แสงไฟส่องใจ
ตรงมุมมืดมุมหนึ่งในบ้านอันเปล่าเปลี่ยวโดดเดี่ยวเดียวดายลำพัง มีเธอนั่งอยู่ตรงมุมนั้น แขนทั้งสองโอบกอดตัวเอง ทว่าจิตใจกลับเฝ้าโหยหาอ้อมกอดจากคนที่รักเพียงสักครั้ง แค่เพียงครั้งเดียวก่อนที่เธอจะดำดิ่งซ่อนเร้นเฝ้นกายอยู่ในมุมมืดที่ใครไม่สามารถมองเห็นเธอได้อีกตลอดกาล น้ำตาเอ่อนองสองแก้มนวล เสียงสะอื้นแผ่วเบาล่องลอยไปกับสายลมแห่งความมืดมิด อารมณ์หดหู่หม่นหมอง ไร้แสงสว่างใดส่องฉายหญิงสาวผู้โดดเดี่ยว อ้างว้างและสิ้นหวังในรัก
ไม่รู้ว่ากี่คืนกี่วันกี่เดือนผ่านไปเธอยังนั่งอยู่ตรงนั้น ในมุมมืดมุมหนึ่ง ภายในบ้านอันเปล่าเปลี่ยว เธอเองก็ไม่รู้ เธอไม่อาจจะนับวันเวลาอันโศกเศร้าซึ่งกุมเกาะหัวใจของเธอมาเนิ่นนาน นานเหลือเกิน
ค่ำคืนหนาวเหน็บความหนาวเย็นแทรกซึมผ่านผิวกายเธอ สั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เธออ้อนวอนกับพระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานความเข้มแข็งให้เธอสักครั้ง โปรดชี้ทางสว่างให้เธอหลุดพ้นไปจากมุมมืดตรงนี้เสียที เสียงอ้อนวอนอันแผ่วเบาไม่มีทางที่พระผู้เป็นเจ้าจะได้ยิน และสิ่งนี้เธอพอรู้อยู่บ้าง ช่างตลกสิ้นดีที่เธอพยายามอ้อนวอนจากสิ่งที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่ามีจริงหรือไม่
ความทุกข์เศร้าโศกกัดกร่อนหัวใจดวงนี้ทีละเล็กทีละน้อย และเธอค่อยๆซ่อนกายลึกลงไปในมุมมืดที่ไม่มีใครจะสามารถดึงเธอขึ้นมาได้อีก
ความรักที่เคยสดใสสวยงามเมื่อครั้งอดีต วันเวลาผ่านไปความสดใสสวยงามมิอาจยั่งยืนทนทานอยู่ได้ ธาตุแท้ของชายที่เธอรักสุดขั้วหัวใจก็ค่อยๆปรากฏออกมาอย่าช้าๆ ช้าๆและไม่เคยหยุด หลายครั้งที่เธอให้อภัยเขา หลายครั้งที่เขาเอ่ยคำว่าขอโทษ แต่เป็นคำขอโทษที่ขอไปที ช่างแสนเจ็บปวดเหลือเกิน ความรักที่เธอมีให้เขามันเป็นแค่ความว่างเปล่าในสายลมหรือไร คำถามที่เธอเฝ้าถามตัวเอง และไม่เคยได้รับคำตอบใดๆกลับมา
ชายมากรักหลายใจ …. เธอถามตัวเองทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไร ทนได้อย่างไรกับความเจ็บปวดทรมานที่ชายผู้เป็นที่รักหยิบยื่นในเธอทุกวัน เพราะรักใช่หรือไม่? ใช่เพราะรัก เธอตอบคำถามในใจอย่างนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยเพราะเธอรักเขา จึงทนอยู่กับเขาแม้ในวันที่เขานอกใจเธอหลายครั้งหลายหน ถึงอย่างไรก็รัก คำตอบจากใจหญิงสาวผู้ศรัทธาในความรัก หากทว่าความศรัทธานั้นกลับกลายเป็นหอกแหลมคมทิ่มแทงหัวใจเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ค่ำคืนที่สายฝนโปรยปรายลงมา ลมกรรโชกรุนแรง เธอนั่งรอสามีที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะจัดเตรียมกับข้าวหลายอย่าง และล้วนเน้นของที่สามีชอบ เธอจะทำให้ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่ประทับใจที่สุดสำหรับสามีที่รัก
