เป็นคนอุบลฯ ตั้งแต่กำเนิด จะกลับไปอุบลฯ บ้างก็ต่อเมื่อมีเวลาหรือมีธุระสำคัญ (ตอนนี้มาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว) และมีไฟล์ทที่จะบินกลับไปอุบลฯ สิ้นเดือนนี้ด้วยเช่นกัน แต่ต้องตกใจสุดขีด เมื่อตื่นขึ้นมาและพบข่าวในหน้าเฟสบุค ที่เพื่อนๆ ที่อุบลฯ และเว็บเพจอื่นๆ นำเสนอข่าวเรื่องไฟไหม้สนามบินนานาชาติอุบลฯ เมื่อ 02.00 น. ของวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ต้องขอเล่าประวัติคร่าวๆ ของสนามบินแห่งนี้เสียก่อนว่า เป็นสนามบินที่เกิดมาจากสมัย GI หลังจากหมดยุคสงคราม ก็เปลี่ยนมาเป็นการบินเชิงพาณิชย์แทน โดยอาคารสนามบินที่ถูกไฟไหม้นี้ เป็นอาคารที่หลังใหม่ ที่สร้างในสมัยนายกชาติชาย ชุณหะวัณ กับนโยบายการเปลี่ยน "สนามรบให้เป็นสนามการค้า" ในปี 2531 นับจนถึงวันนี้ก็รวม 26 ปี แล้ว
ปัจจุบันต้องยอมรับว่า สนามบินอุบลฯ กลายเป็นศูนย์กลางของภาคอีสานตอนล่าง จึงทำให้มีประชาชนจากจังหวัดใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็น ยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ หรือมุกดาหาร เอง ก็มาใช้บริการสนามบินแห่งนี้เช่นเดียวกัน มีผู้โดยสารใช้บริการสนามบินแห่งนี้มากกว่า 6 แสนคนใน 7 เดือนแรก (ซึ่งคาดว่าจะเกิน 1 ล้านคนในปีนี้เป็นครั้งแรก) โดยเที่ยวบินที่เปิดให้บริการคือ ไทยสไมล์ แอร์เอเชีย นกแอร์ และกานต์แอร์ ในเส้นทางอุบลฯ-กรุงเทพฯ อุบลฯ-เชียงใหม่
ภาพก่อนไฟไหม้ อารมณ์คล้ายๆ กับอาคารภายในประเทศหลังเก่า ที่ดอนเมือง
ภาพหลังจากไฟไหม้ ค่อนข้างเสียหายเยอะพอสมควร
ต้นเพลิง มาจากร้านค้าของที่ระลึก ภายในสนามบิน
ความเสียหายของสนามบิน คือ 2 ใน 3 เลยทีเดียว
การตรวจสอบ ยังอยู่ในการหาหลักฐานของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
เครื่องเอ็กซ์เรย์กระเป๋า ได้รับความเสียหาย ไป 1 เครื่อง
ตอนนี้พื้นที่ขาเข้า ปิดให้บริการ ต้องให้ผู้โดยสารขาเข้า ไปใช้ร่วมกันกับฝั่งขาออกก่อน
ยังไม่รู้ว่า เวลาเช็คอินตอนนี้เขาทำกันอย่างไรบ้าง เพราะก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน
สนามบินนานาชาติอุบลฯ จะได้รับการโอนย้ายจากกรมการบินพลเรือนไปยังการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยในปีหน้า
แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนี้เสียก่อน ยอมรับว่าเป็นไฟไหม้ครั้งประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของจังหวัด
นอกจากจังหวัดใกล้เคียงแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ใช้สนามบินอุบลฯ เป็นจุดต่อในการเดินทางไปท่องเที่ยวในลาวใต้
ทำให้ในช่วงเวลาที่ไฟล์ทบิน อย่างไทยสไมล์ แอร์เอเชีย นกแอร์ ขึ้นลงพร้อมกัน ทำเอาสนามบินโกลาหลพอสมควร เพราะทั้งคนและรถ เยอะเกิน capacity ของสนามบินไปแล้ว
ข่าวล่าสุด ออกมาว่า สนามบินฯ ได้งบฉุกเฉิน 20 ล้านบาท ในการปรับปรุงจากไฟไหม้ครั้งนี้ หวังว่า คงจะเป็นคนละงบ กับการปรับปรุงของการท่าฯ
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงก่อนอันดับแรก คือ เรื่องอุณหภูมิในอาคารสนามบิน ที่ตอนนี้ ดูไม่สม่ำเสมอ แอร์เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง
สิ่งที่ควรปรับปรุงอันดับสอง คือ เรื่องลานจอดรถและการคมนาคม เพราะช่วงไฟล์ทลงเยอะๆ หาที่จอดรถยากมาก สงสารคนมารับส่งญาติ
สิ่งที่ควรปรับปรุงอันดับสาม คือ เรื่องการจัด layout ในสนามบิน ยังดูเหมือนสถานีขนส่ง บขส.อยู่เลย ร้านค้ายังดูเกะกะ และสินค้าไม่ค่อยหลากหลาย
สิ่งที่ควรปรับปรุงอันดับสี่ คือ จอมอนิเตอร์ในสนามบิน มันเล็กมาก ขนาด 32 นิ้ว ตัวหนังสือก็เล็ก font 32 ได้มั้ง แถมแขวนไว้บนผนัง อย่างสูงอีก
