มุมมองของ นักศึกษาแพทย์ ต่อสถานการณ์และปัญหาเกี่ยวกับรพ.

กระทู้สนทนา
หลังจากที่มีหมอและคนไข้มากมายมาตั้งกระทู้คราวนี้ขอ นศพ.มาตั้งบ้างนะครับใครมีความเห็นแตกต่างยังไงก็มาแลกเปลี่ยนกันได้(ปล. เพิ่งโพสครั้งแรกถ้าผิดพลาดหรืออะไรยังไงก็ขออภัย ณ ที่นี้)
เม่าเนิร์ด

ก่อนจะเริ่มขอทำความเข้าใจก่อนนะครับ
1. ผมเองเป็นทั้งคนไข้ คนตรวจ และคนสังเกตุการณ์มาแล้ว
2. ผมไม่มีความรู้เรื่องระบบของรพ. นะครับถ้าข้อมูลผิดพลาดก็ขออภัย
3. นี่เป็นเพียงความเห็นและมุมมองส่วนตัวนะครับ


มุมมองที่มองเห็นก็คือ
- มันมีวงจรอุบาทว์เกิดขึ้น : เริ่มจากอันแรกเลยนะครับ(ความจริงเริ่มจากจุดไหนก็ได้ในวงจรนี้)  –แพทย์ในรพ.รัฐมีน้อย ไม่สมดุลกับปริมาณคนไข้ที่มาในแต่ละวัน > ผู้คนไม่พอใจกับการบริการโดยที่ไม่รู้ว่าแพทย์นั้นทำดีที่สุดแล้วแต่ด้วยข้อจำกัดหลากหลายประการ > มีการฟ้องร้องรวมถึงการโพสท์ประจารบนsocial networkต่างๆ > ผู้คนออกมารุมประณามโดยไม่สนใจข้อเท็จจริงแม้จะมีแพทย์ออกมาอธิบายแล้ว > แม้พิสูจน์ได้ว่าแพทย์ไม่ผิดแต่ก็ไม่มีการขอโทษหรือออกมาปรับความเข้าใจให้ บางครั้งถ้ามีการฟ้องร้องศาลก็ตัดสินให้แพทย์ผิดเพราะศาลไม่รู้ขั้นตอนการทำงานของแพทย์ > แพทย์ต่างๆเกิดความท้อแท้หันไปอยู่เอกชน > แพทย์ในรพ.รัฐมีจำนวนลดลง (วนวงจรเดิมแบบนี้เรื่อยๆ และปัญหาก็พบบ่อยและใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ)

ปัจจัยเสริมต่างๆในสถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบัน
1. ความเข้าใจผิดของประชาชนที่ว่า
    - หมอเป็นหนี้ต่อประชาชนเพราะเอาเงินภาษีมาเรียนมาทำงาน ความจริงคือหมอต้องใช้ทุนคืน อยู่แล้วเป็นเวลา
        กี่ปีก็แล้วแต่สัญญา
    - มารพ.แล้วต้องได้รับการรักษาทัน ทีเพราะเข้าใจว่าตนเองนั้นฉุกเฉิน แต่หมอมาประเมินแล้วไม่ได้ฉุกเฉิน
    - หมอต้องรู้ทุกอย่างในรพ. กระติกน้ำวางไว้ที่ไหนเป็นต้น หรือแม้แต่ชั้นมาชั้นต้องได้ทุกอย่าง
    - หากมารพ. แล้วต้องรักษาได้โดยไม่รู้ว่า  บางครั้งก็มาช้าไปหรือปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นจากหมอแต่เกิดจากตัว    
         โรคเองหรือแม้แต่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่แม้จะพยายามควบคุมแล้วแต่ก็มีโอกาสเกิดได้
    - หมอเปิดมือถือเล่นsocial network แต่ความจริงคือกำลังปรึกษากับ อาจารย์อยู่
    - หมอที่อยู่เวรห้ามนอน ต้องตื่นตัวตลอดเวลา ถ้าพักผ่อนคือเป็นหมา ความจริงนั้นหมอทำงาน มาตลอดตั้งแต่
         เช้าและวันรุ่งขึ้นก็ต้องทำอีกทั้งวัน
    - หมอมาตรวจช้ามัวไปเปิดคลินิกอยู่ความจริงคือมาตั้งแต่ 7โมงแต่ต้องไปดูคนไข้บนวอร์ดให้เสร็จก่อนถึงจะมา
        ได้
    - หมอตรวจอยู่แต่ก็วิ่งออกไปกลางคัน อาจเพราะโดนตามไปดูเคสฉุกเฉินเพราะอยู่เวรห้องฉุกเฉินควบด้วย หรือ
        อาจโดนตามไปชัยสูตรพลิกศพอย่างเร่งด่วน

