สักวา กระทาชาย นายหนึ่งนั้น แสนสุขสันต์ ภรรยา มีอยู่สอง
อยู่ด้วยกัน ทั้งเมียหลวง พ่วงเมียรอง ต่างปรองดอง ครองเรือนอยู่ คู่เคียงกัน
วันฟ้างาม สามผัวเมีย ไปเที่ยวป่า เผอิญว่า สายธารา มาขวางกั้น
ในน้ำใส ไอ้เข้มา ชาละวัน มีท่อนซุง ข้ามฟากกัน มันน่ากลัว
ชายเริ่มข้าม สายน้ำไป ไม่กลัวตาย สองเมียชม สมชาติชาย ได้เป็นผัว
แต่ในใจ ชายหวาดหวั่น สั่นระรัว ถ้าตกไป เสร็จเข้ชัวร์ ตัวคงตาย
เมื่อใจสั่น ขาก็สั่น มันก้าวพลาด ด้วยสามารถ มือคว้าไว้ ไวเหลือหลาย
ห้อยต่องแต่ง แกว่งไปมา อย่างท้าทาย ไอ้เข้มอง จ้องดูชาย หมายจะกิน
เข้ตัวหนึ่ง กระโดดถึง จึงงับขา กัดไม่ปล่อย ห้อยลงมา กระแด่วดิ้น
สามีว่า ก่อนข้าตาย ยังหมายฟิน ขอยลยิน ดู “หินปลี้ ” ก่อนซี้เอย
เมียหลวงว่า บ้ารึไง จะตายอยู่ ทะลึ่งจัง ยังขอดู ของหนูเฉย
แต่เมียน้อย ไม่คอยรอ เปิดหม้อเลย ยื่นขาโก่ง กระโปรงเสย เผยของดี
เหมือนกับจิ๋ม ไปจิ้มตา จระเข้ ด้วยฉงน สนเท่ห์ เข้เห็น__* (*เซ็นเซอร์ – เดาคำเอาเองนะครับ)
ถลึงตา เผลออ้าปาก ในทันที ปล่อยขาชาย รอดชีวี โชคดีไป
ด้วยเหตุนี้ สามีมัก รักเมียน้อย แต่เมียหลวง ยังหวงหอย จ๋อยเลยไหม
ที่เปิดขา มาถึงหม้อ แสนล่อใจ จึงเรียกใหม่ “ล่อตะเข้ ” เท่ไม่เบา
รู้ไว้หนอ “ล่อตะเข้ ” ของเจ้ามือ บางทีหรือ ชื่อแผนชัด “สลัดเม่า”
ถ้าหุ้นใด จ้าวหมายปอง ต้องการเอา สลัดเม่า เขย่าใหญ่ ให้เม่าคาย
จ้าวจะทุบ ยุบราคา มาติดฟลอร์ เม่าตะลึง อึ้งปากหวอ ใจคอหาย
เม่าสลัด ที่กัดไว้ ไม่งั้นตาย เมื่อเม่าขาย จ้าวก็ buy ได้ของเอย
ขอโทษชาวใต้ด้วยนะครับที่มาสาย มีงานเข้าแบบไม่ได้คาดหมายเข้ามาฉุกเฉิน เลยต้องไปจัดการก่อน
เรื่องนี้ได้มาทาง line เร็วๆนี้เองครับ ทำให้เราทราบถึงที่มาว่า
1. ทำไมสามีจึงรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวง
2. ทำไมการถกกระโปรงโชว์ขาอ่อน (จนอาจถึงจิมิ) จึงเรียกว่า “ล่อตะเข้”
เวลาจ้าวต้องการเก็บหุ้น เขาก็ใช้วิธีเดียวกันนี่แหละครับ
ล่อให้เม่าตะลึงจนอ้าปากหวอ เผลอคายหุ้นที่งับไว้ออกมา
เรียกว่าแผน “สลัดเม่า” หรือ “เขย่าเม่า” ไงครับ
ทุกท่านระวังแผนล่อตะเข้ เอ๊ย สลัดเม่าของจ้าวให้ดีๆนะครับ