เสียงเปิดประตูบ้านเข้ามาพร้อมการปรากฏตัวของสามีใบหน้าบูดบึ้งบอกบุญไม่รับ เธอส่งยิ้มหวานซึ้งให้สามี
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องรอ ดึกดื่นปานนี้ยังมานั่งรออีก” เสียงทักทายจากสามี
“น้องรอทานข้าวพร้อมพี่ค่ะ”
“จะรอทำไม หิวก็กินก่อนเลยจะต้องให้บอกกี่ครั้ง น่ารำคาญซะมัด”
“วันนี้วันเกิดน้องนะคะ นั่งทานข้าวเป็นเพื่อนน้องสักแค่คืนนี้คืนเดียวนะคะ” เสียงอ้อนวอนจากหญิงสาวไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนผ่อนตาม ความรักความผูกพันสูญสิ้นไปจากใจเขาเสียแล้ว ทนอยู่เพราะไม่อยากเป็นคนบอกเลิก เขาอยากให้เธอเป็นคนพูดสิ่งนั้นเอง แล้วเขาจะไปให้ไกลจากเธอและไม่อยากโคจรมาพบเจออีก
ครั้งหนึ่งเคยรัก เมื่อหมดรักจะให้ทำอย่างไรได้ นอกจากทนอยู่ ความรักเป็นเช่นนี้เองหรือ ตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ทำไมรักใครคนหนึ่งวันเวลาผ่านไปถึงหมดรักได้ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร หรือว่าสิ่งที่เขาเจอไม่ใช่ความรักแต่เป็นความหลงใหล เช่นเดียวกับผู้หญิงหลายคนที่เป็นคู่นอนกับเขาเพราะหลงใหลในรูปกายนั่นหรือ แต่ก็ไม่มีใครที่เขาอยากยกให้มาเทียบเท่ากับเธอ เธอยังคงเป็นภรรยาเบอร์หนึ่ง
เพื่อให้จบเรื่องราวเขาเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ ตักข้าวเข้าปากอย่างเร่งรีบ ทั้งที่ท้องยังอิ่มเกินจะยัดอะไรลงไปได้อีก ไม่พูดอะไรให้มันมากความ
“เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้นะคะ”
เธอเดินอ้อมหลังเขาไปเพื่อหยิบขวดน้ำในตู้เย็น มือถือขวดน้ำ และมืออีกข้างหนึ่งถือมีดเล่มใหญ่ ถึงเวลาจบเรื่องราวที่แสนทุกข์ทรมานนี้เสียที ไม่มีเขาเธอคงไม่ทุกข์ใจ ความตายคงไม่น่ากลัวนักหรอก ส่งเขาไปอยู่อีกที่หนึ่งคงจะเหมาะสมกว่าที่ตรงนี้
หญิงสาววางขวดน้ำข้างมือสามี เขาอยากให้เรื่องราวค่ำคืนนี้จบๆไปเช่นกัน ช้อนข้าวคำสุดท้ายของชีวิตตักเข้าปาก เคี้ยวกลืนกินลงคออย่างเหนื่อยอ่อน ยังไม่ทันได้เอ่ยคำใดออกมา ยังไม่ทันได้ดื่มน้ำ มีดเล่มใหญ่คมกริบกรีดเน้นเชือดบนลำคอเขา เลือดแดงฉานไหลย้อยอาบตัว ร่างดิ้นทุรนทุรน ดวงตากลอกกลิ้งตื่นตระหนกหวาดกลัวเหลือบมองภรรยาผู้อ่อนหวานอย่างไม่เชื่อสายตา
เขาอยากเอื้อนเอ่ยตะโกนก้องร้องขอความช่วยเหลือ แต่เส้นเสียงดูเหมือนจะถูกทำลายไปแล้ว ร่างกายร่วงหล่นจากเก้าอี้ นอนเกลือกกลิ้งดิ้นบนพื้นอย่างน่าเวทนา เลือดสีแดงวาดอาบทั่วพื้น เขาพยายามกระเสื-อ-กกระสนหนีตายออกมาจากห้องครัวนรก
