บทนำ
http://ppantip.com/topic/32731446
ตอนที่ ๑
นางพญา
๒๔ พฤศจิกายน ขบวนรถไฟที่ออกจากหัวลำโพงในเวลาหนึ่งทุ่มนำฐานสิทธิ์ให้เดินทางมาถึงในตอนเช้าตรู่ เขาได้พบกับสมยศ ชายวัยสี่สิบแปดปีผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายท่านเหมันต์ให้มาเป็นสารถีนำทางเขาสู่หมู่บ้านวังหมอก ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของตัวจังหวัด การเดินทางใช้เวลาทั้งหมดเกือบสามชั่วโมง สัมภาระที่ชายหนุ่มนำติดตัวมานั้นมีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าใบเขื่องและเป้อีกใบที่ใส่สมุดปากกาและของมีค่าซึ่งเขาพายติดกายไว้ตลอดเวลา
กล่าวถึงฐานสิทธิ์ หลังจากเรียนจบ ชายหนุ่มก็เข้ามาช่วยบริหารกิจการที่บ้าน ซึ่งประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยนายทรงศักดิ์ ผู้เป็นบิดาได้ดำเนินกิจการมาร่วมห้าปีแล้ว ในภาวะเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว ความเจริญเริ่มคืบคลานเข้าสู่แถบพื้นที่ชานเมือง จึงทำให้ธุรกิจทางนี้ไปได้ดี
ทรงศักดิ์เป็นข้าราชการบำนาญ อดีตดำรงตำแหน่งเป็นปลัดอำเภอ เมื่อยี่สิบปีก่อนเขาเคยเป็นปลัดอำเภอดูแลพื้นที่แห่งนี้ จึงได้รู้จักกับนายท่านเหมันต์ ผู้มีอิทธิพลและคหบดีแห่งหมู่บ้านวังหมอก ทั้งสองต่างเกื้อประโยชน์ต่อกันในหลายอย่าง ตัวอำเภอเจริญขึ้นในเวลาไม่กี่ปีที่ปลัดทรงศักดิ์ดำรงตำแหน่งอยู่ พร้อมกับทรัพย์สินของเขาที่เพิ่มมากขึ้น และแม้ว่าปลัดทรงศักดิ์จะต้องย้ายไปรับราชการยังพื้นที่อื่น แต่ทั้งคู่ก็ยังคงคบหาและติดต่อกันอยู่เป็นระยะ
ฐานสิทธิ์ เรียนจบด้านบริหารตามความต้องการของทางบ้าน หากแต่เขากลับไม่เคยนึกชอบวิชาชีพที่ตนเองเรียนเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มออกจะมีอารมณ์ทางศิลปินเสียมากกว่า ระหว่างที่เป็นนักศึกษาเขาส่งบทความและเรื่องสั้นไปยังหลายสำนักพิมพ์เสมอ และผลงานเหล่านั้นก็ได้ตีพิมพ์ไม่น้อย พอเรียนจบจึงเริ่มเขียนเป็นจริงเป็นจัง และปฏิเสธตำแหน่งผู้บริหารกิจการที่บิดาหมายจะมอบให้ ฝ่ายบิดาและมารดาที่หวังจะให้บุตรชายคนเดียวสืบทอดกิจการ กลัดกลุ้มและกังวลใจกับปัญหาในข้อนี้เป็นอย่างมาก แม้จะพยายามผลักเขาออกมาจากความเพ้อฝันของศิลปินเพียงไร แต่ฐานสิทธิ์ก็เหมือนก้อนหินที่หนักอึ้ง ไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนออกจากปณิธานและความฝันที่ตั้งไว้ หากแต่เขาก็ใช่ว่าจะไม่เหลียวแลหรือเห็นใจพ่อแม่เลย ชายหนุ่มยังคอยดูกิจการทางบ้านอยู่ห่างๆ และยินดีทำตามความประสงค์ของพ่อกับแม่ทุกอย่าง หากมีเรื่องสำคัญจะใช้สอยเขา
และงานสำคัญชิ้นล่าสุดที่นายทรงศักดิ์ได้มอบให้กับลูกชายก็คือ การเดินทางไปยังหมู่บ้านวังหมอก พบกับนายท่านเหมันต์และพักผ่อนอยู่ที่นั่นสักหนึ่งเดือน...
นับเป็นงานที่ง่าย...และแปลกที่สุดเท่าที่บิดาเคยให้เขาทำ แปลกจนฐานสิทธิ์อดระแวงสงสัยไม่ได้ !