2. ปัญหาจากทาง รพ. เอง
    - ระบบของรพ. ทำให้หมอมีเวลาในการตรวจจำกัด
    - ปริมาณบุคลากรน้อยทำให้ต้องอยู่เวรบ่อยและมีความรับผิดชอบมาก
    - เครื่องมืออุปกรณ์หรือแม้แต่เตียงให้ผู้ป่วยนอนไม่เพียงพอ
    - ปัญหาภายในต่างๆ *ไม่ขอพูดถึง*

3. ปัญหาจากตัวหมอเอง
    - ทุกอาชีพล้วนมีทั้งคนดีและไม่ดีแต่ขอยืนยันว่าหมอที่ไม่ดีนั้นมีน้อยมาก ทุกคนล้วนต้องการดูแลให้คนไข้หาย
        ป่วยโดยเร็วที่สุด
    - หมอเองก็เป็นเกิดอารมณ์ได้ หิวได้ เหนื่อยได้ ท้อแท้ได้ ถ้าคุณมาเจอหมอหน้าบึ้งบางครั้งเค้าอาจจะโดนแฟน
        บอกเลิกมาก็ได้ทางที่ดีคุณควรเข้าใจหมอแล้วถามหมอว่าเป็นอะไรมารึเปล่าหรืออย่างน้อยแค่ยิ้มให้กัน
        ก็ยังดี
    - หมอไม่ได้รู้ทุกเรื่องในโลก(บางเรื่องหมอก็โง่ไม่น่าเชื่อ555)หรือแม้แต่เรื่องทางการแพทย์เองก็เถอะ โดยเฉพาะ
        แพทย์จบใหม่ หรือแม้กระทั่งแพทย์อาวุโสทำงานมานานก็ไม่สามารถบอกอะไรได้ 100% เพราะหลัก
        ของแพทย์คือใช้ข้อมูล(ที่ได้มาทั้งหมด)มาวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นโรคใดมากที่สุดและเลือกวิธีรักษาที่
        เหมาะสมที่สุดกับโรคนั้นๆ
    - หมอเองก็มีภาระค่าใช้จ่ายทั้งส่วนตัวและคนรอบข้างเพราะฉะนั้นถ้าเห็นหมอไปวิ่งรพ. เอกชนด้วยก็โปรดเข้าใจ
4. ปัญหาจากสังคมรอบข้าง
    - มีสำนักข่าวและอดีตดาราบางคนคอบจ้องจะใส่ร้ายและกล่าวหาหมอ และแม้ว่าจะมีการอธิบายแล้วแต่ก็ไม่มี
        การออกมาขอโทษใดๆ

สรุป : ในมุมมองของผม ในอนาคตเราอาจจะไม่เหลือหมอในรพ.รัฐอีกต่อไปเพราะหมอล้วนท้อแท้กับสิ่งที่เกิดขึ้นและ
    ออกไปอยู่เอกชน รวมถึงไม่มีมีหมอรุ่นใหม่อย่างเพียงพอเพราะล้วนกลัวกับสิ่งที่จะพบเจอทางแก้ไขคือช่วยกัน
    ปรับทัศนคติต่อหมอใหม่พยายามเปิดใจและทำความเข้าใจหมอ ลบล้างอคติต่างๆ ส่วนพวกเรานั้นรักและดูแล
    คุณทุกคนอย่างเต็ม