เธอเดินย่างตามเขามาช้าๆในมือถือแก้วน้ำ
“พี่ยังไม่ได้ดื่มน้ำเลยค่ะ ดื่มน้ำก่อนไหมคะ”
เธอนั่งคุกเข่าข้างสามี จับแก้วน้ำชิดริมฝีปากสามีพยายามให้เขาดื่มน้ำแก้วสุดท้ายของชีวิต เสียงอืออาดังลอดออมาจากลำคอเขา ก่อนจะสำลักเลือดออกจากปาก ลมหายใจแผ่วเบา เบาบางลงเรื่อยๆ
“พี่กำลังจะตายค่ะ ความตายไม่น่ากลัวหรอกนะคะ ฉันขอร้องพี่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งพี่ก็ยังทำตัวแบบเดิม ทำไมไม่คิดจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นเลย ถ้าพี่ดีกับฉันสักนิด สักหน่อยฉันคงไม่ทำแบบนี้” หญิงสาวใช้มือลูบศีรษะสามีอย่างนุ่มนวลเบามือที่สุด
ร่างเปื้อนเลือดชักกระตุกหลายครั้ง เลือดสายหนึ่งทะลักออกมาจากปากเขา ยิ่งเขาพยายามจะพูด คำพูดกลับกลายเป็นสายเลือด ลมหายใจสุดท้ายใกล้เข้ามาทุกที
“พี่รอฉันแป๊ปนะ” เธอส่งรอยยิ้มอ่อนหวานให้สามี ก่อนจะเดินมาหยุดตรงตู้เย็น และดึงของทุกอย่างที่อยู่ในตู้เย็นออกจนหมด
เดินกลับมาที่ร่างเปื้อนเลือดอีกครั้ง
“ยังไม่ตายอีกหรือคะ พี่นี่ตายอยากจังเลยนะคะ”
เธอจับร่างเขาพลิกหงายขึ้นมาก่อนจะใช้มีดแทงตรงกลางหัวใจ จบชีวิตชายผู้เป็นที่รักได้อย่างหมดจด ร่างไร้วิญญาณถูกลากถูมายัดไว้ในตู้เย็น แช่เย็นไว้จะได้ไม่เน่าเสีย ณ ตอนนี้เขาก็ได้อยู่กับเธอตอลดไปไม่ต้องไปไหนอีก
หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงพื้น ไม่มีน้ำตา ไม่มีความเสียใจ มีเพียงความว่างเปล่าสิ้นหวังเอ่อล้นในดวงตาคู่สวย เธอคลานเข้าไปซ่อนตัวใต้โต๊ะอาหาร นั่งชันเข่าโอบกอดขาตัวเอง ร่างกายสั่นเทา ดวงตาเหม่อมองตู้เย็น รอยยิ้มพลันปรากฏ แล้วกลายเป็นใบหน้าบึ้งตึงส่ายหน้าไปมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะยิ้มให้ตู้เย็น พยักหน้ากระซิบบอกคนในตู้เย็นอย่างรักและห่วงใย
ค่ำคืนอันหนาวเย็นหญิงสาวผู้ช้ำรักยังคงนั่งซ่อนตัวใต้โต๊ะอาหาร เธอถูกซานตานแห่งความโหดร้ายพรากจิตวิญญาณไปจนหมดสิ้น ไม่มีความสุขสดใสใดๆหลงเหลืออยู่ มีเพียงความว่างเปล่า ความมืดดำ ปิศาจร้ายที่ครอบงำชีวิตและตัวตนของเธอ น่าสงสาร น่าเวทนา จะมีแสงสว่างใดส่องทางให้เธอหลุดพ้นชะตากรรมที่โชคร้ายเช่นนี้ เสียงอ้อนวอนขอความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยส่องทางให้เธอได้หรือไม่
คนที่หลุดเข้าไปเป็นเครื่องมือของปิศาจร้ายจะหลุดพ้นด้วยสิ่งใดเล่า ยากที่จะหาค้นทางช่วยเหลือ เส้นทางที่มืดมนต้องการแสงสว่างนำทาง เมื่อเห็นแสงคงเดินไปถูกทาง หวังสักวันแสงไฟอันเจิดจ้าจะช่วยส่องใจให้หญิงสาวผู้ช้ำรักหลุดพ้นจากชะตากรรมอันโหดร้ายนี้ได้
เสียงสะอื้นไห้ลอดออกมาจากใต้โต๊ะราวกับเสียงโหยหวนของวิญญาณจากขุมนรก
…………………………………….
