หมอกเมืองมาร ตอนที่ ๓
http://ppantip.com/topic/32794169
ตอนที่ ๔
ฆาตกรรมเปิดฉาก
ฐานสิทธิ์เฝ้าคิดทบทวนด้วยความรอบคอบอยู่หลายหน บุคคลที่น่าจะปองร้ายเขามากที่สุด อาจจะเป็นคนเดียวกับที่ปีนขึ้นมาบนบ้านพักในวันนั้น คนๆ นั้นจะต้องเกี่ยวพันกับสิ่งที่เขานำมามอบให้นายท่านเหมันต์ มีส่วนได้เสียกับผลประโยชน์ในครั้งนี้ ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นสิงขร เพราะเขาเป็นชายฉกรรจ์ลักษณะคล่องแคล่วว่องไวและมีพละกำลังมาก มีโอกาสสูงที่นายท่านเหมันต์จะใช้ให้สิงขรมาเล่นงานเขา แต่ว่า...ถึงฐานสิทธิ์จะกลัวกับอันตรายที่เริ่มคืบคลานเข้ามามากเพียงใด เขาก็ไม่อาจจะถอยกลับไปในตอนนี้ได้ ตราบใดที่งานยังไม่สำเร็จลุล่วงไปตามที่เขากับบิดาตั้งใจไว้
“คุณฐานสิทธิ์” แขกผู้มาเยือนในยามวิกาลเคาะประตูบ้านเรียกชายหนุ่มอยู่สองสามหน คนที่นั่งคอยเวลาอยู่ที่มุมห้องรับแขกลุกจากโซฟา เดินตรงไปเปิดประตู
“ไปบ้านใหญ่กันได้แล้วครับ” สิงขรว่าเสียงกระแทก สีหน้าบอกถึงความไม่พอใจที่จะต้องเดินมาตามเขา ฐานสิทธิ์ไม่พูดอะไร ก้าวขาออกจากบ้านและหันมาใส่กุญแจประตู จากนั้นจึงเดินตามลูกชายของนางพิรุณตรงไปยังบ้านใหญ่
ภายในบ้านหลังใหญ่นั้นเงียบเชียบ มีเพียงแสงไฟจากโถงตรงกลางเปิดให้แสงสว่าง เขาแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบน คิดอยู่ว่าห้องนอนของตนจะอยู่ตรงส่วนไหนของบ้านกัน
“เชิญชั้นสอง” สิงขรว่าขึ้นอย่างไม่รีรอ ก่อนก้าวขาเดินนำเขาขึ้นบันได แล้วพอฐานสิทธิ์ขึ้นมาถึงชั้นสอง เขาก็พบกับภาพวาดขนาดใหญ่ที่ประดับโดดเด่นอยู่เยื้องประตูไม้สลักด้วยลวดลายมังกร ภาพนั้นวาดด้วยสีน้ำ ขนาดสูงเกือบสองเมตรและกว้างราวหนึ่งเมตร เป็นภาพสตรีผู้งดงาม ประทับอยู่บนบัลลังก์ขนาดใหญ่ เรือนร่างอันอวบอัดสะโอดสะองไร้ซึ่งอาภรณ์ห่อหุ้ม มีเพียงเถาวัลย์และดอกไม้น้อยใหญ่ที่เลื้อยขึ้นมาพันปิดเครื่องเพศและปทุมถัน ชายหนุ่มยืนมองอย่างพินิจด้วยความสนใจ ใบหน้าของหญิงสาวในภาพนั้นดูละม้ายคล้ายคลึงกับพิมพ์อัปสร...
“นั่นห้องท่านเหมันต์หรือครับ?” เขาเอ่ยถามขึ้น สิงขรที่ยืนคอยดูแขกหนุ่มซึ่งยืนตะลึงกับภาพวาดส่งเสียงคำรามใส่อย่างนึกรำคาญ
“ห้องคุณอยู่ทางซ้าย...โน่นไง” สิงขรชี้ไปทางด้านซ้ายมือ
“ห้องในสุดหรือครับ ?” เขาหันมาถามหลังมองตามสิงขรไปก็พบว่าด้านซ้ายมีห้องนอนสองห้องอยู่ติดกัน อีกฝ่ายไม่ตอบหากแต่พยักหน้าและส่งกุญแจให้ จังหวะนั้นฐานสิทธิ์บังเอิญเหลือบมองไปยังมือของอีกฝ่ายอย่างไม่ตั้งใจ นิ้วนางข้างซ้ายของเขามีรอยสีขาวเป็นวงรอบนิ้ว เหมือนว่าแต่ก่อนนั้นเคยมีแหวนสวมอยู่...
