.....ความใฝ่ฝันเรื่องการมี "บ้าน" เป็นของตนเอง
น่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของคนส่วนใหญ่
แต่เพราะบ้านในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะดับฝันของใครหลายๆ คน
ถึงอย่างไรก็ตาม "บ้าน" ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนหวังจะครอบครอง
..เมื่อบ้านมีราคาสูงแบบนี้ แล้วคนอยากซื้อบ้านจะต้องทำอย่างไรกันครับ
แน่นอนว่าเราคงต้องมีการวางแผนด้านการเงินของตัวเอง
และศึกษาข้อมูล ขั้นตอนการซื้อบ้านอย่างละเอียด
ซึ่งก็มีหลักการและคำแนะนำที่สามารถนำไปใช้ได้กันทุกคน
.....1.ราคาบ้านที่ซื้อไม่ควรเกินสองเท่าของรายได้ครอบครัว
ถ้าเลือกได้ใครๆ ก็คงอยากมีบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวาง เพียงพอสำหรับสมาชิกในครอบครัว
รวมไปถึงอยากให้บ้านตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย
และอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญๆ อย่างโรงพยาบาล ที่ทำงาน
โรงเรียนของสมาชิกในครอบครัว รวมไปถึงระบบการขนส่งมวลชนต่างๆ
..แต่แน่นอนว่าราคาบ้านในทำเลทองเหล่านี้ย่อมมีราคาสูงลิบลับจนเกินเอื้อม
ดังนั้นคงต้องหันมาสำรวจเงินในกระเป๋าของตนเองและสมาชิกในครอบครัว
โดยเลือกบ้านที่มีราคาไม่เกิน 2 เท่าของรายได้ทั้งสิ้นของครอบครัว
เช่น ถ้ารายได้ของครอบครัวต่อปีมีทั้งสิ้น 300,000 บาท ก็ควรเลือกซื้อบ้านในราคาไม่เกิน 600,000 บาท
....2.คิดสักนิดสำหรับค่าผ่อนรายเดือน
นอกจากราคาบ้านที่ต้องคำนึงถึงแล้ว ผู้ซื้อบ้านควรคิดให้ยาวกว่านั้นสักนิด
ถึงภาระการผ่อนชำระบ้านรายเดือน
โดยมีหลักการคิดคือ ภาระผ่อนรายเดือนต้องไม่เกิน 25-30 % ของรายได้ต่อเดือน
ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้สถานะทางการเงินของเราตกอยู่ในภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง
เพราะเชื่อว่าหลายๆคนคงมีภาระ และค่าใช้จ่ายต่อเดือนประเภทอื่นๆ อีก
....3.ทำประวัติ (การเงิน) ของตนเองให้ใสสะอาด
โดยปกติการซื้อบ้าน ทุกคนมักต้องกู้เงินผ่านแบงค์
ดังนั้นเรื่องเครดิตในการทำเรื่องกู้แบงค์เป็นสิ่งสำคัญ
เพราะเวลาซื้อบ้านการดาวน์บ้านอย่างน้อยๆ จะต้องวางเงินดาวน์ล่วงหน้า 10-20 % ของราคาบ้าน
เพราะปกติแบงค์จะปล่อยกู้ให้เราแค่ 80-90 % ของราคาบ้านเท่านั้น
นั่นก็เท่ากับว่าที่เหลือผู้ซื้อบ้านจะต้องรับภาระจ่ายเงินเอง
ซึ่งก็คงต้องใช้เงินเก็บส่วนตัว
...ยิ่งถ้ามีเงินเก็บส่วนตัวสำหรับวางเงินดาวน์ได้มาก
นอกจากจะช่วยลดดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว ยังจะทำให้เครดิตด้านการเงินของคุณดีขึ้นด้วย
เพราะตอนธนาคารพิจารณาปล่อยกู้ นอกจากจะพิจารณารายได้ต่อเดือนที่มีอย่างต่อเนื่องแล้ว
ทางธนาคารยังพิจารณาประวัติทางการเงินของคุณประกอบไปด้วย
ดังนั้นหากคิดว่าในอนาคตจะต้องกู้เงินซื้อบ้านจากธนาคารอย่างแน่นอน
ก็ควรทำประวัติการเงินของตนเองให้ขาวสะอาด ไม่มีประวัติหนี้สินรุงรัง
....4.เลือกดอกเบี้ยที่โดน (ใจ)
เวลาตัดสินใจเลือกทำเรื่องกู้ยืมเงินซื้อบ้านจากสถาบันการเงินใด
ควรพิจารณาถึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารนั้นๆ
โดยเลือกดอกเบี้ยให้ตรงกับความสามารถในการชำระหนี้ของตัวเองมากที่สุด
เพราะในปัจจุบันแต่ละธนาคารต่างมีโปรโมชั่นในการปล่อยสินเชื่อ
เกี่ยวกับที่พักอาศัยอย่างหลากหลาย
โดยอัตราดอกเบี้ยมีทั้งแบบลอยตัวและคงที่
จะเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบไหนก็ดูตามสถานการณ์นั้นๆ
...ถ้าเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นควรเลือกดอกเบี้ยแบบคงที่
แต่ถ้าเป็นช่วงดอกเบี้ยขาลง ควรเลือกกู้แบบดอกเบี้ยลอยตัว
และสำหรับผู้กู้ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านยังนำไปลดหย่อนภาษีต่อปีได้อีกด้วย
....การตัดสินใจซื้อบ้านต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ
และระยะเวลาในการศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน
แล้วสำหรับคุณล่ะพร้อมหรือยังครับ..สำหรับการตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรก
สนับสนุนเนื้อหา : Sanook