จบ
เหตุเกิดของเรื่องนี้ …. ช่วงเวลาห้าทุ่มครึ่งของวันที่ 25 พฤษภาคม ข้าพเจ้ากำลังนั่งดูซีรี่ส์เกาหลีและกำลังกรี๊ดพระเอก ฮ่าๆ อยู่ๆไฟฟ้าเกิดดับวูบ ข้าพเจ้าคิดว่าจะดับเพียงแป๊ปเดียวที่ไหนได้ปาไปชั่วโมงครึ่ง เลยเปิดโน้ตบุ๊ก นั่งพิมพ์ก๊อกๆแก๊กๆใต้แสงเทียน ข้าพเจ้าถูกความมืดมิดกลืนกิน …พิมพ์ไปพิมพ์มา ก็ออกมาอย่างที่ทุกท่านได้อ่านกัน แฮ่ะๆ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ
แสงไฟส่องใจ
ตรงมุมมืดมุมหนึ่งในบ้านอันเปล่าเปลี่ยวโดดเดี่ยวเดียวดายลำพัง มีเธอนั่งอยู่ตรงมุมนั้น แขนทั้งสองโอบกอดตัวเอง ทว่าจิตใจกลับเฝ้าโหยหาอ้อมกอดจากคนที่รักเพียงสักครั้ง แค่เพียงครั้งเดียวก่อนที่เธอจะดำดิ่งซ่อนเร้นเฝ้นกายอยู่ในมุมมืดที่ใครไม่สามารถมองเห็นเธอได้อีกตลอดกาล น้ำตาเอ่อนองสองแก้มนวล เสียงสะอื้นแผ่วเบาล่องลอยไปกับสายลมแห่งความมืดมิด อารมณ์หดหู่หม่นหมอง ไร้แสงสว่างใดส่องฉายหญิงสาวผู้โดดเดี่ยว อ้างว้างและสิ้นหวังในรัก
ไม่รู้ว่ากี่คืนกี่วันกี่เดือนผ่านไปเธอยังนั่งอยู่ตรงนั้น ในมุมมืดมุมหนึ่ง ภายในบ้านอันเปล่าเปลี่ยว เธอเองก็ไม่รู้ เธอไม่อาจจะนับวันเวลาอันโศกเศร้าซึ่งกุมเกาะหัวใจของเธอมาเนิ่นนาน นานเหลือเกิน
ค่ำคืนหนาวเหน็บความหนาวเย็นแทรกซึมผ่านผิวกายเธอ สั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เธออ้อนวอนกับพระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานความเข้มแข็งให้เธอสักครั้ง โปรดชี้ทางสว่างให้เธอหลุดพ้นไปจากมุมมืดตรงนี้เสียที เสียงอ้อนวอนอันแผ่วเบาไม่มีทางที่พระผู้เป็นเจ้าจะได้ยิน และสิ่งนี้เธอพอรู้อยู่บ้าง ช่างตลกสิ้นดีที่เธอพยายามอ้อนวอนจากสิ่งที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่ามีจริงหรือไม่
ความทุกข์เศร้าโศกกัดกร่อนหัวใจดวงนี้ทีละเล็กทีละน้อย และเธอค่อยๆซ่อนกายลึกลงไปในมุมมืดที่ไม่มีใครจะสามารถดึงเธอขึ้นมาได้อีก
ความรักที่เคยสดใสสวยงามเมื่อครั้งอดีต วันเวลาผ่านไปความสดใสสวยงามมิอาจยั่งยืนทนทานอยู่ได้ ธาตุแท้ของชายที่เธอรักสุดขั้วหัวใจก็ค่อยๆปรากฏออกมาอย่าช้าๆ ช้าๆและไม่เคยหยุด หลายครั้งที่เธอให้อภัยเขา หลายครั้งที่เขาเอ่ยคำว่าขอโทษ แต่เป็นคำขอโทษที่ขอไปที ช่างแสนเจ็บปวดเหลือเกิน ความรักที่เธอมีให้เขามันเป็นแค่ความว่างเปล่าในสายลมหรือไร คำถามที่เธอเฝ้าถามตัวเอง และไม่เคยได้รับคำตอบใดๆกลับมา
