ใช้บริการสนามบินนี้บ่อยมาก พอได้ข่าวว่าไฟไหม้แล้วรู้สึกเสียใจและตกใจมากๆ จนสุดสัปดาห์นี้ มีโอกาสได้ไปใช้บริการอีกครั้ง
ขาเข้า เดินไกลขึ้นครับ เพราะต้องไปใช้ arrival hall อีกฝั่งทางสุดอาคาร (ที่แต่เดิมวางแผนจะให้ใช้เป็น international arrival)
สายพานขนกระเป๋าที่มีอยู่ 1 เส้น ยังใช้งานได้ดี แต่ต้องรอนานหน่อย เพราะช่วงเช้ามี flight แลนด์พร้อมๆกัน 3 ไฟล์ท มีป้ายศุลกากร ด่านตรวจพืช ได้บรรยากาศฝั่ง inter หน่อยๆ รับกระเป๋าเสร็จ เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดจนออกนอกตัวอาคาร จะเจอบรรดาญาติ คนมารับ แท็กซี่ รถเช่า ยืนตากแดดแบบน่าสงสารรออยู่
ด้านนอกของเทอร์มินัล ดูเฟมือนไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะตามปกติตัวอาคารก็เก่ามากๆอยู่แล้ว ไฟไหม้ช่วงกลางของอาคารครับ ที่โดนเต็มๆจากที่ทราบข่างคือ บริเวณที่เป็นเคาน์เตอร์เชคอิน, ticket booth, เครื่องเอ็กซเรย์กระเป๋าที่ใช้โหลดใต้ท้องเครื่อง, domestic arrival hall และพวกร้านขายของที่ระลึก
ถ้าประสงค์จะมารับญาติมิตร ให้ขับเลยไปจนสุดอาคารเลยนะครับ
มาดูขาออกกันบ้าง...
บริเวณนี้ทางท่าอากาศยานจัดไว้ให้นั่งรอ ตอนมาส่งญาติ ซึ่งแน่นอน กลางแจ้ง ร้อนมาก
"ตุ้มโฮมแอร์พอร์ต" หนึ่งในร้านอาหารตามสั่งบรรเทาอาการหิว ที่เคยเปิดให้บริการในสนามบิน ต้องออกมาเปิดบริการสู้ชีวิตแบบโดดเดี่ยว ที่ใต้ร่มไม้ริมรั้วสนามบินอีกฝั่งของถนน กลายเป็นบรรยากาศสวนอาหาร ถ้ามีโอกาส น่าไปลองใช้บริการกันดูนะครับ
รถขนสัมภาระ ออกมารอสัมภาระสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่องอยู่หน้าอาคาร ที่เป็นโครงเหล็ก เข้าใจว่ากำลังจะเอาสังกะสีตอกเพื่อกั้นให้เป็นสัดส่วน
เคาน์เตอร์เชคอิน ของทุกสายการบิน มารวมกันอยู่ในพื้นที่แคบๆ ที่ไม่โดนไฟเผา ตอนนี้มีแค่ไฟล์ทบ่ายของนกแอร์ ถ้าเป็นช่วงเช้าและช่วงเย็นที่มีเดินทางพร้อมกัน 3 สายการบินน่าจะวุ่นวายน่าดูเลยครับ
เช็คอินเสร็จก็ต้องรีบทะลุประตูเดินเข้า gate ไปเลยนะครับ เพราะคับแคบมาก ในภาพจะเห็น เครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่อง และตู้ขายตั๋วของสายการบินอยู่ทางขวา และเคาน์เตอร์เชคอิน(ในรูปที่แล้ว)จะอยู่ทางขวา
ส่วน domestic departure hall (เดินผ่านประตูกระจกเข้าไป) จะเจอด่านตรวจร่างกาย และ สแกน carry-on baggage ยังเหมือนเดิมนะครับ น่าจะรอดจากการถูกไฟไหม้
และเช่นเคย Jet bridge เสีย ต้องเดินเท้าไปขึ้นเครื่องกันครับ
สรุปว่าเห็นใจทั้ง ผดส. ญาติ และ จนท. ทั้งของสายการบิน และของทางท่าอากาศยาน เห็นว่าน่าจะใช้เวลาในการปรับปรุงซ่อมแซมไม่น้อยกว่า 6 เดือนเลยครับ
แต่สิ่งที่ผมสงสัยจนถึงตอนนี้คือ
โครงสร้างอาคารที่ถูกไฟไหม้ไปนั้น มีหน่วยงานใดมาตรวจสอบและดูแลเรื่องความปลอดภัยด้านความแข็งแรงหรือยังครับ ไม่แน่ใจว่าโครงสร้างที่ถูกไฟไหม้ไป ยังสามารถรับน้ำหนักหลังคา และอะไรต่างๆได้อยู่หรือไม่ คงจะเป็นโศกนาฏกรรมที่เศร้ามากๆเลยทีเดียว ถ้าโครงสร้างพังลงมาทับผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่
เป็นกำลังใจให้ จนท. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านนะครับ
[CR] สนามบินอุบลฯ หลังจากไฟไหม้ มีใครสงสัยอะไรเหมือนผมมั๊ย???
