สวัสดีครับชาวพันทิป
**ตอนที่ 2. สวัสดีครับ "โปรตีน":
http://ppantip.com/topic/32807264
**ตอนที่ 3. สบายดีไหมครับ "ไขมัน":
http://ppantip.com/topic/32811774
ผมเคยเขียนกระทู้แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักของตัวเองไว้ในพันทิปครับ สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านน่ะครับ:
http://ppantip.com/topic/32789368
ฝากกระทู้อื่นๆของผมด้วยน่ะครับ
http://ppantip.com/profile/1630538
เข้าเรื่องเลยน่ะครับ
ผมได้มีโอกาสนั่งอ่านบทความเกี่ยวกับการเผาผลาญพลังงานของร่างกายมนุษย์ เลยอยากจะมาเขียนเก็บไว้แชร์ครับ
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ประโยคนี้ทุกคนคงเคยได้ยินมาแล้วใช่ไหมครับ การลดความอ้วนก็เหมือนกัน ถ้าเรารู้ว่าร่างกายของเราทำงานอย่างไร มันก็จะทำให้เราสามารถใช้ประสิทธิภาพของร่างกายเราได้เต็มที่ครับ
มาทำความรู้จักกับ Macro-Nutrient กันครับ
รถยนต์ต้องใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน ร่างกายเราก็เช่นกันครับ แต่ต่างกันที่ร่างกายเราทำงานได้โดยการเผาผลาญอาหาร (เชื้อเพลิง) ที่เรากินเข้าไปเพื่อให้กลายเป็นพลังงาน เชื้อเพลิงที่ร่างกายเราใช้ได้มีด้วยกันหลักๆอยู่สามอย่างครับ นั้นก็คือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แล้วก็ ไขมัน ร่างกายเราสามารถที่จะเผาผลาญได้ทั้งสามอย่าง แต่ทำในเวลา และ สถานการณ์ที่ต่างกันครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดเราขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ร่างกายเราก็จะเริ่มดึงเอาไขมันมาเป็นพลังงาน หลังจากที่ไขมันเราหมด ก็จะดึงเอากล้ามเนื้อเรามาใช้ ซึ่งถ้าดึงเอากล้ามเนื้อมาใช้มากๆ อาจจะมีผลเสียกับอวัยวะในร่างกาย ซึ่งในเคสร้ายแรงอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต แต่โชคดีครับ ที่ร่างกายเราฉลาดพอที่จะดึงเอาเชื้อเพลิงที่มีเหลือมาใช้เป็นพลังงานก่อนที่จะเข้าไปดึงเอาเชื้อเพลิงสำคัญที่ตุนไว้
คาร์โบไฮเดรต: ตกลงเป็น มิตรหรือศัตรู
คาร์โบไฮเดรต หรือ แป้ง ก็คือโมเลกุลน้ำตาลครับ ร่างกายเราจะเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็น Glucose เพื่อที่จะเอาไปใช้ผลิตพลังงาน ถ้ามีมากเกินไป ร่างกายเราก็จะเก็บคาร์โบไฮเดรตไว้ในรูปแบบของ Glycogen (ซึ่งก็คือ Glucose ต่อกันหลายๆตัวครับ)
หลายคนเข้าใจว่าการไม่กินแป้งลดความอ้วนได้ ซึ่งถูกครับ ไม่กินแป้งคุณน้ำหนักลงแน่ๆครับ แต่น้ำหนักที่ลงไปมันบอกอะไรคุณได้บ้าง? กล้ามเนื้อคุณหายไป? น้ำหายไป? หรือไขมันหายไป? บอกไม่ได้หรอกครับ
การที่เราไม่กินแป้ง หรือกินแป้งน้อยเกินไป ร่างกายเราก็จะน้ำหนักลงครับ ลงเร็วมากๆด้วย ช่วงแรกๆ ข้อเสีย? น้ำหนักที่หายไป ส่วนมากเป็นน้ำกับกล้ามเนื้อครับ แล้วพอเรากลับไปกินแป้งใหม่ น้ำที่หายไปก็จะกลับมา แต่กล้ามเนื้อไม่ได้กลับมาด้วยครับ แปลว่าอะไร น้ำหนักคุณจะกลับมาเท่าเดิมหรืออาจจะมากขึ้น บวกกับว่าค่า BMR ของเราน้อยลงกว่าเดิมอีก เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อเราน้อยลง ซึ่งเป็นเหตุหลักครับที่ทำให้เกิดอาการโยโย่ (ถึงแม้เราจะกลับมากินเท่าเดิม)