ชายมากรักหลายใจ …. เธอถามตัวเองทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไร ทนได้อย่างไรกับความเจ็บปวดทรมานที่ชายผู้เป็นที่รักหยิบยื่นในเธอทุกวัน เพราะรักใช่หรือไม่? ใช่เพราะรัก เธอตอบคำถามในใจอย่างนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยเพราะเธอรักเขา จึงทนอยู่กับเขาแม้ในวันที่เขานอกใจเธอหลายครั้งหลายหน ถึงอย่างไรก็รัก คำตอบจากใจหญิงสาวผู้ศรัทธาในความรัก หากทว่าความศรัทธานั้นกลับกลายเป็นหอกแหลมคมทิ่มแทงหัวใจเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ค่ำคืนที่สายฝนโปรยปรายลงมา ลมกรรโชกรุนแรง เธอนั่งรอสามีที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะจัดเตรียมกับข้าวหลายอย่าง และล้วนเน้นของที่สามีชอบ เธอจะทำให้ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่ประทับใจที่สุดสำหรับสามีที่รัก
เสียงเปิดประตูบ้านเข้ามาพร้อมการปรากฏตัวของสามีใบหน้าบูดบึ้งบอกบุญไม่รับ เธอส่งยิ้มหวานซึ้งให้สามี
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องรอ ดึกดื่นปานนี้ยังมานั่งรออีก” เสียงทักทายจากสามี
“น้องรอทานข้าวพร้อมพี่ค่ะ”
“จะรอทำไม หิวก็กินก่อนเลยจะต้องให้บอกกี่ครั้ง น่ารำคาญซะมัด”
“วันนี้วันเกิดน้องนะคะ นั่งทานข้าวเป็นเพื่อนน้องสักแค่คืนนี้คืนเดียวนะคะ” เสียงอ้อนวอนจากหญิงสาวไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนผ่อนตาม ความรักความผูกพันสูญสิ้นไปจากใจเขาเสียแล้ว ทนอยู่เพราะไม่อยากเป็นคนบอกเลิก เขาอยากให้เธอเป็นคนพูดสิ่งนั้นเอง แล้วเขาจะไปให้ไกลจากเธอและไม่อยากโคจรมาพบเจออีก
ครั้งหนึ่งเคยรัก เมื่อหมดรักจะให้ทำอย่างไรได้ นอกจากทนอยู่ ความรักเป็นเช่นนี้เองหรือ ตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ทำไมรักใครคนหนึ่งวันเวลาผ่านไปถึงหมดรักได้ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร หรือว่าสิ่งที่เขาเจอไม่ใช่ความรักแต่เป็นความหลงใหล เช่นเดียวกับผู้หญิงหลายคนที่เป็นคู่นอนกับเขาเพราะหลงใหลในรูปกายนั่นหรือ แต่ก็ไม่มีใครที่เขาอยากยกให้มาเทียบเท่ากับเธอ เธอยังคงเป็นภรรยาเบอร์หนึ่ง