ขาเข้า เดินไกลขึ้นครับ เพราะต้องไปใช้ arrival hall อีกฝั่งทางสุดอาคาร (ที่แต่เดิมวางแผนจะให้ใช้เป็น international arrival)
สายพานขนกระเป๋าที่มีอยู่ 1 เส้น ยังใช้งานได้ดี แต่ต้องรอนานหน่อย เพราะช่วงเช้ามี flight แลนด์พร้อมๆกัน 3 ไฟล์ท มีป้ายศุลกากร ด่านตรวจพืช ได้บรรยากาศฝั่ง inter หน่อยๆ รับกระเป๋าเสร็จ เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดจนออกนอกตัวอาคาร จะเจอบรรดาญาติ คนมารับ แท็กซี่ รถเช่า ยืนตากแดดแบบน่าสงสารรออยู่
ด้านนอกของเทอร์มินัล ดูเฟมือนไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพราะตามปกติตัวอาคารก็เก่ามากๆอยู่แล้ว ไฟไหม้ช่วงกลางของอาคารครับ ที่โดนเต็มๆจากที่ทราบข่างคือ บริเวณที่เป็นเคาน์เตอร์เชคอิน, ticket booth, เครื่องเอ็กซเรย์กระเป๋าที่ใช้โหลดใต้ท้องเครื่อง, domestic arrival hall และพวกร้านขายของที่ระลึก
ถ้าประสงค์จะมารับญาติมิตร ให้ขับเลยไปจนสุดอาคารเลยนะครับ
มาดูขาออกกันบ้าง...
บริเวณนี้ทางท่าอากาศยานจัดไว้ให้นั่งรอ ตอนมาส่งญาติ ซึ่งแน่นอน กลางแจ้ง ร้อนมาก
"ตุ้มโฮมแอร์พอร์ต" หนึ่งในร้านอาหารตามสั่งบรรเทาอาการหิว ที่เคยเปิดให้บริการในสนามบิน ต้องออกมาเปิดบริการสู้ชีวิตแบบโดดเดี่ยว ที่ใต้ร่มไม้ริมรั้วสนามบินอีกฝั่งของถนน กลายเป็นบรรยากาศสวนอาหาร ถ้ามีโอกาส น่าไปลองใช้บริการกันดูนะครับ
รถขนสัมภาระ ออกมารอสัมภาระสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่องอยู่หน้าอาคาร ที่เป็นโครงเหล็ก เข้าใจว่ากำลังจะเอาสังกะสีตอกเพื่อกั้นให้เป็นสัดส่วน
เคาน์เตอร์เชคอิน ของทุกสายการบิน มารวมกันอยู่ในพื้นที่แคบๆ ที่ไม่โดนไฟเผา ตอนนี้มีแค่ไฟล์ทบ่ายของนกแอร์ ถ้าเป็นช่วงเช้าและช่วงเย็นที่มีเดินทางพร้อมกัน 3 สายการบินน่าจะวุ่นวายน่าดูเลยครับ
เช็คอินเสร็จก็ต้องรีบทะลุประตูเดินเข้า gate ไปเลยนะครับ เพราะคับแคบมาก ในภาพจะเห็น เครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่อง และตู้ขายตั๋วของสายการบินอยู่ทางขวา และเคาน์เตอร์เชคอิน(ในรูปที่แล้ว)จะอยู่ทางขวา
ส่วน domestic departure hall (เดินผ่านประตูกระจกเข้าไป) จะเจอด่านตรวจร่างกาย และ สแกน carry-on baggage ยังเหมือนเดิมนะครับ น่าจะรอดจากการถูกไฟไหม้
และเช่นเคย Jet bridge เสีย ต้องเดินเท้าไปขึ้นเครื่องกันครับ
สรุปว่าเห็นใจทั้ง ผดส. ญาติ และ จนท. ทั้งของสายการบิน และของทางท่าอากาศยาน เห็นว่าน่าจะใช้เวลาในการปรับปรุงซ่อมแซมไม่น้อยกว่า 6 เดือนเลยครับ
แต่สิ่งที่ผมสงสัยจนถึงตอนนี้คือ โครงสร้างอาคารที่ถูกไฟไหม้ไปนั้น มีหน่วยงานใดมาตรวจสอบและดูแลเรื่องความปลอดภัยด้านความแข็งแรงหรือยังครับ ไม่แน่ใจว่าโครงสร้างที่ถูกไฟไหม้ไป ยังสามารถรับน้ำหนักหลังคา และอะไรต่างๆได้อยู่หรือไม่ คงจะเป็นโศกนาฏกรรมที่เศร้ามากๆเลยทีเดียว ถ้าโครงสร้างพังลงมาทับผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่
เป็นกำลังใจให้ จนท. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น