เพิ่มเติมน่ะครับ บางอวัยวะไม่สามารถที่จะใช้พลังงานจากไขมันได้เต็มที่ อย่างเช่น สมองกับเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งอาจจะมีผลทำให้เรา มีอาการเวียนหัว หน้ามืด แล้วก็อ่อนเพลียครับ
โอเค เรารู้แล้วว่าร่างกายเราต้องการแป้ง แต่ไม่ใช่จะจับยัดได้ทุกอย่างน่ะครับ แป้งแบ่งได้สองประเภท นั้นก็คือ คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว กับ เชิงซ้อน (Simple vs Complex Carbohydrate) ต่างกันยังไงครับ? คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวเผาผลาญง่ายครับ เอามาใช้เป็นพลังงานได้ง่าย เช่นขนมที่มีน้ำตาลเยอะๆ หรือพวก chocolate bar อะไรแบบนี้ครับ ปัญหาคือมันเข้าสู่กระแสเลือดเราได้ง่ายๆ และเผาผลาญได้เร็ว ทำให้พลังงานเราลดลงเร็วเช่นกันครับ (sugar crash) ทำให้เรารู้สึกโหยน้ำตาลเพิ่ม ทั้งๆที่จริงๆแล้วร่างกายเราไม่ได้ต้องการครับ ส่วนคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จะเผาผลาญได้ยากกว่าครับ ทำให้ค่อยๆเข้าไปในกระแสเลือดเราทีละนิดๆ ส่งผลทำให้เรารู้สึกหิวช้าขึ้นครับ
แล้วคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมาจากไหน?
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมีสองประเภทครับ นั้นก็คือ starch กับ fiber ครับ
Starch เนี่ยเราหาได้จาก ข้าวโพด ถั่วเขียว มันฝรั่ง แล้วก็พวก ข้าวกล้อง ขนมปัง whole wheat รวมถึงข้าวโอ๊ตด้วยครับ ส่วน fiber ก็หาได้จากผักและก็ผลไม้ครับ fiber ยังมีส่วนช่วยเรื่องการขับถ่าย แล้วก็ทำให้เรารู้สึกอิ่มได้นานขึ้นด้วยครับ
สรุปน่ะครับ การลดน้ำหนักไม่ใช่แค่การตัดอาหาร ไม่ใช่แค่ตัดแป้ง ร่างกายเราเข้าใจยากกว่านั้นมากครับ ถ้าเราจะเริ่มลดน้ำหนัก เราต้องฉลาดกินครับ เลือกกินแป้งที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสม การลดความอ้วนไม่ใช่การทรมานตัวเองครับ แต่มันคือการเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราให้มันดีขึ้นต่างหากล่ะครับ
วันนี้พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวผมจะมาต่อเรื่องของ โปรตีน กับ ไขมันให้น่ะครับ
ที่มาของบทความครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.diabetes.org/food-and-fitness/food/what-can-i-eat/understanding-carbohydrates/types-of-carbohydrates.html
http://www.livestrong.com/article/27398-list-complex-carbohydrates-foods/
http://www.superskinnyme.com/low-carb-diet.html
http://breakingmuscle.com/nutrition/the-right-way-to-lose-fat-what-to-eat
http://www.dummies.com/how-to/content/carbohydrates-do-more-than-make-energy-for-your-bo.html