เพื่อให้จบเรื่องราวเขาเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ ตักข้าวเข้าปากอย่างเร่งรีบ ทั้งที่ท้องยังอิ่มเกินจะยัดอะไรลงไปได้อีก ไม่พูดอะไรให้มันมากความ
“เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้นะคะ”
เธอเดินอ้อมหลังเขาไปเพื่อหยิบขวดน้ำในตู้เย็น มือถือขวดน้ำ และมืออีกข้างหนึ่งถือมีดเล่มใหญ่ ถึงเวลาจบเรื่องราวที่แสนทุกข์ทรมานนี้เสียที ไม่มีเขาเธอคงไม่ทุกข์ใจ ความตายคงไม่น่ากลัวนักหรอก ส่งเขาไปอยู่อีกที่หนึ่งคงจะเหมาะสมกว่าที่ตรงนี้
หญิงสาววางขวดน้ำข้างมือสามี เขาอยากให้เรื่องราวค่ำคืนนี้จบๆไปเช่นกัน ช้อนข้าวคำสุดท้ายของชีวิตตักเข้าปาก เคี้ยวกลืนกินลงคออย่างเหนื่อยอ่อน ยังไม่ทันได้เอ่ยคำใดออกมา ยังไม่ทันได้ดื่มน้ำ มีดเล่มใหญ่คมกริบกรีดเน้นเชือดบนลำคอเขา เลือดแดงฉานไหลย้อยอาบตัว ร่างดิ้นทุรนทุรน ดวงตากลอกกลิ้งตื่นตระหนกหวาดกลัวเหลือบมองภรรยาผู้อ่อนหวานอย่างไม่เชื่อสายตา
เขาอยากเอื้อนเอ่ยตะโกนก้องร้องขอความช่วยเหลือ แต่เส้นเสียงดูเหมือนจะถูกทำลายไปแล้ว ร่างกายร่วงหล่นจากเก้าอี้ นอนเกลือกกลิ้งดิ้นบนพื้นอย่างน่าเวทนา เลือดสีแดงวาดอาบทั่วพื้น เขาพยายามกระเสื-อ-กกระสนหนีตายออกมาจากห้องครัวนรก
เธอเดินย่างตามเขามาช้าๆในมือถือแก้วน้ำ
“พี่ยังไม่ได้ดื่มน้ำเลยค่ะ ดื่มน้ำก่อนไหมคะ”
เธอนั่งคุกเข่าข้างสามี จับแก้วน้ำชิดริมฝีปากสามีพยายามให้เขาดื่มน้ำแก้วสุดท้ายของชีวิต เสียงอืออาดังลอดออมาจากลำคอเขา ก่อนจะสำลักเลือดออกจากปาก ลมหายใจแผ่วเบา เบาบางลงเรื่อยๆ
“พี่กำลังจะตายค่ะ ความตายไม่น่ากลัวหรอกนะคะ ฉันขอร้องพี่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งพี่ก็ยังทำตัวแบบเดิม ทำไมไม่คิดจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นเลย ถ้าพี่ดีกับฉันสักนิด สักหน่อยฉันคงไม่ทำแบบนี้” หญิงสาวใช้มือลูบศีรษะสามีอย่างนุ่มนวลเบามือที่สุด
ร่างเปื้อนเลือดชักกระตุกหลายครั้ง เลือดสายหนึ่งทะลักออกมาจากปากเขา ยิ่งเขาพยายามจะพูด คำพูดกลับกลายเป็นสายเลือด ลมหายใจสุดท้ายใกล้เข้ามาทุกที
“พี่รอฉันแป๊ปนะ” เธอส่งรอยยิ้มอ่อนหวานให้สามี ก่อนจะเดินมาหยุดตรงตู้เย็น และดึงของทุกอย่างที่อยู่ในตู้เย็นออกจนหมด