คือแอบหวังไว้ว่า ไฟไหม้ครั้งนี้อาจจะเป็นข้อดี สำหรับการยกมาตรฐานของสนามบินให้ดีขึ้นกว่านี้สักหน่อย แล้วเจอกันสิ้นเดือนนี้
เครดิตภาพ : เว็บไกด์อุบลดอทคอม ขอบคุณนะครับ
ประมวลภาพไฟไหม้ สนามบินนานาชาติอุบลราชธานี
ต้องขอเล่าประวัติคร่าวๆ ของสนามบินแห่งนี้เสียก่อนว่า เป็นสนามบินที่เกิดมาจากสมัย GI หลังจากหมดยุคสงคราม ก็เปลี่ยนมาเป็นการบินเชิงพาณิชย์แทน โดยอาคารสนามบินที่ถูกไฟไหม้นี้ เป็นอาคารที่หลังใหม่ ที่สร้างในสมัยนายกชาติชาย ชุณหะวัณ กับนโยบายการเปลี่ยน "สนามรบให้เป็นสนามการค้า" ในปี 2531 นับจนถึงวันนี้ก็รวม 26 ปี แล้ว
ปัจจุบันต้องยอมรับว่า สนามบินอุบลฯ กลายเป็นศูนย์กลางของภาคอีสานตอนล่าง จึงทำให้มีประชาชนจากจังหวัดใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็น ยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ หรือมุกดาหาร เอง ก็มาใช้บริการสนามบินแห่งนี้เช่นเดียวกัน มีผู้โดยสารใช้บริการสนามบินแห่งนี้มากกว่า 6 แสนคนใน 7 เดือนแรก (ซึ่งคาดว่าจะเกิน 1 ล้านคนในปีนี้เป็นครั้งแรก) โดยเที่ยวบินที่เปิดให้บริการคือ ไทยสไมล์ แอร์เอเชีย นกแอร์ และกานต์แอร์ ในเส้นทางอุบลฯ-กรุงเทพฯ อุบลฯ-เชียงใหม่
ภาพก่อนไฟไหม้ อารมณ์คล้ายๆ กับอาคารภายในประเทศหลังเก่า ที่ดอนเมือง
ภาพหลังจากไฟไหม้ ค่อนข้างเสียหายเยอะพอสมควร
ต้นเพลิง มาจากร้านค้าของที่ระลึก ภายในสนามบิน
ความเสียหายของสนามบิน คือ 2 ใน 3 เลยทีเดียว
การตรวจสอบ ยังอยู่ในการหาหลักฐานของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
เครื่องเอ็กซ์เรย์กระเป๋า ได้รับความเสียหาย ไป 1 เครื่อง
ตอนนี้พื้นที่ขาเข้า ปิดให้บริการ ต้องให้ผู้โดยสารขาเข้า ไปใช้ร่วมกันกับฝั่งขาออกก่อน
ยังไม่รู้ว่า เวลาเช็คอินตอนนี้เขาทำกันอย่างไรบ้าง เพราะก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน
สนามบินนานาชาติอุบลฯ จะได้รับการโอนย้ายจากกรมการบินพลเรือนไปยังการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยในปีหน้า
แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนี้เสียก่อน ยอมรับว่าเป็นไฟไหม้ครั้งประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของจังหวัด
นอกจากจังหวัดใกล้เคียงแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ใช้สนามบินอุบลฯ เป็นจุดต่อในการเดินทางไปท่องเที่ยวในลาวใต้
ทำให้ในช่วงเวลาที่ไฟล์ทบิน อย่างไทยสไมล์ แอร์เอเชีย นกแอร์ ขึ้นลงพร้อมกัน ทำเอาสนามบินโกลาหลพอสมควร เพราะทั้งคนและรถ เยอะเกิน capacity ของสนามบินไปแล้ว
ข่าวล่าสุด ออกมาว่า สนามบินฯ ได้งบฉุกเฉิน 20 ล้านบาท ในการปรับปรุงจากไฟไหม้ครั้งนี้ หวังว่า คงจะเป็นคนละงบ กับการปรับปรุงของการท่าฯ
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงก่อนอันดับแรก คือ เรื่องอุณหภูมิในอาคารสนามบิน ที่ตอนนี้ ดูไม่สม่ำเสมอ แอร์เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง
สิ่งที่ควรปรับปรุงอันดับสอง คือ เรื่องลานจอดรถและการคมนาคม เพราะช่วงไฟล์ทลงเยอะๆ หาที่จอดรถยากมาก สงสารคนมารับส่งญาติ
สิ่งที่ควรปรับปรุงอันดับสาม คือ เรื่องการจัด layout ในสนามบิน ยังดูเหมือนสถานีขนส่ง บขส.อยู่เลย ร้านค้ายังดูเกะกะ และสินค้าไม่ค่อยหลากหลาย
สิ่งที่ควรปรับปรุงอันดับสี่ คือ จอมอนิเตอร์ในสนามบิน มันเล็กมาก ขนาด 32 นิ้ว ตัวหนังสือก็เล็ก font 32 ได้มั้ง แถมแขวนไว้บนผนัง อย่างสูงอีก
คือแอบหวังไว้ว่า ไฟไหม้ครั้งนี้อาจจะเป็นข้อดี สำหรับการยกมาตรฐานของสนามบินให้ดีขึ้นกว่านี้สักหน่อย แล้วเจอกันสิ้นเดือนนี้
เครดิตภาพ : เว็บไกด์อุบลดอทคอม ขอบคุณนะครับ