คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ความจริงแล้วความรักเป็นเหมือนมารที่ทำให้ไปสู่นิพพานรึเปล่าครับ
------------------------------------- ถ้านำมาใช้ ให้เห็นความจริง(ความพลัดพลาก ความตาย เป็นธรรมดาของชีวิต) ก็ไปสุ่นิพพานได้ครับ
ผมเลิกกับแฟนมาได้สักพักนึงแล้วก็เลยกลับมาพึ่งธรรมะอีกครั้ง(ก่อนหน้านี้เคยเลิกก็พึ่งธรรมะ)
--------------------------------- ดี แล้วครับ
ผมก็รู้นะว่าการที่จะปล่อยวางอะไรได้มันต้องไม่คิดว่าเขาเป็นของเรา ไม่ใช่เจ้าของเขา
----------------------------------- สิ่งสำคัญที่สุด ที่เราควรรุ้ว่าไม่ใช่ของเรา และเมื่อเราพิจารณาแล้วจะทำให้เราพ้นจากทุกข์คือ กายและจิตของเราเอง (เมื่อเราเห็น กายหรือจิต เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ก็รู้ว่าสิ่งที่เกิดดับอยุ่ตลอดเวลานั้น ไม่มีความคงทนเพียงพอที่จะถือว่าเป้นตัวตนได้เลย เมื่อเห็น รุ้เช่นนี้แล้ว จิตก็ปล่อยวางความยึดถือที่ผิด(ว่ามีตัวตน) จิตโน้มไปสัมผัสกับความสงบสันติ(นิพพาน))
แต่ว่าพอมีความรัก(ทั้งๆที่มันก็ห้ามให้มียากเหลือเกิน)มันกลับมีอารมณ์มากมาย
---------------------------------------- คนอายุน้อย ฮอร์โมนเพศมาก ก็เป็นอย่างนี้ส่วนมาก อายุมากขึ้นก็จะสงบ และรู้ความจริงมาขั้นว่า ความรักไม่ใช่สิ่งมั่นคง แน่นอน ในความรุ้สึกของเรา
ผมอ่านจากเว็บบอร์ดบางแห่ง บางทีเขาก็สวดมนต์แล้วตอนจบก็อธิฐานให้แฟนกลับมา
------------------------------------ ขอได้ แต่ได้หรือไม่ รับรองไม่ได้ แล้วแต่กรรมและจิตใจเขา
อาจจะขอดลบันดาลให้กลับมาคู่กันถ้ายังมีความรักยังมีกรรมต่อกัน แต่ถ้าหมดเวรหมดกรรมก็ขอให้อโหสิกรรม
---------------------------------- เราไม่รู้ได้ ไม่ต้องไปสนใจ สร้างตัว สร้างฐานะ ทำสิ่งที่ดี ให้พบสิ่งที่ดี
ทุกท่านคิดว่ามันเป็นไปได้มั้ยครับ แล้วการทำแบบนี้มันยิ่งทำให้เรายึดติดรึเปล่า
------------------------------------ การมีความรัก คือการไม่รู้ว่า ไม่มีตัวตนของตน จึงทำสิ่งที่ คิดว่าเป็นตน พอใจ
ก็ยึดติดมากขึ้น เมื่อรู้มากขึ้น อารมณ์ลดลง ก็จะค่อยๆรุ้ความจริง
------------------------------------- ถ้านำมาใช้ ให้เห็นความจริง(ความพลัดพลาก ความตาย เป็นธรรมดาของชีวิต) ก็ไปสุ่นิพพานได้ครับ
ผมเลิกกับแฟนมาได้สักพักนึงแล้วก็เลยกลับมาพึ่งธรรมะอีกครั้ง(ก่อนหน้านี้เคยเลิกก็พึ่งธรรมะ)
--------------------------------- ดี แล้วครับ
ผมก็รู้นะว่าการที่จะปล่อยวางอะไรได้มันต้องไม่คิดว่าเขาเป็นของเรา ไม่ใช่เจ้าของเขา
----------------------------------- สิ่งสำคัญที่สุด ที่เราควรรุ้ว่าไม่ใช่ของเรา และเมื่อเราพิจารณาแล้วจะทำให้เราพ้นจากทุกข์คือ กายและจิตของเราเอง (เมื่อเราเห็น กายหรือจิต เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ก็รู้ว่าสิ่งที่เกิดดับอยุ่ตลอดเวลานั้น ไม่มีความคงทนเพียงพอที่จะถือว่าเป้นตัวตนได้เลย เมื่อเห็น รุ้เช่นนี้แล้ว จิตก็ปล่อยวางความยึดถือที่ผิด(ว่ามีตัวตน) จิตโน้มไปสัมผัสกับความสงบสันติ(นิพพาน))
แต่ว่าพอมีความรัก(ทั้งๆที่มันก็ห้ามให้มียากเหลือเกิน)มันกลับมีอารมณ์มากมาย
---------------------------------------- คนอายุน้อย ฮอร์โมนเพศมาก ก็เป็นอย่างนี้ส่วนมาก อายุมากขึ้นก็จะสงบ และรู้ความจริงมาขั้นว่า ความรักไม่ใช่สิ่งมั่นคง แน่นอน ในความรุ้สึกของเรา
ผมอ่านจากเว็บบอร์ดบางแห่ง บางทีเขาก็สวดมนต์แล้วตอนจบก็อธิฐานให้แฟนกลับมา
------------------------------------ ขอได้ แต่ได้หรือไม่ รับรองไม่ได้ แล้วแต่กรรมและจิตใจเขา
อาจจะขอดลบันดาลให้กลับมาคู่กันถ้ายังมีความรักยังมีกรรมต่อกัน แต่ถ้าหมดเวรหมดกรรมก็ขอให้อโหสิกรรม
---------------------------------- เราไม่รู้ได้ ไม่ต้องไปสนใจ สร้างตัว สร้างฐานะ ทำสิ่งที่ดี ให้พบสิ่งที่ดี
ทุกท่านคิดว่ามันเป็นไปได้มั้ยครับ แล้วการทำแบบนี้มันยิ่งทำให้เรายึดติดรึเปล่า
------------------------------------ การมีความรัก คือการไม่รู้ว่า ไม่มีตัวตนของตน จึงทำสิ่งที่ คิดว่าเป็นตน พอใจ
ก็ยึดติดมากขึ้น เมื่อรู้มากขึ้น อารมณ์ลดลง ก็จะค่อยๆรุ้ความจริง
แสดงความคิดเห็น
ความจริงแล้วความรักเป็นเหมือนมารที่ทำให้ไปสู่นิพพานรึเปล่าครับ
ผมก็รู้นะว่าการที่จะปล่อยวางอะไรได้มันต้องไม่คิดว่าเขาเป็นของเรา ไม่ใช่เจ้าของเขา
แต่ว่าพอมีความรัก(ทั้งๆที่มันก็ห้ามให้มียากเหลือเกิน)มันกลับมีอารมณ์มากมาย
ผมอ่านจากเว็บบอร์ดบางแห่ง บางทีเขาก็สวดมนต์แล้วตอนจบก็อธิฐานให้แฟนกลับมา
อาจจะขอดลบันดาลให้กลับมาคู่กันถ้ายังมีความรักยังมีกรรมต่อกัน แต่ถ้าหมดเวรหมดกรรมก็ขอให้อโหสิกรรม
ทุกท่านคิดว่ามันเป็นไปได้มั้ยครับ แล้วการทำแบบนี้มันยิ่งทำให้เรายึดติดรึเปล่า