https://www.facebook.com/Spartandoctor/photos/a.349585258506479.1073741829.277711765693829/530352287096441/?type=1&theater



เหตุการณ์พบศพชาวอังกฤษในห้องพักสงสัยติดเชื้ออีโบล่า เพราะเดินทางกลับจากไนจีเรีย

ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในแพทย์ที่โดนกระทรวงเรียกเข้าไปรับนโยบายเตรียมแผนการรับมืออีโบล่า และนำกลับมาเตรียมนโยบายรับมือให้กับโรงพยาบาลในภูมิภาค โรคอีโบล่านี่ติดเชื้อผ่าน"การสัมผัส" ได้อย่างง่ายดายนะครับ จะของเหลว หรือ แม้แต่แตะตัวแตะศพคนไข้ ที่ไม่รู้มีคราบของเหลวปนเปื้อนอยู่มั๊ยก็ติดโรคได้แล้ว

"ใส่ถุงพลาสติกหุ้มเท้าชั้นใน ,
ใส่รองเท้าบู๊ต ,
ใส่ถุงหุ้มรองเท้าบู๊ตข้างนอกอีกชั้น,
ใส่ชุดกันของเหลวแขนยาวขายาวและคลุมเส้นผม,
ใส่ถุงมือสองชั้น ,
ใส่หน้ากากปิดปากจมูก ,
ใส่แว่นตากันน้ำ,
ใส่หน้ากากแผ่นพลาสติกอีกชั้น "

>> นี่คืออุปกรณ์ที่ควรใส่ทั้งหมด หากต้องสัมผัสผู้ป่วยหรือ ศพที่สงสัยติดเชื้ออีโบล่า ! ที่เป็นมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขวางแผนไว้ ( ผมเองก็หัดใส่ชุดทั้งหมดนี้แล้วแบบในรูป ) <<

ผลตรวจออกมาไม่เจอเชื้ออีโบล่าจากศพนับว่าโชคดีไป

แต่ถ้าผลออกมาเป็นบวกเนี่ย คนกว่าสิบคนทั้งเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้ใส่ชุดป้องกันเต็มที่ สื่อมวลชนที่เข้าไปเก็บภาพแชะๆย่ำไปทั่วห้อง เจ้าหน้าที่มูลนิธิที่ขนศพแพ๊คศพ โดยใส่แค่ถุงมือชั้นเดียวกับหน้ากากเขียว ปล่อยแขนเปลือยเปล่า ลำตัว และใบหน้าที่ไม่มีอะไรป้องกันเลย >> ติดอีโบล่าเกือบทุกคนแน่นอน

-- ถ้าใส่ถุงมือตลอดมั่นใจไม่รั่ว ไม่โดนของเหลวแน่นอนไม่น่าติด? -- ปัญหายังมีตอนถอดถุงมือ ถอดชุดอีก ที่ถ้าถอดไม่ถูกวิธี มือที่ใช้ถอดถุงมือก็อาจติดเชื้ออยู่ดี
แม้แต่รองเท้าที่ไปเดินย่ำในห้องนั้นก็ยังต้องเอามาฆ่าเชื้อด้วยซ้ำ

ไม่ได้ตำหนิสื่อมวลชน หรือเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่อุตส่าห์กล้าหาญเสียสละเสี่ยงตายเข้าไปจัดการกับศพ เพราะพวกเขาอาจไม่รู้ถึงการติดต่อโรคหรือการป้องกันตัว แต่ตำหนิทีมสาธารณสุขที่มีความรู้แล้วไม่ควบคุมห้ามปราม

>> ไม่รู้บทความนี้จะได้ยินไปถึงคนที่รับผิดชอบหรือไม่ ครั้งนี้อาจฉุกละหุก แผนการรับมือไม่ทันการ เพราะเป็นกรณีแรกๆ แต่ครั้งหน้าอยากให้หน่วยงานสาธารณสุขลงมากุมบังเหียนกักบริเวณ จัดทีมเข้าทำงานที่มีชุดป้องกันที่เหมาะสมกว่านี้ครับ

#ไม่งั้นอีโบล่าได้ลามเป็นไฟลามทุ่งในสยามประเทศนี้ เป็นจุดตั้งต้นแห่งแรกก่อนจะลามไปทั่วเอเชียแน่

คลิปข่าว : จากเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์