http://stronglifts.com/weight-loss-vs-fat-loss-are-you-sure-you%E2%80%99re-losing-fat/
ฝากกระทู้ด้วยน่ะครับผม ถ้าชอบไม่ชอบยังไง ติชมกันได้ครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่คิดจะเปลี่ยนแปลงครับ
Mr. Big Beard
ตอนที่ 1. ยินดีที่ได้รู้จักครับ “คาร์โบไฮเดรต” (ทำความรู้จักตัวเองให้มากขึ้นกันครับ)
**ตอนที่ 2. สวัสดีครับ "โปรตีน": http://ppantip.com/topic/32807264
**ตอนที่ 3. สบายดีไหมครับ "ไขมัน": http://ppantip.com/topic/32811774
ผมเคยเขียนกระทู้แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักของตัวเองไว้ในพันทิปครับ สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านน่ะครับ: http://ppantip.com/topic/32789368
ฝากกระทู้อื่นๆของผมด้วยน่ะครับ http://ppantip.com/profile/1630538
เข้าเรื่องเลยน่ะครับ
ผมได้มีโอกาสนั่งอ่านบทความเกี่ยวกับการเผาผลาญพลังงานของร่างกายมนุษย์ เลยอยากจะมาเขียนเก็บไว้แชร์ครับ
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ประโยคนี้ทุกคนคงเคยได้ยินมาแล้วใช่ไหมครับ การลดความอ้วนก็เหมือนกัน ถ้าเรารู้ว่าร่างกายของเราทำงานอย่างไร มันก็จะทำให้เราสามารถใช้ประสิทธิภาพของร่างกายเราได้เต็มที่ครับ
มาทำความรู้จักกับ Macro-Nutrient กันครับ
รถยนต์ต้องใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน ร่างกายเราก็เช่นกันครับ แต่ต่างกันที่ร่างกายเราทำงานได้โดยการเผาผลาญอาหาร (เชื้อเพลิง) ที่เรากินเข้าไปเพื่อให้กลายเป็นพลังงาน เชื้อเพลิงที่ร่างกายเราใช้ได้มีด้วยกันหลักๆอยู่สามอย่างครับ นั้นก็คือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แล้วก็ ไขมัน ร่างกายเราสามารถที่จะเผาผลาญได้ทั้งสามอย่าง แต่ทำในเวลา และ สถานการณ์ที่ต่างกันครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดเราขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ร่างกายเราก็จะเริ่มดึงเอาไขมันมาเป็นพลังงาน หลังจากที่ไขมันเราหมด ก็จะดึงเอากล้ามเนื้อเรามาใช้ ซึ่งถ้าดึงเอากล้ามเนื้อมาใช้มากๆ อาจจะมีผลเสียกับอวัยวะในร่างกาย ซึ่งในเคสร้ายแรงอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต แต่โชคดีครับ ที่ร่างกายเราฉลาดพอที่จะดึงเอาเชื้อเพลิงที่มีเหลือมาใช้เป็นพลังงานก่อนที่จะเข้าไปดึงเอาเชื้อเพลิงสำคัญที่ตุนไว้
คาร์โบไฮเดรต: ตกลงเป็น มิตรหรือศัตรู
คาร์โบไฮเดรต หรือ แป้ง ก็คือโมเลกุลน้ำตาลครับ ร่างกายเราจะเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็น Glucose เพื่อที่จะเอาไปใช้ผลิตพลังงาน ถ้ามีมากเกินไป ร่างกายเราก็จะเก็บคาร์โบไฮเดรตไว้ในรูปแบบของ Glycogen (ซึ่งก็คือ Glucose ต่อกันหลายๆตัวครับ)
หลายคนเข้าใจว่าการไม่กินแป้งลดความอ้วนได้ ซึ่งถูกครับ ไม่กินแป้งคุณน้ำหนักลงแน่ๆครับ แต่น้ำหนักที่ลงไปมันบอกอะไรคุณได้บ้าง? กล้ามเนื้อคุณหายไป? น้ำหายไป? หรือไขมันหายไป? บอกไม่ได้หรอกครับ
