1.
ชายตาบอดคนหนึ่ง
นั่งเศร้า
มีภรรยายืนร้องไห้อยู่เบื้องหน้า..
ลมพัด ใยแมงมุมสั่นไหว
ชายคนนั้นยังคงเหม่อลอยและยังคงเงียบขรึม
เขาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิดด้วยดวงตาที่สิ้นหวัง
เธออยู่เหมือนไม่มีเธออยู่..
แม้น้ำตาของเธอยังคงหลั่งไหล ดวงตาของเธอแดงก่ำ
ทั้ง ๆ อย่างนั้น..
แต่เขาก็ยังกลับมองไม่เห็นสิ่งใด
ไร้ซึ่งความหวัง ไร้ซึ่งแสงสว่าง
ความเงียบปกคลุมพวกเขาทั้งสอง
สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านพวกเขาไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า..
และวินาทีนั้น
ความเย็นที่ยากจะหยั่งถึงก็ห่อคลุมร่างของชายคนนั้นไว้!
...
2.
เรื่องราวทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
อุบัติเหตุในครั้งนั้นได้พลัดพรากความสมบูรณ์แบบไปจากพวกเขา..
ด้วยอุบัติเหตุทางถนน
รถยนต์ที่ไม่คาดฝันเสียหลังพุ่งชนรถของพวกเขาเข้าอย่างจัง
ใช่แล้ว.. แม้ความรักของพวกเขาจะกำลังเบ่งบาน
แต่ความเร็วรถที่พุ่งชนเข้ามาก็หาได้สนใจต่อสิ่งใดไม่..
หน้าชนหน้า เร็วชนเร็ว รถทั้งสองต่างปะทะกันเสียงดังสนั่น
วินาทีถัดมา ราวกับการแตกออกของดอกไม้ไฟดวงใหญ่
กระจกหน้ารถของชายผู้โชคร้ายทั้งบานแตกกระจายออกมาในทันที
เศษเสี้ยวเล็ก ๆ อันแหลมคมของมันล่องลอยอยู่เต็มอากาศ
และด้วยจำนวนที่มากมายของมันนั้นเอง..
มันก็ได้พรากแสงสว่างสุดท้ายไปจากเขาในวินาทีต่อจากนั้น!!
…
3.
‘ผมจะไม่มีโอกาสได้เห็นคุณอีกแล้วใช่ไหม..?! ’
ชายคนนั้นเริ่มพูดขณะที่น้ำตาของเขาก็เริ่มไหล
น้ำใส ๆ นั้นไม่หลงเหลือความเย็นแต่อย่างใด มันอุ่นราวกับจะบาดใจเขาออกเป็นส่วน ๆ
เขานึกย้อนไปถึงดวงตาอันใสซื่อที่เขาชอบมองและเฝ้าโหยหา
ภาพนั้นกำลังจะหายไปตราบชั่วกาลนาน
เขารู้ดีว่าเขาคิดถึงใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นมากมายสักเพียงไร..
‘คิดถึง.. และยังคงคิดถึงอยู่อย่างนั้น.. ’
เขายังอยากเห็นใบหน้านั้นของเธออีกสักครั้ง อีกแค่สักครั้งหนึ่งก็ยังดี
แต่เขาก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้..
‘ไม่เป็นไรนะที่รัก ฉันอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าเธอนี่ไง มองฉันสิ.. ’
แม้ว่าภรรยาของเขาจะกำลังร้องไห้อยู่เบื้องหน้าและไม่มีใครเห็น
แต่ดูเหมือนเธอจะพยายามปกปิดความอ่อนแอนั้นไว้
เธอได้แต่เอามือปิดปากและคุกเข่าลงต่อหน้าสามีของเธอด้วยความอ่อนแรง
เสียงร้องไห้ที่เศร้าหมองหดหู่ของทั้งสองยังคงแผดดัง..
…
4.
‘ที่รัก ผมขอโทษ..!! ’
และทันใดนั้น ชายคนนั้นก็ร้องคร่ำครวญอยู่ในความเปล่าเปลี่ยวที่แสนโหดร้าย
‘เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอจากไปอย่างไม่อาจหวนกลับ!! ’
ใช่แล้ว.. อุบัติเหตุในครั้งนั้นมิได้พรากแสงสว่างไปจากเขาแต่เพียงอย่างเดียว
แต่มันยังพรากบุคคลอันเป็นที่รักของเขาไปอีกด้วย?!
‘ผมขอโทษนะที่รัก.. วันนั้นผมไม่น่าชวนคุณออกมาด้วยเลย.. ผมขอโทษ ๆ.. ฮือ ๆ ’
น้ำตาของเขายังคงไหลต่อ
โดยมีความเงียบที่ชวนขนลุกคอยอยู่เคียงข้าง
ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบรับจากความรู้สึกที่เขาได้เอื้อนเอ่ยออกมานั้น..
เขาไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของวิญญาณภรรยาสาวที่อยู่เบื้องหน้าของเขาได้เลย
แม้เพียงน้อยนิด..
จะมีก็แต่เพียงสายลมอ่อน ๆ อันแผ่วเบา
ที่คอยโอบล้อมตัวเขาไว้แทนอ้อมกอดที่ควรจะอบอุ่น
แทนคำบอกรักที่ยังขาดไป แทนหัวใจที่แหลกสลาย
ที่ส่งผ่านมาจากใครคนหนึ่งถึงตัวเขา..
..โดยที่เขาไม่รู้ตัว
!!!
...