สายแล้ว แค่นี้ก็แล้วกัน โชคดีวันสุขทุกท่านนะครับ
<[^_^]> สักวา กระทาชาย นายหนึ่งนั้น.....แสนสุขสันต์ ภรรยา มีอยู่สอง
อยู่ด้วยกัน ทั้งเมียหลวง พ่วงเมียรอง ต่างปรองดอง ครองเรือนอยู่ คู่เคียงกัน
วันฟ้างาม สามผัวเมีย ไปเที่ยวป่า เผอิญว่า สายธารา มาขวางกั้น
ในน้ำใส ไอ้เข้มา ชาละวัน มีท่อนซุง ข้ามฟากกัน มันน่ากลัว
ชายเริ่มข้าม สายน้ำไป ไม่กลัวตาย สองเมียชม สมชาติชาย ได้เป็นผัว
แต่ในใจ ชายหวาดหวั่น สั่นระรัว ถ้าตกไป เสร็จเข้ชัวร์ ตัวคงตาย
เมื่อใจสั่น ขาก็สั่น มันก้าวพลาด ด้วยสามารถ มือคว้าไว้ ไวเหลือหลาย
ห้อยต่องแต่ง แกว่งไปมา อย่างท้าทาย ไอ้เข้มอง จ้องดูชาย หมายจะกิน
เข้ตัวหนึ่ง กระโดดถึง จึงงับขา กัดไม่ปล่อย ห้อยลงมา กระแด่วดิ้น
สามีว่า ก่อนข้าตาย ยังหมายฟิน ขอยลยิน ดู “หินปลี้ ” ก่อนซี้เอย
เมียหลวงว่า บ้ารึไง จะตายอยู่ ทะลึ่งจัง ยังขอดู ของหนูเฉย
แต่เมียน้อย ไม่คอยรอ เปิดหม้อเลย ยื่นขาโก่ง กระโปรงเสย เผยของดี
เหมือนกับจิ๋ม ไปจิ้มตา จระเข้ ด้วยฉงน สนเท่ห์ เข้เห็น__* (*เซ็นเซอร์ – เดาคำเอาเองนะครับ)
ถลึงตา เผลออ้าปาก ในทันที ปล่อยขาชาย รอดชีวี โชคดีไป
ด้วยเหตุนี้ สามีมัก รักเมียน้อย แต่เมียหลวง ยังหวงหอย จ๋อยเลยไหม
ที่เปิดขา มาถึงหม้อ แสนล่อใจ จึงเรียกใหม่ “ล่อตะเข้ ” เท่ไม่เบา
รู้ไว้หนอ “ล่อตะเข้ ” ของเจ้ามือ บางทีหรือ ชื่อแผนชัด “สลัดเม่า”
ถ้าหุ้นใด จ้าวหมายปอง ต้องการเอา สลัดเม่า เขย่าใหญ่ ให้เม่าคาย
จ้าวจะทุบ ยุบราคา มาติดฟลอร์ เม่าตะลึง อึ้งปากหวอ ใจคอหาย
เม่าสลัด ที่กัดไว้ ไม่งั้นตาย เมื่อเม่าขาย จ้าวก็ buy ได้ของเอย
เรื่องนี้ได้มาทาง line เร็วๆนี้เองครับ ทำให้เราทราบถึงที่มาว่า
1. ทำไมสามีจึงรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวง
2. ทำไมการถกกระโปรงโชว์ขาอ่อน (จนอาจถึงจิมิ) จึงเรียกว่า “ล่อตะเข้”
เวลาจ้าวต้องการเก็บหุ้น เขาก็ใช้วิธีเดียวกันนี่แหละครับ
ล่อให้เม่าตะลึงจนอ้าปากหวอ เผลอคายหุ้นที่งับไว้ออกมา
เรียกว่าแผน “สลัดเม่า” หรือ “เขย่าเม่า” ไงครับ
ทุกท่านระวังแผนล่อตะเข้ เอ๊ย สลัดเม่าของจ้าวให้ดีๆนะครับ
สายแล้ว แค่นี้ก็แล้วกัน โชคดีวันสุขทุกท่านนะครับ