สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
ผมคนนึงที่เคยเป็นลูกน้อง และตอนนี้ก็เป็นลูกพี่คนแล้ว
ตอนเป็นลูกน้องผมก็นั่งเอ๋อๆ ไม่มีใครมาสอนอะไรให้ เพราะคิดว่าเราจบสายนี้มาต้องทำเป็นบ้างแล้ว
แต่เปล่าเลยครับ จบอะไรมาก็ตามมาทำงานใหม่ประสบการณ์ก็คือติดลบทุกคนนั่นแหล่ะครับ
นั่งมองคนอื่นทำงานเราก็เขินแต่ด้วยความที่ขี้อายเลยไม่กล้าถามอะไรเค้าเลย
ประกอบกับช่วงที่เข้างานใหม่ๆ เป็นช่วงที่บริษัท งานขาดช่วง ใครมีงานที่รับผิดชอบอยู่ก็ไม่ปล่อยงานให้คนอื่นช่วยเลย
วันๆ ผมนั่งกดดันตัวเองที่ทำไมไม่มีใครสอนไม่มีใครบอก จนผมทนไม่ได้คิดจะลาออกจากงานอยู่แล้ว
แต่แล้วก็มีลูกพี่คนนึงคงสังเกตุเห็นว่าทำไมผมไม่ทำอะไรสักที ก็ชวนผมไปนั่งทานกาแฟพูดคุยกัน
แล้วผมก็ได้ออกภาคสนามสักที ผมก็ได้ติดสอยห้อยตามไปกับลูกพี่ท่านนั้น เค้าก็ไม่บอกอะไรผมเหมือนเดิมแหล่ะครับ
บอกแค่ว่าดูเค้าทำนะ และภายใน หนึ่งเดือนต้องทำแทนเค้าให้ได้ ผมก็ตามเค้าติดเลยทีนี้ เรียกได้ว่า 24 ชั่วโมง ผมอยู่กับเค้าตลอดเวลา
ซึมซับทุกอย่างเท่าที่ทำได้ จนครบหนึ่งเดือนอย่างที่เค้าบอก เค้าก็กลับเข้าออฟฟิศไป ปล่อยผมทิ้งไว้ให้ทำงานคนเดียว
คุณเชื่อไหมผมทำทุกอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าตัวผมเองจะทำได้ คุยกับลูกค้า ต่อรองราคา ทะเลาะกับผู้รับเหมา
ผมทำได้เองหมดโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมเราถึงกล้าทำอะไรแบบนี้ได้ยังไง
ผมได้ข้อสรุปจากเรื่องนี้ว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกพี่หรือลูกน้อง ถ้าอยากทำงานให้เป็น ใช้แค่ความกล้าเท่านั้นแหล่ะครับ
ผมเสียดายเวลา 4 เดือนที่ผมนั่งเฉยๆ มากเลยครับ ถ้าผมกล้าพูดกล้าคุย กล้าถามผมคงเป็นงานเร็วกว่านี้ถึง 4 เดือนเลยทีเดียว
ตอนนี้ผมเป็นลูกพี่คนแล้ว ผมก็สอนงานน้องๆ เหมือนที่ลูกพี่ท่านนั้นสอนผม เพียงเพิ่มเติมให้น้องๆ อย่างเดียวว่าจงกล้าและอย่าได้กลัวที่จะถาม
ปล. ผมเขียนทำไมซะยืดยาว
ปล. 2 ผมอยากให้เราเปิดใจด้วยว่าเราก็เคยเป็นลูกน้อง เราก็เคยกลัวที่จะถาม เราต้องเปิดใจกับลูกน้องและดึงความสามารถที่อยู่ภายใต้ความกลัวของเขาออกมาให้ได้
ขอบคุณครับ
ตอนเป็นลูกน้องผมก็นั่งเอ๋อๆ ไม่มีใครมาสอนอะไรให้ เพราะคิดว่าเราจบสายนี้มาต้องทำเป็นบ้างแล้ว
แต่เปล่าเลยครับ จบอะไรมาก็ตามมาทำงานใหม่ประสบการณ์ก็คือติดลบทุกคนนั่นแหล่ะครับ
นั่งมองคนอื่นทำงานเราก็เขินแต่ด้วยความที่ขี้อายเลยไม่กล้าถามอะไรเค้าเลย
ประกอบกับช่วงที่เข้างานใหม่ๆ เป็นช่วงที่บริษัท งานขาดช่วง ใครมีงานที่รับผิดชอบอยู่ก็ไม่ปล่อยงานให้คนอื่นช่วยเลย
วันๆ ผมนั่งกดดันตัวเองที่ทำไมไม่มีใครสอนไม่มีใครบอก จนผมทนไม่ได้คิดจะลาออกจากงานอยู่แล้ว
แต่แล้วก็มีลูกพี่คนนึงคงสังเกตุเห็นว่าทำไมผมไม่ทำอะไรสักที ก็ชวนผมไปนั่งทานกาแฟพูดคุยกัน
แล้วผมก็ได้ออกภาคสนามสักที ผมก็ได้ติดสอยห้อยตามไปกับลูกพี่ท่านนั้น เค้าก็ไม่บอกอะไรผมเหมือนเดิมแหล่ะครับ
บอกแค่ว่าดูเค้าทำนะ และภายใน หนึ่งเดือนต้องทำแทนเค้าให้ได้ ผมก็ตามเค้าติดเลยทีนี้ เรียกได้ว่า 24 ชั่วโมง ผมอยู่กับเค้าตลอดเวลา
ซึมซับทุกอย่างเท่าที่ทำได้ จนครบหนึ่งเดือนอย่างที่เค้าบอก เค้าก็กลับเข้าออฟฟิศไป ปล่อยผมทิ้งไว้ให้ทำงานคนเดียว
คุณเชื่อไหมผมทำทุกอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าตัวผมเองจะทำได้ คุยกับลูกค้า ต่อรองราคา ทะเลาะกับผู้รับเหมา
ผมทำได้เองหมดโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมเราถึงกล้าทำอะไรแบบนี้ได้ยังไง
ผมได้ข้อสรุปจากเรื่องนี้ว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกพี่หรือลูกน้อง ถ้าอยากทำงานให้เป็น ใช้แค่ความกล้าเท่านั้นแหล่ะครับ
ผมเสียดายเวลา 4 เดือนที่ผมนั่งเฉยๆ มากเลยครับ ถ้าผมกล้าพูดกล้าคุย กล้าถามผมคงเป็นงานเร็วกว่านี้ถึง 4 เดือนเลยทีเดียว
ตอนนี้ผมเป็นลูกพี่คนแล้ว ผมก็สอนงานน้องๆ เหมือนที่ลูกพี่ท่านนั้นสอนผม เพียงเพิ่มเติมให้น้องๆ อย่างเดียวว่าจงกล้าและอย่าได้กลัวที่จะถาม
ปล. ผมเขียนทำไมซะยืดยาว
ปล. 2 ผมอยากให้เราเปิดใจด้วยว่าเราก็เคยเป็นลูกน้อง เราก็เคยกลัวที่จะถาม เราต้องเปิดใจกับลูกน้องและดึงความสามารถที่อยู่ภายใต้ความกลัวของเขาออกมาให้ได้
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
"เด็กจบใหม่" ที่มีอาการ "ขี้ลืม" สอนงานแล้วจำได้ไม่นานก็กลับมา "ลืมและผิดพลาดอีก" ถ้าคุณเป็น "หัวหน้างาน" จะทำอย่างไร