“คุณพิมพ์เธอให้ผมนอนห้องใครหรือครับ เป็นห้องนอนสำหรับแขกหรือว่า...” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นถาม ปรับสีหน้าที่ตกใจให้เป็นปกติ ก่อนที่สิงขรจะจุดยิ้มมุมปาก
“ห้องคุณพ่อคุณแม่ของน้องพิมพ์เอง มันถูกปิดตายและไม่มีคนใช้มาเกือบยี่สิบปีแล้ว และถ้าหากคุณอยากจะขออนุญาตเจ้าของห้องก็ต้องจุดธูปบอกกันเอาเองนะ เพราะว่าท่านทั้งสองตายไปนานแล้ว ตายโหงเสียด้วย” สิงขรพูดด้วยสีหน้าขบขัน ก่อนเดินละลิ่วลาจากไป ฐานสิทธิ์อดหมั่นไส้ชายคนนี้ขึ้นมาไม่ได้ พูดถึงบุพการีพิมพ์อัปสอย่างไม่ให้เกียรติ แต่จะว่าไปแล้วตอนอยู่ที่บ้านพักเขาเมื่อค่ำนั้น พิมพ์อัปสรเองก็พูดจากับนางพิรุณอย่างไม่ให้ความเคารพเช่นเดียวกัน
“มาถึงแล้วเหรอคะคุณ...” เสียงทุ้มนุ่มของหญิงแม่บ้านดังขึ้นขณะที่ชายหนุ่มกำลังไขกุญแจห้อง นางอุ่นเดินตรงเข้ามาหา ในมือถือถาดอาหาร
“ครับ... แล้วนี่ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้วเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ที่นี่เรานอนแต่หัววัน คุณพิมพ์ให้ป้าเตรียมอาหารเย็นไว้ให้” นางอุ่นว่า ฐานสิทธิ์จึงรีบไขกุญแจห้องเข้าไปอย่างไม่รีรอ แล้วพอเปิดประตูเข้าไปจึงได้พบว่าข้างในเปิดไฟไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นห้องนอนขนาดกว้างห้าเมตร ความยาวจากหน้าประตูไปถึงหน้าต่างเกือบเจ็ดเมตร เตียงนอนตั้งอยู่ที่มุมด้านซ้ายติดหน้าต่าง มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ปลายเตียง ถัดมาเป็นตู้เสื้อผ้า มุมด้านขวามีประตูที่เปิดสู่ระเบียงเล็กๆ ด้านนอก นางอุ่นรีบเดินเอาถาดอาหารไปวางยังโต๊ะทำงานที่ว่างอยู่
“คุณพิมพ์เธอทำเองเลยนะคะ เป็นพะแนงไก่กับข้าวผัด กินกับน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ” ฐานสิทธิ์ส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณหลังหญิงแม่บ้านเดินกลับมายืนที่หน้าประตูก่อนลาจากไป
หมอกเมืองมาร ตอนที่ ๔
ฆาตกรรมเปิดฉาก
ฐานสิทธิ์เฝ้าคิดทบทวนด้วยความรอบคอบอยู่หลายหน บุคคลที่น่าจะปองร้ายเขามากที่สุด อาจจะเป็นคนเดียวกับที่ปีนขึ้นมาบนบ้านพักในวันนั้น คนๆ นั้นจะต้องเกี่ยวพันกับสิ่งที่เขานำมามอบให้นายท่านเหมันต์ มีส่วนได้เสียกับผลประโยชน์ในครั้งนี้ ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นสิงขร เพราะเขาเป็นชายฉกรรจ์ลักษณะคล่องแคล่วว่องไวและมีพละกำลังมาก มีโอกาสสูงที่นายท่านเหมันต์จะใช้ให้สิงขรมาเล่นงานเขา แต่ว่า...ถึงฐานสิทธิ์จะกลัวกับอันตรายที่เริ่มคืบคลานเข้ามามากเพียงใด เขาก็ไม่อาจจะถอยกลับไปในตอนนี้ได้ ตราบใดที่งานยังไม่สำเร็จลุล่วงไปตามที่เขากับบิดาตั้งใจไว้
“คุณฐานสิทธิ์” แขกผู้มาเยือนในยามวิกาลเคาะประตูบ้านเรียกชายหนุ่มอยู่สองสามหน คนที่นั่งคอยเวลาอยู่ที่มุมห้องรับแขกลุกจากโซฟา เดินตรงไปเปิดประตู
“ไปบ้านใหญ่กันได้แล้วครับ” สิงขรว่าเสียงกระแทก สีหน้าบอกถึงความไม่พอใจที่จะต้องเดินมาตามเขา ฐานสิทธิ์ไม่พูดอะไร ก้าวขาออกจากบ้านและหันมาใส่กุญแจประตู จากนั้นจึงเดินตามลูกชายของนางพิรุณตรงไปยังบ้านใหญ่
ภายในบ้านหลังใหญ่นั้นเงียบเชียบ มีเพียงแสงไฟจากโถงตรงกลางเปิดให้แสงสว่าง เขาแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบน คิดอยู่ว่าห้องนอนของตนจะอยู่ตรงส่วนไหนของบ้านกัน
“เชิญชั้นสอง” สิงขรว่าขึ้นอย่างไม่รีรอ ก่อนก้าวขาเดินนำเขาขึ้นบันได แล้วพอฐานสิทธิ์ขึ้นมาถึงชั้นสอง เขาก็พบกับภาพวาดขนาดใหญ่ที่ประดับโดดเด่นอยู่เยื้องประตูไม้สลักด้วยลวดลายมังกร ภาพนั้นวาดด้วยสีน้ำ ขนาดสูงเกือบสองเมตรและกว้างราวหนึ่งเมตร เป็นภาพสตรีผู้งดงาม ประทับอยู่บนบัลลังก์ขนาดใหญ่ เรือนร่างอันอวบอัดสะโอดสะองไร้ซึ่งอาภรณ์ห่อหุ้ม มีเพียงเถาวัลย์และดอกไม้น้อยใหญ่ที่เลื้อยขึ้นมาพันปิดเครื่องเพศและปทุมถัน ชายหนุ่มยืนมองอย่างพินิจด้วยความสนใจ ใบหน้าของหญิงสาวในภาพนั้นดูละม้ายคล้ายคลึงกับพิมพ์อัปสร...