การที่เราไม่กินแป้ง หรือกินแป้งน้อยเกินไป ร่างกายเราก็จะน้ำหนักลงครับ ลงเร็วมากๆด้วย ช่วงแรกๆ ข้อเสีย? น้ำหนักที่หายไป ส่วนมากเป็นน้ำกับกล้ามเนื้อครับ แล้วพอเรากลับไปกินแป้งใหม่ น้ำที่หายไปก็จะกลับมา แต่กล้ามเนื้อไม่ได้กลับมาด้วยครับ แปลว่าอะไร น้ำหนักคุณจะกลับมาเท่าเดิมหรืออาจจะมากขึ้น บวกกับว่าค่า BMR ของเราน้อยลงกว่าเดิมอีก เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อเราน้อยลง ซึ่งเป็นเหตุหลักครับที่ทำให้เกิดอาการโยโย่ (ถึงแม้เราจะกลับมากินเท่าเดิม)
เพิ่มเติมน่ะครับ บางอวัยวะไม่สามารถที่จะใช้พลังงานจากไขมันได้เต็มที่ อย่างเช่น สมองกับเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งอาจจะมีผลทำให้เรา มีอาการเวียนหัว หน้ามืด แล้วก็อ่อนเพลียครับ
โอเค เรารู้แล้วว่าร่างกายเราต้องการแป้ง แต่ไม่ใช่จะจับยัดได้ทุกอย่างน่ะครับ แป้งแบ่งได้สองประเภท นั้นก็คือ คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว กับ เชิงซ้อน (Simple vs Complex Carbohydrate) ต่างกันยังไงครับ? คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวเผาผลาญง่ายครับ เอามาใช้เป็นพลังงานได้ง่าย เช่นขนมที่มีน้ำตาลเยอะๆ หรือพวก chocolate bar อะไรแบบนี้ครับ ปัญหาคือมันเข้าสู่กระแสเลือดเราได้ง่ายๆ และเผาผลาญได้เร็ว ทำให้พลังงานเราลดลงเร็วเช่นกันครับ (sugar crash) ทำให้เรารู้สึกโหยน้ำตาลเพิ่ม ทั้งๆที่จริงๆแล้วร่างกายเราไม่ได้ต้องการครับ ส่วนคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จะเผาผลาญได้ยากกว่าครับ ทำให้ค่อยๆเข้าไปในกระแสเลือดเราทีละนิดๆ ส่งผลทำให้เรารู้สึกหิวช้าขึ้นครับ
แล้วคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมาจากไหน?
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมีสองประเภทครับ นั้นก็คือ starch กับ fiber ครับ
Starch เนี่ยเราหาได้จาก ข้าวโพด ถั่วเขียว มันฝรั่ง แล้วก็พวก ข้าวกล้อง ขนมปัง whole wheat รวมถึงข้าวโอ๊ตด้วยครับ ส่วน fiber ก็หาได้จากผักและก็ผลไม้ครับ fiber ยังมีส่วนช่วยเรื่องการขับถ่าย แล้วก็ทำให้เรารู้สึกอิ่มได้นานขึ้นด้วยครับ
สรุปน่ะครับ การลดน้ำหนักไม่ใช่แค่การตัดอาหาร ไม่ใช่แค่ตัดแป้ง ร่างกายเราเข้าใจยากกว่านั้นมากครับ ถ้าเราจะเริ่มลดน้ำหนัก เราต้องฉลาดกินครับ เลือกกินแป้งที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสม การลดความอ้วนไม่ใช่การทรมานตัวเองครับ แต่มันคือการเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราให้มันดีขึ้นต่างหากล่ะครับ
วันนี้พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวผมจะมาต่อเรื่องของ โปรตีน กับ ไขมันให้น่ะครับ
ที่มาของบทความครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฝากกระทู้ด้วยน่ะครับผม ถ้าชอบไม่ชอบยังไง ติชมกันได้ครับ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่คิดจะเปลี่ยนแปลงครับ
Mr. Big Beard