่จะรักษาฟรี เราก็ไปทำบัตร ส่วนลุงไปซื้อรองเท้า  
สรุปคือเรา ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม เพราะหมอบอกว่าเป็นเคสฉุกเฉิน แต่ถ้ามียานอกก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย

พอเรากลับไปที่หอราตรี ก็ไม่เจอพ่อ เพราะหมอให้นอนพัก  

เรื่องวันนี้ก็ประมาณนี้แหละค่ะ ตอนเรานั่งข้างนอก มีญาติผู้ป่วยถามจนท.นะว่า คนที่โดนมัด เขาเป็นบ้าหรอ ถามอยู่นั่น จนท.ก็ไม่ได้พูดอะไร คือเรานั่งอยู่ตรงนั้น ใจนี่อยากจะลุกไปตบปากผู้หญิงคนนั้นและ แต่อีกใจ เขาก็พูดไม่ผิด พ่อเราเป็นโรคประสาท จนท.บอกพ่อเราเป็นเยอะ ถ้าเขาออกจากรพ. ก็ต้องกินยาทุกวัน ถ้าไม่กินจะหลอกพามา เขาก็รู้ตัวแล้ว คงต้องให้ตำรวจหรือมูลนิธิ พาเขามารพ.

เราชื่นชมการทำงานของรพ.มากค่ะ  ไปทุกที่ เจ้าหน้าที่ หมอ หรือแม้กระทั่งร้ายขายของ พูดจาดีมากๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส เราเข้าใจนะว่า งานด้านจิตวิทยาก็ต้องพูดจาแบบนี้ แต่เราก็ประทับใจนะ

ถ้ามีอะไรคืบหน้าเราจะมาอัพเดตนะคะ  ถ้ามีคนอ่านกระทู้นี้  เราอยากบอกว่า  รักพ่อของคุณมากๆนะคะ สำหรับคนที่คุณพ่อยังอยู่ เราอิจฉาพวกคุณนะ ครอบครัวเราเจอมาหนัก แม้อาจจะมีคนหนักกว่า แต่เราขอเล่าสิ่งที่เจอ เพื่อให้พวกคุณได้เอาไปใส่ใจพ่อ ครอบครัวพวกคุณนะคะ เราพยายามอย่างที่สุดแล้ว และเราก็หวังว่าพ่อจะหาย แม้จะไม่หาย 100% แต่อย่างน้อยก็ให้เขาเลิกทำร้ายคนอื่น นั่นก็เพียงพอสำหรับเราแล้ว

ขอบคุณคนที่แนะนำรพ.นี้นะคะ และขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ปล.เราพิมพ์ใน word คำไหนผิดเพี้ยนไปบ้างขอโทษด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่