เดินกลับมาที่ร่างเปื้อนเลือดอีกครั้ง
“ยังไม่ตายอีกหรือคะ พี่นี่ตายอยากจังเลยนะคะ”
เธอจับร่างเขาพลิกหงายขึ้นมาก่อนจะใช้มีดแทงตรงกลางหัวใจ จบชีวิตชายผู้เป็นที่รักได้อย่างหมดจด ร่างไร้วิญญาณถูกลากถูมายัดไว้ในตู้เย็น แช่เย็นไว้จะได้ไม่เน่าเสีย ณ ตอนนี้เขาก็ได้อยู่กับเธอตอลดไปไม่ต้องไปไหนอีก
หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงพื้น ไม่มีน้ำตา ไม่มีความเสียใจ มีเพียงความว่างเปล่าสิ้นหวังเอ่อล้นในดวงตาคู่สวย เธอคลานเข้าไปซ่อนตัวใต้โต๊ะอาหาร นั่งชันเข่าโอบกอดขาตัวเอง ร่างกายสั่นเทา ดวงตาเหม่อมองตู้เย็น รอยยิ้มพลันปรากฏ แล้วกลายเป็นใบหน้าบึ้งตึงส่ายหน้าไปมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะยิ้มให้ตู้เย็น พยักหน้ากระซิบบอกคนในตู้เย็นอย่างรักและห่วงใย
ค่ำคืนอันหนาวเย็นหญิงสาวผู้ช้ำรักยังคงนั่งซ่อนตัวใต้โต๊ะอาหาร เธอถูกซานตานแห่งความโหดร้ายพรากจิตวิญญาณไปจนหมดสิ้น ไม่มีความสุขสดใสใดๆหลงเหลืออยู่ มีเพียงความว่างเปล่า ความมืดดำ ปิศาจร้ายที่ครอบงำชีวิตและตัวตนของเธอ น่าสงสาร น่าเวทนา จะมีแสงสว่างใดส่องทางให้เธอหลุดพ้นชะตากรรมที่โชคร้ายเช่นนี้ เสียงอ้อนวอนขอความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยส่องทางให้เธอได้หรือไม่
คนที่หลุดเข้าไปเป็นเครื่องมือของปิศาจร้ายจะหลุดพ้นด้วยสิ่งใดเล่า ยากที่จะหาค้นทางช่วยเหลือ เส้นทางที่มืดมนต้องการแสงสว่างนำทาง เมื่อเห็นแสงคงเดินไปถูกทาง หวังสักวันแสงไฟอันเจิดจ้าจะช่วยส่องใจให้หญิงสาวผู้ช้ำรักหลุดพ้นจากชะตากรรมอันโหดร้ายนี้ได้
เสียงสะอื้นไห้ลอดออกมาจากใต้โต๊ะราวกับเสียงโหยหวนของวิญญาณจากขุมนรก
…………………………………….
จบ
เหตุเกิดของเรื่องนี้ …. ช่วงเวลาห้าทุ่มครึ่งของวันที่ 25 พฤษภาคม ข้าพเจ้ากำลังนั่งดูซีรี่ส์เกาหลีและกำลังกรี๊ดพระเอก ฮ่าๆ อยู่ๆไฟฟ้าเกิดดับวูบ ข้าพเจ้าคิดว่าจะดับเพียงแป๊ปเดียวที่ไหนได้ปาไปชั่วโมงครึ่ง เลยเปิดโน้ตบุ๊ก นั่งพิมพ์ก๊อกๆแก๊กๆใต้แสงเทียน ข้าพเจ้าถูกความมืดมิดกลืนกิน …พิมพ์ไปพิมพ์มา ก็ออกมาอย่างที่ทุกท่านได้อ่านกัน แฮ่ะๆ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