สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 38
เรื่องนี้ในความเห็นส่วนตัวนะครับผมใช้คำว่า "ปรากฏการณ์ทางพัฒนาการ" (ออกตัวก่อนว่าไม่ค่อยเชียวชาญด้านนี้เสียเท่าไร) แต่ถ้าจำไม่ผิด การกลัวคนแปลกหน้า หรือการกลัวสิ่งแปลกปลอมไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เป็นเรื่องของการรับรู้ทางการมองของเด็กครับ แรกสุด การมองเด็กจะมีระดับการมองที่สั้นมากจากนั้นพัฒนาการมาเริ่มมองได้ชัดและไกลขึ้น ควบคู่กับการเริ่มแยกแยะและจำวัตถุสิ่งนั้นได้ (ระยะที่ยังจำวัตถุไม่ได้ จะสามารถเล่น จ๊ะเอ๋ ได้ไง คือ เด็กจำไม่ได้ว่า วัตถุอยู่ตรงนั้น แล้วเอามือปิด (เด็กเข้าใจว่าหายไป) เปิดมา เด็กต๊กใจ กลับมาได้ไง) ช่วงที่เด็กเริ่มจำได้เนี่ยเด็กจะแยกแยะสิ่งที่คุ้นเคย (พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ด้วยกัน) และ สิ่งที่ไม่คุ้นเคย (คนอื่นๆ) ช่วงนี้ตามสัญชาติญาณของสิ่งมีชีวิตปกติคือ การกลัวระวังอันตราย เด็กจึงกลัวไว้ก่อน และอยุ่กับสิ่งที่คุ้นเคย คือพ่อแม่ พี่น้องที่อยู่ด้วยกัน หากช่วงนั้น พ่อแม่ วางตัวปกติ ไม่ปกป้องมากเกิน ไม่ตื่นเต้นไปกับเด็ก เด็กจะเริ่มเรียนรู้ว่ามันไม่มีอันตรายใดๆ และจะคลายความกลัวไปได้
ต่อมามาพูดถึงเรื่องการรับรู้วัตถุอื่นๆที่ทำให้เกิดความกลัว โดยสัญชาติญาณเช่นเดียวกัน วัตถุที่โดยปกติจะกลัวมักจะมีลักษณ์คล้ายสัตว์ที่มีพิษ แมงมุม (ขามากมาย)ตะขาบ หรืองู ไม่มีขา หรือสัตว์เลื่อยคลาน เช่น จิ้งจก จรเข้ เป็นต้น สิ่งพวกนี้ล้วนมีพิษ ธรรมชาติจึงเริ่มให้ระวังโดยถือเป็นวัตถุอันตราย เช่นเดียวกับการรับรู้ระยะลึกตื้นที่เด็กวัยนี้จะเริ่มระวังการตกจากที่สูงเช่นกัน
คราวนี้เข้าเรื่องครับ ผมขออนุญาติเอาเรื่องลึกลับไว้ท้ายสุด 55555 (จริงๆก็ชอบนะ แต่ไม่ค่อยเชื่อมาก) การที่เด็กชี้ไปที่อะไรบางอย่าง มี หรือ ไม่มี ก็ตาม แล้วกลัว ผมจะแบ่งการวิเคราะห์และการแก้ปัญหาดังนี้
1. วิเคราะห์ว่าเขากลัวอะไร (เห็นอะไร) ผมยกตัวอย่าง ไอ้มาม่าของผม (สุนัขพุดเดิล) คุณเชื่อไหมมันกลัวขนไก่ ... ถามว่า ทำไม คำตอบคือไม่รู้ หากให้วิเคราะห์ก็อาจจะเข้าใจว่า มันรับรู้รูปทรงสิ่งนี้ไปคล้ายกับอะไรที่มันกลัว หรือ คิดว่ามันเป้นสิ่งอันตรายนั้นเอง คราวนี้ลองหาสิ่งที่สอดคล้องกันครับว่า ทั้ง 2 หรือ 3 เหตุการณ์นั้นมีอะไรที่เหมือนกัน เขาอาจรับรู้รูปร่างอะไรผิดไปหรือไม่ เข้าใจว่าเป็นอะไรหรือเปล่า อย่าลืมนะครับว่า เขากลัวแล้วเอามือปิดตา ทำให้เขามองไม่ชัดเจนยิ่งขึ้น หากลองมองดูสถานที่ทั้งสอง ที่เหมือนกันคือ หน้าต่าง (ช่องระบายที่เจาะทะลุมองเห็นภายนอก) ลองคิดเล่นๆว่า หากเขาเห็นเงาอะไรบางอย่าง แว๊บๆ หรือ เห็นจิ้งจก แล้วมันม้วนหางหนีไป จากนั้นเด็กต๊กกะใจ ยกมือปิดหน้า และชี้ พอเรามาถึงก็หายไปแล้วนั้นเอง
2. เป็นหนทางที่ผมแนะนำให้ทำ ไม่ว่าอย่างไร จะเห็นอะไรหรือไม่เห็นอะไรก็ตามผมว่า มันอาจจะไม่สำคัญเท่ากับการที่คุณอยู่กับเขา ให้ความมั่นคงกับเขา ให้เขารู้สึกว่า บ้านคือสถานที่ที่ปลอดภัย จากนั้นอย่าพึ่งนำเขาออกจากจุดเกิดเหตุ อยู่กับเขาก่อน ซักพัก อาจจะไม่ต้องพูดอะไรมาก อย่าแสดงท่าทางตกใจตื่นเต้นกับเรื่องของเขา (เพราะฉะนั้นจึงห้ามคิดเป้นเรื่องลึกลับ) ซักพัก ความกลัวเขาจะเริ่มคลาย จากนั้นค่อยๆให้เขาปล่อยมือออกมา แสดงให้เขาเห็นว่า มันไม่มีอะไร ไม่น่ากลัว เขาจะเรียนรู้ไปเอง