“มาถึงกันแล้วหรือคะ...” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น หลังรถของสมยศจอดลงที่หน้าบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่เกือบท้ายหมู่บ้าน ฐานสิทธิ์ยกมือไหว้เธอด้วยความเคารพ เมื่อออกมาจากตัวรถ เงยหน้ามองบ้านพักสลับกับหญิงตรงหน้าพลางคลายยิ้ม ลมหนาวพัดเข้ามากระทบผิวกายเป็นระยะ
“น้าชื่อพิรุณค่ะ เป็นลูกสาวของท่านเหมราช พอทราบว่าลูกชายของปลัดทรงศักดิ์จะมาพักที่นี่ ท่านเลยให้น้าจัดเรือนพักไว้ให้ ทีแรกกะจะให้พักที่บ้านใหญ่เสียด้วยกัน แต่คิดว่าคุณคงอยากอยู่แบบส่วนตัวมากกว่า น้าจัดห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ น้ำท่าก็เตรียมไว้ให้แล้ว เชิญค่ะ” เธอผายมือ ใบหน้ารูปกลมรีขาวผ่องนั้นประดับด้วยรอยยิ้ม บุคลิกท่าทางดูเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา รูปร่างท้วมเล็กน้อยตามวัย ฐานสิทธิ์เดาด้วยสายตาว่าเธอคงอายุราวสี่สิบปี
ชายหนุ่มเดินตามพิรุณเข้าไปในบ้านพัก สมยศรีบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาเดินตามหลังมาติดๆ บ้านไม้ประดู่สองชั้นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างยาวด้านละสิบห้าเมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องขัดอย่างดี แต่เสาและผนังบ้านทำจากไม้ทั้งหมด จัดเป็นห้องนั่งเล่นด้านซ้าย และมีมุมโต๊ะสำหรับนั่งรับประทานอาหารอยู่ทางด้านขวา ด้านหลังเป็นส่วนของครัวและห้องน้ำ หน้าต่างบานยาวติดผนังห้องนั่งเล่นหนือกลุ่มโซฟาตัวเขื่องถูกเปิดออกกว้างเพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท พิรุณเดินไปหยิบเอาแก้วน้ำเปล่าส่งให้แขกหนุ่ม ฐานสิทธิ์ค้อมศีรษะรับมาและดื่มจนหมดแก้ว จากนั้นพิรุณจึงเดินนำชายหนุ่มไปยังบันได ขึ้นสู่ชั้นสองของบ้าน
หมอกเมืองมาร ตอนที่ ๑
นางพญา
๒๔ พฤศจิกายน ขบวนรถไฟที่ออกจากหัวลำโพงในเวลาหนึ่งทุ่มนำฐานสิทธิ์ให้เดินทางมาถึงในตอนเช้าตรู่ เขาได้พบกับสมยศ ชายวัยสี่สิบแปดปีผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายท่านเหมันต์ให้มาเป็นสารถีนำทางเขาสู่หมู่บ้านวังหมอก ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของตัวจังหวัด การเดินทางใช้เวลาทั้งหมดเกือบสามชั่วโมง สัมภาระที่ชายหนุ่มนำติดตัวมานั้นมีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าใบเขื่องและเป้อีกใบที่ใส่สมุดปากกาและของมีค่าซึ่งเขาพายติดกายไว้ตลอดเวลา
กล่าวถึงฐานสิทธิ์ หลังจากเรียนจบ ชายหนุ่มก็เข้ามาช่วยบริหารกิจการที่บ้าน ซึ่งประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยนายทรงศักดิ์ ผู้เป็นบิดาได้ดำเนินกิจการมาร่วมห้าปีแล้ว ในภาวะเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว ความเจริญเริ่มคืบคลานเข้าสู่แถบพื้นที่ชานเมือง จึงทำให้ธุรกิจทางนี้ไปได้ดี
ทรงศักดิ์เป็นข้าราชการบำนาญ อดีตดำรงตำแหน่งเป็นปลัดอำเภอ เมื่อยี่สิบปีก่อนเขาเคยเป็นปลัดอำเภอดูแลพื้นที่แห่งนี้ จึงได้รู้จักกับนายท่านเหมันต์ ผู้มีอิทธิพลและคหบดีแห่งหมู่บ้านวังหมอก ทั้งสองต่างเกื้อประโยชน์ต่อกันในหลายอย่าง ตัวอำเภอเจริญขึ้นในเวลาไม่กี่ปีที่ปลัดทรงศักดิ์ดำรงตำแหน่งอยู่ พร้อมกับทรัพย์สินของเขาที่เพิ่มมากขึ้น และแม้ว่าปลัดทรงศักดิ์จะต้องย้ายไปรับราชการยังพื้นที่อื่น แต่ทั้งคู่ก็ยังคงคบหาและติดต่อกันอยู่เป็นระยะ