ความหมายของสายลม By.. Differ^ ^ (บางครั้ง.. สายลมที่พัดผ่านเราไปก็มีความหมาย.)
ชายตาบอดคนหนึ่ง
นั่งเศร้า
มีภรรยายืนร้องไห้อยู่เบื้องหน้า..
ลมพัด ใยแมงมุมสั่นไหว
ชายคนนั้นยังคงเหม่อลอยและยังคงเงียบขรึม
เขาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิดด้วยดวงตาที่สิ้นหวัง
เธออยู่เหมือนไม่มีเธออยู่..
แม้น้ำตาของเธอยังคงหลั่งไหล ดวงตาของเธอแดงก่ำ
ทั้ง ๆ อย่างนั้น..
แต่เขาก็ยังกลับมองไม่เห็นสิ่งใด
ไร้ซึ่งความหวัง ไร้ซึ่งแสงสว่าง
ความเงียบปกคลุมพวกเขาทั้งสอง
สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านพวกเขาไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า..
และวินาทีนั้น
ความเย็นที่ยากจะหยั่งถึงก็ห่อคลุมร่างของชายคนนั้นไว้!
...
2.
เรื่องราวทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
อุบัติเหตุในครั้งนั้นได้พลัดพรากความสมบูรณ์แบบไปจากพวกเขา..
ด้วยอุบัติเหตุทางถนน
รถยนต์ที่ไม่คาดฝันเสียหลังพุ่งชนรถของพวกเขาเข้าอย่างจัง
ใช่แล้ว.. แม้ความรักของพวกเขาจะกำลังเบ่งบาน
แต่ความเร็วรถที่พุ่งชนเข้ามาก็หาได้สนใจต่อสิ่งใดไม่..
หน้าชนหน้า เร็วชนเร็ว รถทั้งสองต่างปะทะกันเสียงดังสนั่น
วินาทีถัดมา ราวกับการแตกออกของดอกไม้ไฟดวงใหญ่
กระจกหน้ารถของชายผู้โชคร้ายทั้งบานแตกกระจายออกมาในทันที
เศษเสี้ยวเล็ก ๆ อันแหลมคมของมันล่องลอยอยู่เต็มอากาศ
และด้วยจำนวนที่มากมายของมันนั้นเอง..
มันก็ได้พรากแสงสว่างสุดท้ายไปจากเขาในวินาทีต่อจากนั้น!!
…
3.
‘ผมจะไม่มีโอกาสได้เห็นคุณอีกแล้วใช่ไหม..?! ’
ชายคนนั้นเริ่มพูดขณะที่น้ำตาของเขาก็เริ่มไหล
น้ำใส ๆ นั้นไม่หลงเหลือความเย็นแต่อย่างใด มันอุ่นราวกับจะบาดใจเขาออกเป็นส่วน ๆ
เขานึกย้อนไปถึงดวงตาอันใสซื่อที่เขาชอบมองและเฝ้าโหยหา
ภาพนั้นกำลังจะหายไปตราบชั่วกาลนาน
เขารู้ดีว่าเขาคิดถึงใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นมากมายสักเพียงไร..
‘คิดถึง.. และยังคงคิดถึงอยู่อย่างนั้น.. ’
เขายังอยากเห็นใบหน้านั้นของเธออีกสักครั้ง อีกแค่สักครั้งหนึ่งก็ยังดี
แต่เขาก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้..
‘ไม่เป็นไรนะที่รัก ฉันอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าเธอนี่ไง มองฉันสิ.. ’
แม้ว่าภรรยาของเขาจะกำลังร้องไห้อยู่เบื้องหน้าและไม่มีใครเห็น
แต่ดูเหมือนเธอจะพยายามปกปิดความอ่อนแอนั้นไว้
เธอได้แต่เอามือปิดปากและคุกเข่าลงต่อหน้าสามีของเธอด้วยความอ่อนแรง
เสียงร้องไห้ที่เศร้าหมองหดหู่ของทั้งสองยังคงแผดดัง..
…
4.
‘ที่รัก ผมขอโทษ..!! ’
และทันใดนั้น ชายคนนั้นก็ร้องคร่ำครวญอยู่ในความเปล่าเปลี่ยวที่แสนโหดร้าย
‘เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอจากไปอย่างไม่อาจหวนกลับ!! ’
ใช่แล้ว.. อุบัติเหตุในครั้งนั้นมิได้พรากแสงสว่างไปจากเขาแต่เพียงอย่างเดียว
แต่มันยังพรากบุคคลอันเป็นที่รักของเขาไปอีกด้วย?!
‘ผมขอโทษนะที่รัก.. วันนั้นผมไม่น่าชวนคุณออกมาด้วยเลย.. ผมขอโทษ ๆ.. ฮือ ๆ ’
น้ำตาของเขายังคงไหลต่อ
โดยมีความเงียบที่ชวนขนลุกคอยอยู่เคียงข้าง
ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบรับจากความรู้สึกที่เขาได้เอื้อนเอ่ยออกมานั้น..
เขาไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของวิญญาณภรรยาสาวที่อยู่เบื้องหน้าของเขาได้เลย
แม้เพียงน้อยนิด..
จะมีก็แต่เพียงสายลมอ่อน ๆ อันแผ่วเบา
ที่คอยโอบล้อมตัวเขาไว้แทนอ้อมกอดที่ควรจะอบอุ่น
แทนคำบอกรักที่ยังขาดไป แทนหัวใจที่แหลกสลาย
ที่ส่งผ่านมาจากใครคนหนึ่งถึงตัวเขา..
..โดยที่เขาไม่รู้ตัว
!!!
...