......มาวางแผนซื้อบ้านกันครับ
น่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของคนส่วนใหญ่
แต่เพราะบ้านในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะดับฝันของใครหลายๆ คน
ถึงอย่างไรก็ตาม "บ้าน" ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนหวังจะครอบครอง
..เมื่อบ้านมีราคาสูงแบบนี้ แล้วคนอยากซื้อบ้านจะต้องทำอย่างไรกันครับ
แน่นอนว่าเราคงต้องมีการวางแผนด้านการเงินของตัวเอง
และศึกษาข้อมูล ขั้นตอนการซื้อบ้านอย่างละเอียด
ซึ่งก็มีหลักการและคำแนะนำที่สามารถนำไปใช้ได้กันทุกคน
.....1.ราคาบ้านที่ซื้อไม่ควรเกินสองเท่าของรายได้ครอบครัว
ถ้าเลือกได้ใครๆ ก็คงอยากมีบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวาง เพียงพอสำหรับสมาชิกในครอบครัว
รวมไปถึงอยากให้บ้านตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย
และอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญๆ อย่างโรงพยาบาล ที่ทำงาน
โรงเรียนของสมาชิกในครอบครัว รวมไปถึงระบบการขนส่งมวลชนต่างๆ
..แต่แน่นอนว่าราคาบ้านในทำเลทองเหล่านี้ย่อมมีราคาสูงลิบลับจนเกินเอื้อม
ดังนั้นคงต้องหันมาสำรวจเงินในกระเป๋าของตนเองและสมาชิกในครอบครัว
โดยเลือกบ้านที่มีราคาไม่เกิน 2 เท่าของรายได้ทั้งสิ้นของครอบครัว
เช่น ถ้ารายได้ของครอบครัวต่อปีมีทั้งสิ้น 300,000 บาท ก็ควรเลือกซื้อบ้านในราคาไม่เกิน 600,000 บาท
....2.คิดสักนิดสำหรับค่าผ่อนรายเดือน
นอกจากราคาบ้านที่ต้องคำนึงถึงแล้ว ผู้ซื้อบ้านควรคิดให้ยาวกว่านั้นสักนิด
ถึงภาระการผ่อนชำระบ้านรายเดือน
โดยมีหลักการคิดคือ ภาระผ่อนรายเดือนต้องไม่เกิน 25-30 % ของรายได้ต่อเดือน
ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้สถานะทางการเงินของเราตกอยู่ในภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง
เพราะเชื่อว่าหลายๆคนคงมีภาระ และค่าใช้จ่ายต่อเดือนประเภทอื่นๆ อีก
....3.ทำประวัติ (การเงิน) ของตนเองให้ใสสะอาด
โดยปกติการซื้อบ้าน ทุกคนมักต้องกู้เงินผ่านแบงค์
ดังนั้นเรื่องเครดิตในการทำเรื่องกู้แบงค์เป็นสิ่งสำคัญ
เพราะเวลาซื้อบ้านการดาวน์บ้านอย่างน้อยๆ จะต้องวางเงินดาวน์ล่วงหน้า 10-20 % ของราคาบ้าน
เพราะปกติแบงค์จะปล่อยกู้ให้เราแค่ 80-90 % ของราคาบ้านเท่านั้น
นั่นก็เท่ากับว่าที่เหลือผู้ซื้อบ้านจะต้องรับภาระจ่ายเงินเอง
ซึ่งก็คงต้องใช้เงินเก็บส่วนตัว
...ยิ่งถ้ามีเงินเก็บส่วนตัวสำหรับวางเงินดาวน์ได้มาก
นอกจากจะช่วยลดดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว ยังจะทำให้เครดิตด้านการเงินของคุณดีขึ้นด้วย
เพราะตอนธนาคารพิจารณาปล่อยกู้ นอกจากจะพิจารณารายได้ต่อเดือนที่มีอย่างต่อเนื่องแล้ว
ทางธนาคารยังพิจารณาประวัติทางการเงินของคุณประกอบไปด้วย
ดังนั้นหากคิดว่าในอนาคตจะต้องกู้เงินซื้อบ้านจากธนาคารอย่างแน่นอน
ก็ควรทำประวัติการเงินของตนเองให้ขาวสะอาด ไม่มีประวัติหนี้สินรุงรัง
....4.เลือกดอกเบี้ยที่โดน (ใจ)
เวลาตัดสินใจเลือกทำเรื่องกู้ยืมเงินซื้อบ้านจากสถาบันการเงินใด
ควรพิจารณาถึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารนั้นๆ
โดยเลือกดอกเบี้ยให้ตรงกับความสามารถในการชำระหนี้ของตัวเองมากที่สุด
เพราะในปัจจุบันแต่ละธนาคารต่างมีโปรโมชั่นในการปล่อยสินเชื่อ
เกี่ยวกับที่พักอาศัยอย่างหลากหลาย
โดยอัตราดอกเบี้ยมีทั้งแบบลอยตัวและคงที่
จะเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบไหนก็ดูตามสถานการณ์นั้นๆ
...ถ้าเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นควรเลือกดอกเบี้ยแบบคงที่
แต่ถ้าเป็นช่วงดอกเบี้ยขาลง ควรเลือกกู้แบบดอกเบี้ยลอยตัว
และสำหรับผู้กู้ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านยังนำไปลดหย่อนภาษีต่อปีได้อีกด้วย
....การตัดสินใจซื้อบ้านต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ
และระยะเวลาในการศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน
แล้วสำหรับคุณล่ะพร้อมหรือยังครับ..สำหรับการตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรก
สนับสนุนเนื้อหา : Sanook