“นั่นห้องท่านเหมันต์หรือครับ?” เขาเอ่ยถามขึ้น สิงขรที่ยืนคอยดูแขกหนุ่มซึ่งยืนตะลึงกับภาพวาดส่งเสียงคำรามใส่อย่างนึกรำคาญ
“ห้องคุณอยู่ทางซ้าย...โน่นไง” สิงขรชี้ไปทางด้านซ้ายมือ
“ห้องในสุดหรือครับ ?” เขาหันมาถามหลังมองตามสิงขรไปก็พบว่าด้านซ้ายมีห้องนอนสองห้องอยู่ติดกัน อีกฝ่ายไม่ตอบหากแต่พยักหน้าและส่งกุญแจให้ จังหวะนั้นฐานสิทธิ์บังเอิญเหลือบมองไปยังมือของอีกฝ่ายอย่างไม่ตั้งใจ นิ้วนางข้างซ้ายของเขามีรอยสีขาวเป็นวงรอบนิ้ว เหมือนว่าแต่ก่อนนั้นเคยมีแหวนสวมอยู่...
“คุณพิมพ์เธอให้ผมนอนห้องใครหรือครับ เป็นห้องนอนสำหรับแขกหรือว่า...” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นถาม ปรับสีหน้าที่ตกใจให้เป็นปกติ ก่อนที่สิงขรจะจุดยิ้มมุมปาก
“ห้องคุณพ่อคุณแม่ของน้องพิมพ์เอง มันถูกปิดตายและไม่มีคนใช้มาเกือบยี่สิบปีแล้ว และถ้าหากคุณอยากจะขออนุญาตเจ้าของห้องก็ต้องจุดธูปบอกกันเอาเองนะ เพราะว่าท่านทั้งสองตายไปนานแล้ว ตายโหงเสียด้วย” สิงขรพูดด้วยสีหน้าขบขัน ก่อนเดินละลิ่วลาจากไป ฐานสิทธิ์อดหมั่นไส้ชายคนนี้ขึ้นมาไม่ได้ พูดถึงบุพการีพิมพ์อัปสอย่างไม่ให้เกียรติ แต่จะว่าไปแล้วตอนอยู่ที่บ้านพักเขาเมื่อค่ำนั้น พิมพ์อัปสรเองก็พูดจากับนางพิรุณอย่างไม่ให้ความเคารพเช่นเดียวกัน
“มาถึงแล้วเหรอคะคุณ...” เสียงทุ้มนุ่มของหญิงแม่บ้านดังขึ้นขณะที่ชายหนุ่มกำลังไขกุญแจห้อง นางอุ่นเดินตรงเข้ามาหา ในมือถือถาดอาหาร
“ครับ... แล้วนี่ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้วเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ที่นี่เรานอนแต่หัววัน คุณพิมพ์ให้ป้าเตรียมอาหารเย็นไว้ให้” นางอุ่นว่า ฐานสิทธิ์จึงรีบไขกุญแจห้องเข้าไปอย่างไม่รีรอ แล้วพอเปิดประตูเข้าไปจึงได้พบว่าข้างในเปิดไฟไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นห้องนอนขนาดกว้างห้าเมตร ความยาวจากหน้าประตูไปถึงหน้าต่างเกือบเจ็ดเมตร เตียงนอนตั้งอยู่ที่มุมด้านซ้ายติดหน้าต่าง มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ปลายเตียง ถัดมาเป็นตู้เสื้อผ้า มุมด้านขวามีประตูที่เปิดสู่ระเบียงเล็กๆ ด้านนอก นางอุ่นรีบเดินเอาถาดอาหารไปวางยังโต๊ะทำงานที่ว่างอยู่
“คุณพิมพ์เธอทำเองเลยนะคะ เป็นพะแนงไก่กับข้าวผัด กินกับน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ” ฐานสิทธิ์ส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณหลังหญิงแม่บ้านเดินกลับมายืนที่หน้าประตูก่อนลาจากไป