ฐานสิทธิ์ เรียนจบด้านบริหารตามความต้องการของทางบ้าน หากแต่เขากลับไม่เคยนึกชอบวิชาชีพที่ตนเองเรียนเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มออกจะมีอารมณ์ทางศิลปินเสียมากกว่า ระหว่างที่เป็นนักศึกษาเขาส่งบทความและเรื่องสั้นไปยังหลายสำนักพิมพ์เสมอ และผลงานเหล่านั้นก็ได้ตีพิมพ์ไม่น้อย พอเรียนจบจึงเริ่มเขียนเป็นจริงเป็นจัง และปฏิเสธตำแหน่งผู้บริหารกิจการที่บิดาหมายจะมอบให้ ฝ่ายบิดาและมารดาที่หวังจะให้บุตรชายคนเดียวสืบทอดกิจการ กลัดกลุ้มและกังวลใจกับปัญหาในข้อนี้เป็นอย่างมาก แม้จะพยายามผลักเขาออกมาจากความเพ้อฝันของศิลปินเพียงไร แต่ฐานสิทธิ์ก็เหมือนก้อนหินที่หนักอึ้ง ไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนออกจากปณิธานและความฝันที่ตั้งไว้ หากแต่เขาก็ใช่ว่าจะไม่เหลียวแลหรือเห็นใจพ่อแม่เลย ชายหนุ่มยังคอยดูกิจการทางบ้านอยู่ห่างๆ และยินดีทำตามความประสงค์ของพ่อกับแม่ทุกอย่าง หากมีเรื่องสำคัญจะใช้สอยเขา
และงานสำคัญชิ้นล่าสุดที่นายทรงศักดิ์ได้มอบให้กับลูกชายก็คือ การเดินทางไปยังหมู่บ้านวังหมอก พบกับนายท่านเหมันต์และพักผ่อนอยู่ที่นั่นสักหนึ่งเดือน...
นับเป็นงานที่ง่าย...และแปลกที่สุดเท่าที่บิดาเคยให้เขาทำ แปลกจนฐานสิทธิ์อดระแวงสงสัยไม่ได้ !
“มาถึงกันแล้วหรือคะ...” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น หลังรถของสมยศจอดลงที่หน้าบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่เกือบท้ายหมู่บ้าน ฐานสิทธิ์ยกมือไหว้เธอด้วยความเคารพ เมื่อออกมาจากตัวรถ เงยหน้ามองบ้านพักสลับกับหญิงตรงหน้าพลางคลายยิ้ม ลมหนาวพัดเข้ามากระทบผิวกายเป็นระยะ
“น้าชื่อพิรุณค่ะ เป็นลูกสาวของท่านเหมราช พอทราบว่าลูกชายของปลัดทรงศักดิ์จะมาพักที่นี่ ท่านเลยให้น้าจัดเรือนพักไว้ให้ ทีแรกกะจะให้พักที่บ้านใหญ่เสียด้วยกัน แต่คิดว่าคุณคงอยากอยู่แบบส่วนตัวมากกว่า น้าจัดห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ น้ำท่าก็เตรียมไว้ให้แล้ว เชิญค่ะ” เธอผายมือ ใบหน้ารูปกลมรีขาวผ่องนั้นประดับด้วยรอยยิ้ม บุคลิกท่าทางดูเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา รูปร่างท้วมเล็กน้อยตามวัย ฐานสิทธิ์เดาด้วยสายตาว่าเธอคงอายุราวสี่สิบปี
ชายหนุ่มเดินตามพิรุณเข้าไปในบ้านพัก สมยศรีบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาเดินตามหลังมาติดๆ บ้านไม้ประดู่สองชั้นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างยาวด้านละสิบห้าเมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องขัดอย่างดี แต่เสาและผนังบ้านทำจากไม้ทั้งหมด จัดเป็นห้องนั่งเล่นด้านซ้าย และมีมุมโต๊ะสำหรับนั่งรับประทานอาหารอยู่ทางด้านขวา ด้านหลังเป็นส่วนของครัวและห้องน้ำ หน้าต่างบานยาวติดผนังห้องนั่งเล่นหนือกลุ่มโซฟาตัวเขื่องถูกเปิดออกกว้างเพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท พิรุณเดินไปหยิบเอาแก้วน้ำเปล่าส่งให้แขกหนุ่ม ฐานสิทธิ์ค้อมศีรษะรับมาและดื่มจนหมดแก้ว จากนั้นพิรุณจึงเดินนำชายหนุ่มไปยังบันได ขึ้นสู่ชั้นสองของบ้าน