*ส่วนต่อไปนี้จะเป็นเนื้อหาส่วนตัวนะคับใครไม่สนใจก็ตัดจบได้เลยครับมุมมองสภาพรวมจบแล้ว*
โดยส่วนตัวผมก็เป็นแค่ นศพ. ธรรมดาคนหนึ่งซึ่งใกล้จะจบแล้วเหลืออีกปีครึ่งเท่านั้น
ผมเองเคยวาดฝันตามอุดมการณ์ว่าจะเป็นหมอที่ดีดูแลคนไข้อย่างเต็มที่ เปิดคลีนิคช่วยเหลือคนจน ออกพอสว.ไปดูแลชาวบ้านในชนบท ไปเป็นหมอบนดอย ต่างๆนานา มันอาจจะดูโลกสวยนิดหน่อยนะ แต่ผมโตมาในรพ. พ่อเป็นหมอได้อยู่บ้านพักแพทย์ไปวิ่งเล่นในรพ. ตั้งแต่เด็ก โตมาก็เข้ารร.เลิกเรียนก็ไปอยู่คลีนิคกับพ่อรอกบบ้านพร้อมกัน พ่อเป็นหมอจิตเวชที่ใจดีมากเข้าใจคนไข้ไม่เคยคิดค่าคำปรึกษา คิดแต่ค่ายาถ้ารู้จักกันหรือคนไข้ประจำก็ลดให้ประจำ ผมก็มีความสุขนะเวลาเห็นคนหายป่วยกลับมาติดตามการรักษาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ไม่เครียดหรือซึมเศร้า

จนผมโตมาผมก็สอบเอนท์เข้าคณะแพทย์จนได้ ก็ทำตามความฝันมาตลอดตั้งใจเรียนให้เต็มที่แม้ผลการเรียนจะพอถูๆไถๆแต่ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ซึ่งปัจจุบันผมก็ได้เรียนรู้จากอ.ที่เป็นคนไข้จริงๆ มามากมายเจอมาหลากหลายรูปแบบ (แม้ว่าส่วนใหญ่จะเจอแต่คนไข้น่ารักๆก็ตาม) แต่ช่วงนี้ก็มีดราม่าเรื่องการรักษาพยาบาล เรื่องหมอออกมามากมาย แทบทุกวี่ทุกวันมันก็สั่นคลอนอุดมการณ์ของผมไปเยอะเหมือนกัน โดยสิ่งที่ผมคิดในตอนนี้คือ
"สังคมต้องการจากเราขนาดนี้เลยหรอ หมอทำงานอุทิศกายและใจเพื่อให้เค้าหายป่วย เราไม่ได้หลับไม่ได้นอน ข้าวไม่ได้กิน เราก็เสียสละมาเยอะนะไม่ใช่ว่าเรามาเพื่อรักษาไปวันๆ เราไม่ได้ต้องการทวงบุญคุณหรือให้ยกย่องเป็นเทวดาแตะต้องไม่ได้ เราแค่อยากให้คุณเข้าใจว่าคุณก็คนหมอก็คนนะ ช่วยเข้าใจและให้กำลังใจกันบ้างอย่ามาอาฆาตแค้นหรือจ้องจะจับผิดกันเลย มาช่วยกันดูแลกันดีกว่ามั้ย"  

ปล. ถึงแท้อุดมการณ์ผมจะสั่นคลอนแล้วก็ตามแต่พอผมจบไปผมก็จะดูแลคนไข้ทุกคนอย่างเต็มความสามารถ แต่ก็คงบอกไม่ได้ว่า ในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นถ้าโดนกดดันมากๆ ผมอาจจะไปเมืองนอกหรืออยู่เอกชนก็คงไม่แปลกใจตัวเองเพราะสถานการณ์มันบั่นทอนกำลังใจเหลือเกิน==
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่