ทั้งๆที่รู้ตามหัวข้อค่ะ แต่ก็อดทุกข์ไม่ได้เมื่อเกิดอาการคิดไปเองมากมายต่างๆนาๆ
ดิฉันกลับมาอยู่บ้านเพิ่อดูแลแม่ในช่วงบั้นปลายของท่านได้ประมาณ 2 ปีแล้วค่ะ
พี่น้องก็หลายคน ต่างคนก็มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ
ดิฉันจึงตัดสินใจเป็นผู้เสียสละเสียเอง ...ด้วยการละทิ้งภาระทั้งหมด..เพื่อกลับมาอยู่กับท่าน
การกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา ตามประสาคนที่อยู่ด้วยกัน 24 ชม ...แต่ดิฉันจะไม่พูดให้ท่านเสียใจเลย
เพราะดิฉันจะเห็นทุกครั้ง ที่ท่านเอ่ยปากกับลูกคนอื่นในบางเรื่อง แล้วลูกปฏิเสธท่าน หรือเห็นว่า...ความคิดของท่านไม่เข้าท่า
ดิฉันจะเห็นสีหน้าและแววตา"จ๋อย" ลงไป ...ดิฉันสงสารค่ะ จึงไม่ทำแบบนั้นเลย
และดิฉันก็ไม่เคยมีความรู้สึกว่าความคิดของท่านไม่เข้าท่าเลยนะคะ ..ดิฉันคิดว่าการที่ท่านพูด หรือร้องขออะไรออกมานั่น ท่านคิดแล้วว่าดี
แต่เมื่อท่านถูกปฏิเสธ จากลูกๆคนอื่น(ที่นานๆมาหาที).. ดิฉันจึงนึกตำหนิลูกๆเหล่านั้น ว่ามาทำร้ายจิตใจแม่ได้อย่างไร
ดูๆแล้วเหมือนทุกอย่างไปได้ด้วยดีใช่ไหมคะ ..และดิฉันจะทุกข์อะไรอยู่อีก ..???มีสิคะ
ความทุกข์ของดิฉันก็แสนจะเบสิคธรรมดามากค่ะ
หากวันใดที่ลูกคนอื่นมาเยี่ยมแม่ ..ดิฉันจะแปลกใจทุกทีว่า ทำไมท่าทีของแม่กับดิฉันจึงเปลี่ยนไป
แม่จะโกรธดิฉันง่าย.. ดิฉันเหมือนคนแปลกหน้า ทำมึนตึง... ทั้งๆที่ดิฉันก็ทำตัวเหมือนเดิมทุกวัน
แต่พอมีแขก ดิฉันกลับรู้สึกว่า พื้นที่ตรงนั้นมันไม่ใช่สำหรับดิฉันแล้ว... ดิฉันจึงต้องลุกออกมาจากวงสนทนา ไปทำอะไรตามลำพัง
ยิ่งกลายเป็นว่าดิฉันไม่รับแขก. ทั้งๆที่แขกก็คือพี่น้องนะคะ. .. จะให้ดิฉันปรนนิบัติอะไรกันมากมาย ..
ดิฉันจึงรู้สึกน้อยใจค่ะ... ร้องไห้ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ ทำให้โกรธคนที่มา ...เพราะพวกเค้าคิดว่าดิฉันทำให้แม่โกรธ
แต่ในความจริงแล้ว ...ในทุกๆวันแม่อยู่กับดิฉันตลอด... ดิฉันทำอะไรให้แม่บ้างพวกเขารู้กันหรือเปล่า
แต่พวกเขามากันวันละไม่กี่ชั่วโมง .... จะเหมาว่านั่นคือภาพรวมทั้งหมดได้หรือ
ดิฉันรู้ค่ะว่าแม่จะโอ๋ลูกที่นานๆมาที.... ส่วนคนที่อยุ่ใกล้ก็จะเป็นแบบนี้แหละ.
แต่ก็อดน้อยใจ เสียใจไม่ได้ค่ะอยากจะโกรธกลับด้วยการไม่พูดด้วยบ้าง. แต่ก็ทำไม่ได้ค่ะ เพราะสงสารแม่...
เมื่อพวกเค้ากลับไป ..แม่ต้องอยู่กับดิฉัน
พยายามหาธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุธเจ้ามาฟัง เพื่อบรรเทาเบาบางความทุกข์ลงให้ได้บ้าง
เพราะรู้อยู่ว่า จิตของเรานั่นเองที่ทุกข์. หากเราระงับจิตระงับใจเราได้ ความทุกข์ที่ว่านั้นก็คงทำอะไรเราไม่ได้
กว่าจะผ่านค่ำคืนแห่งความเวิ้งว้างไปได้ไม่ธรรมดาเลยค่ะ.... ต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างหนัก
คิดจะหนีจะไปให้พ้น... ให้คนอื่นมารับภาระนี้แทน ซึ่งอาจจะมีคนทำได้ดีกว่าเรา
แต่ก็รู้ตัวเองดีว่า.... หากออกไป ...ก็ต้องกลับมาอีก.
เพราะการกลับมาครั้งนี้... ก็มีมูลเหตุมาจากที่ท่านอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่.... แล้วรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับท่านบ้าง ...
ทำไมการเป็นคนดีจึงยากเย็นเช่นนี้หนอ... ทำอย่างไรดีคะให้ใจหนักแน่น และไม่ทิ้งแม่ไปไหน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ..!!
ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
ดิฉันกลับมาอยู่บ้านเพิ่อดูแลแม่ในช่วงบั้นปลายของท่านได้ประมาณ 2 ปีแล้วค่ะ
พี่น้องก็หลายคน ต่างคนก็มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ
ดิฉันจึงตัดสินใจเป็นผู้เสียสละเสียเอง ...ด้วยการละทิ้งภาระทั้งหมด..เพื่อกลับมาอยู่กับท่าน
การกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา ตามประสาคนที่อยู่ด้วยกัน 24 ชม ...แต่ดิฉันจะไม่พูดให้ท่านเสียใจเลย
เพราะดิฉันจะเห็นทุกครั้ง ที่ท่านเอ่ยปากกับลูกคนอื่นในบางเรื่อง แล้วลูกปฏิเสธท่าน หรือเห็นว่า...ความคิดของท่านไม่เข้าท่า
ดิฉันจะเห็นสีหน้าและแววตา"จ๋อย" ลงไป ...ดิฉันสงสารค่ะ จึงไม่ทำแบบนั้นเลย
และดิฉันก็ไม่เคยมีความรู้สึกว่าความคิดของท่านไม่เข้าท่าเลยนะคะ ..ดิฉันคิดว่าการที่ท่านพูด หรือร้องขออะไรออกมานั่น ท่านคิดแล้วว่าดี
แต่เมื่อท่านถูกปฏิเสธ จากลูกๆคนอื่น(ที่นานๆมาหาที).. ดิฉันจึงนึกตำหนิลูกๆเหล่านั้น ว่ามาทำร้ายจิตใจแม่ได้อย่างไร
ดูๆแล้วเหมือนทุกอย่างไปได้ด้วยดีใช่ไหมคะ ..และดิฉันจะทุกข์อะไรอยู่อีก ..???มีสิคะ
ความทุกข์ของดิฉันก็แสนจะเบสิคธรรมดามากค่ะ
หากวันใดที่ลูกคนอื่นมาเยี่ยมแม่ ..ดิฉันจะแปลกใจทุกทีว่า ทำไมท่าทีของแม่กับดิฉันจึงเปลี่ยนไป
แม่จะโกรธดิฉันง่าย.. ดิฉันเหมือนคนแปลกหน้า ทำมึนตึง... ทั้งๆที่ดิฉันก็ทำตัวเหมือนเดิมทุกวัน
แต่พอมีแขก ดิฉันกลับรู้สึกว่า พื้นที่ตรงนั้นมันไม่ใช่สำหรับดิฉันแล้ว... ดิฉันจึงต้องลุกออกมาจากวงสนทนา ไปทำอะไรตามลำพัง
ยิ่งกลายเป็นว่าดิฉันไม่รับแขก. ทั้งๆที่แขกก็คือพี่น้องนะคะ. .. จะให้ดิฉันปรนนิบัติอะไรกันมากมาย ..
ดิฉันจึงรู้สึกน้อยใจค่ะ... ร้องไห้ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ ทำให้โกรธคนที่มา ...เพราะพวกเค้าคิดว่าดิฉันทำให้แม่โกรธ
แต่ในความจริงแล้ว ...ในทุกๆวันแม่อยู่กับดิฉันตลอด... ดิฉันทำอะไรให้แม่บ้างพวกเขารู้กันหรือเปล่า
แต่พวกเขามากันวันละไม่กี่ชั่วโมง .... จะเหมาว่านั่นคือภาพรวมทั้งหมดได้หรือ
ดิฉันรู้ค่ะว่าแม่จะโอ๋ลูกที่นานๆมาที.... ส่วนคนที่อยุ่ใกล้ก็จะเป็นแบบนี้แหละ.
แต่ก็อดน้อยใจ เสียใจไม่ได้ค่ะอยากจะโกรธกลับด้วยการไม่พูดด้วยบ้าง. แต่ก็ทำไม่ได้ค่ะ เพราะสงสารแม่...
เมื่อพวกเค้ากลับไป ..แม่ต้องอยู่กับดิฉัน
พยายามหาธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุธเจ้ามาฟัง เพื่อบรรเทาเบาบางความทุกข์ลงให้ได้บ้าง
เพราะรู้อยู่ว่า จิตของเรานั่นเองที่ทุกข์. หากเราระงับจิตระงับใจเราได้ ความทุกข์ที่ว่านั้นก็คงทำอะไรเราไม่ได้
กว่าจะผ่านค่ำคืนแห่งความเวิ้งว้างไปได้ไม่ธรรมดาเลยค่ะ.... ต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างหนัก
คิดจะหนีจะไปให้พ้น... ให้คนอื่นมารับภาระนี้แทน ซึ่งอาจจะมีคนทำได้ดีกว่าเรา
แต่ก็รู้ตัวเองดีว่า.... หากออกไป ...ก็ต้องกลับมาอีก.
เพราะการกลับมาครั้งนี้... ก็มีมูลเหตุมาจากที่ท่านอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่.... แล้วรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับท่านบ้าง ...
ทำไมการเป็นคนดีจึงยากเย็นเช่นนี้หนอ... ทำอย่างไรดีคะให้ใจหนักแน่น และไม่ทิ้งแม่ไปไหน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ..!!