การขึ้นทะเบียนคนว่างงาน ที่สำนักงานจัดหางาน

สำนักงานจัดหางาน กับสำนักงานประกันสังคมไม่เหมือนกัน (ที่เราเสียเงิน 5% ของเงินเดือนทุกๆเดือนไปให้ประกันสังคม)
สำนักงานจัดหางาน = เราไปลงทะเบียนว่าเราว่างงานและที่ไปรายงานตัวทุกๆ 30 วัน
สำนักงานประกันสังคม = โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารประเภทออมทรัพย์ที่เราได้ไปลงทะเบียนกับสำนักงานจัดหางาน
เป็นการสร้างหลักประกันโดยการจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคม เพื่อเฉลี่ยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วย  คลอดบุตร  ทุพพลภาพ  ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพและว่างงาน เพื่อให้ได้รับการรักษาพยาบาลและมีรายได้อย่างต่อเนื่อง

เอกสารที่ใช้
- บัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 2 ใบ
- รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว 1 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ (หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ประกันตน) 1 ใบ
- หนังสือรับรองการออกจากงานหรือสำเนาแบบแจ้งการลาออกจากงานของผู้ประกันตนออกจากงานของผู้ประกันตน (สปส.6-09) กรณีที่ไม่มีสำเนา สปส.6-09 ก็สามารถไปขึ้นทะเบียนกรณีว่างงานได้ (ถ้ามี)
- หนังสือหรือคำสั่งของนายจ้างให้ออกจากงาน (ถ้ามี)

ไปถึงแล้วทำอย่างไร (ไปได้ตั้งแต่วันที่ว่างงานวันแรกได้เลย)
1. ไปรับเอกสารที่ช่อง 1 มากรอกให้ครบ
2. นำเอกสารที่กรอกเสร็จแล้วไปยื่นที่ช่อง 2

ยกตัวอย่างแบบ 3 เดือน
1. ไปขึ้นทะเบียนวันที่ 1 มกราคม จะต้องไปรายงานตัวในวันที่ 1 กุมภาพันธ์
2. วันที่ 2-7 จะเป็นวันที่ทำการตรวจสอบ
3. หลังจากนั้นวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เงินจะโอนเข้า
4. 1 มีนาคมไปรายงานตัว 8 มีนาคมเงินจะโอนเข้า
5. 1 เมษายนไปรายงานตัว 8 เมษายนเงินจะโอนเข้า

ข้อควรรู้
1. ขึ้นทะเบียนว่างงานที่สำนักงานที่ไปขึ้นทะเบียนไว้ ภายใน 30 วัน (นับแต่วันที่ว่างงาน)
(แนะนำว่าไปหลังจากลาออกจากไปแล้ว 15 วัน - 20 วัน เพราะ
      1.1 การขอรับเงินว่างงานผู้ประกันตนต้องว่างงานตั้งแต่ 7 วันขึ้นไป
      1.2 เอกสารที่ส่งจากบริษัทไปสำนักงานประกันสังคมกำหนดให้แจ้งไม่เกิน 15 วัน
      1.3 สำนักงานประกันสังคมเมื่อได้รับเอกสารตามข้อ 1.2 จึงสามารถทำการบันทึกได้

2. ต้องรายงานตัวทุกเดือนที่เรายังว่างงานอยู่ ที่สำนักงานจัดหางานที่ไปขึ้นทะเบียนไว้
*** ต้องไปรายงานตัวทุกวัน ที่กำหนดไว้ทุกเดือน กรณีที่ไม่ว่างในวันนั้นๆ สามารถไปก่อนได้ไม่เกิน 7 วัน และหลังจากวันนัดไม่เกิน 7 วัน ถ้าไม่ไปรายงานตัวจะไม่ได้รับเงินค่าชดเชยของเดือนนั้นๆ ***

      2.1 กรณีลาออกเอง จะได้รับเงินชดเชย 30% ของเงินเดือน แต่ไม่เกิน 15,000 บาท (เป็นเวลา 3 เดือน : เดือนละ 1 ครั้ง)
ตัวอย่าง : เงินเดือน เดือนสุดท้ายได้ 15,000 บาท 15,000x0.3 = เราจะได้เดือนละ 4,500 บาท

      2.2 กรณีถูกเลิกจ้าง (ไม่มีความผิด) จะได้รับเงินชดเชย 50% ของเงินเดือน แต่ไม่เกิน 15,000 บาท (เป็นเวลา 6 เดือน : เดือนละ 1 ครั้ง)
ตัวอย่าง : เงินเดือน เดือนสุดท้ายได้ 15,000 บาท 15,000x0.5 = เราจะได้เดือนละ 7,500 บาท

      ผู้ที่ว่างงานต้องไม่ถูกเลิกจ้างเนื่องจากกรณี มีดังนี้
    -  ทุจริตต่อหน้าที่กระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
    -  จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
    -  ฝ่าฝืนข้อบังคับ หรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายในกรณี ร้ายแรง
    -  ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันควร
    -  ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
    -  ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา
    -  ต้องมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 นับแต่วันว่างงานจากการทำงานกับนายจ้างรายสุดท้าย
    -  ไม่เป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39

3. เราต้องมีหลักฐานว่าเรามีความสามารถในการทำงานและพร้อมที่จะทำงานที่เหมาะสมตามที่จัดหาให้และต้องไม่ปฏิเสธการฝึกงาน
คือ ในระหว่างที่เราว่างงานนั้นจะต้องมีหลักฐานว่าเราไปสมัครงานที่โน่น ที่นี่มา เหมือนไปสัมภาษณ์งาน หรือ พริ้น Apply เวลาเราหางานใน Jobthai ก็ได้ หรือเราออกมาทำธุรกิจส่วนตัวก็สามารถเขียนได้

4. เงินงวดแรกจะได้ภายใน 7 วันหลังจากที่รายงานตัวครั้งแรก โดยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารที่ท่านยื่นหลักฐานไว้ ในวันที่ท่านไปติดต่อ สำนักงานจัดหางานครั้งแรก


หากผิดพลาดประการใด แสดงความคิดเห็นได้เลยครับ ทางผู้เขียนจะแก้ไขให้โดยเร็วที่สุดขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่