3. คาดว่าเป็นเรื่องลึกลับ "ทำบุญ" จบครับ ^____^)
ต่อมามาพูดถึงเรื่องการรับรู้วัตถุอื่นๆที่ทำให้เกิดความกลัว โดยสัญชาติญาณเช่นเดียวกัน วัตถุที่โดยปกติจะกลัวมักจะมีลักษณ์คล้ายสัตว์ที่มีพิษ แมงมุม (ขามากมาย)ตะขาบ หรืองู ไม่มีขา หรือสัตว์เลื่อยคลาน เช่น จิ้งจก จรเข้ เป็นต้น สิ่งพวกนี้ล้วนมีพิษ ธรรมชาติจึงเริ่มให้ระวังโดยถือเป็นวัตถุอันตราย เช่นเดียวกับการรับรู้ระยะลึกตื้นที่เด็กวัยนี้จะเริ่มระวังการตกจากที่สูงเช่นกัน
คราวนี้เข้าเรื่องครับ ผมขออนุญาติเอาเรื่องลึกลับไว้ท้ายสุด 55555 (จริงๆก็ชอบนะ แต่ไม่ค่อยเชื่อมาก) การที่เด็กชี้ไปที่อะไรบางอย่าง มี หรือ ไม่มี ก็ตาม แล้วกลัว ผมจะแบ่งการวิเคราะห์และการแก้ปัญหาดังนี้
1. วิเคราะห์ว่าเขากลัวอะไร (เห็นอะไร) ผมยกตัวอย่าง ไอ้มาม่าของผม (สุนัขพุดเดิล) คุณเชื่อไหมมันกลัวขนไก่ ... ถามว่า ทำไม คำตอบคือไม่รู้ หากให้วิเคราะห์ก็อาจจะเข้าใจว่า มันรับรู้รูปทรงสิ่งนี้ไปคล้ายกับอะไรที่มันกลัว หรือ คิดว่ามันเป้นสิ่งอันตรายนั้นเอง คราวนี้ลองหาสิ่งที่สอดคล้องกันครับว่า ทั้ง 2 หรือ 3 เหตุการณ์นั้นมีอะไรที่เหมือนกัน เขาอาจรับรู้รูปร่างอะไรผิดไปหรือไม่ เข้าใจว่าเป็นอะไรหรือเปล่า อย่าลืมนะครับว่า เขากลัวแล้วเอามือปิดตา ทำให้เขามองไม่ชัดเจนยิ่งขึ้น หากลองมองดูสถานที่ทั้งสอง ที่เหมือนกันคือ หน้าต่าง (ช่องระบายที่เจาะทะลุมองเห็นภายนอก) ลองคิดเล่นๆว่า หากเขาเห็นเงาอะไรบางอย่าง แว๊บๆ หรือ เห็นจิ้งจก แล้วมันม้วนหางหนีไป จากนั้นเด็กต๊กกะใจ ยกมือปิดหน้า และชี้ พอเรามาถึงก็หายไปแล้วนั้นเอง
2. เป็นหนทางที่ผมแนะนำให้ทำ ไม่ว่าอย่างไร จะเห็นอะไรหรือไม่เห็นอะไรก็ตามผมว่า มันอาจจะไม่สำคัญเท่ากับการที่คุณอยู่กับเขา ให้ความมั่นคงกับเขา ให้เขารู้สึกว่า บ้านคือสถานที่ที่ปลอดภัย จากนั้นอย่าพึ่งนำเขาออกจากจุดเกิดเหตุ อยู่กับเขาก่อน ซักพัก อาจจะไม่ต้องพูดอะไรมาก อย่าแสดงท่าทางตกใจตื่นเต้นกับเรื่องของเขา (เพราะฉะนั้นจึงห้ามคิดเป้นเรื่องลึกลับ) ซักพัก ความกลัวเขาจะเริ่มคลาย จากนั้นค่อยๆให้เขาปล่อยมือออกมา แสดงให้เขาเห็นว่า มันไม่มีอะไร ไม่น่ากลัว เขาจะเรียนรู้ไปเอง
3. คาดว่าเป็นเรื่องลึกลับ "ทำบุญ" จบครับ ^____^)
ความคิดเห็นที่ 71
เล่าให้ฟังบ้าง แชร์ประสบการณ์
ลูกชายผมตอนนี้กำลังจะ 2 ขวบ
บ้านอยู่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในอำเภอเมือง บ้านที่อยู่ตอนนี้มีทั้งศาลเจ้าที่ (ไม่ใช่ศาลพระภูมิ) ดึกๆ หน่อย จะมืดเหมือนตามต่างจังหวัดทั่วไป
ลูกชายผมก็มีอาการชี้ไปเลยเหมือนกัน ตอนอายุ 1 ขวบ 6 เดือน (ถึงตอนนี้ก็ยังชี้อยู๋) และออกเสียงนู้น นี่ เวลาที่ชี้ มีชี้ไปที่มืดบ้าง ที่สว่างบ้าง เพดานบ้าง กำแพงบ้าง
เลยทำให้รู้ว่าลูกผมชี้มั่ว ผมว่าลูกเจ้าของกระทู้ก็เป็นคล้ายๆ กัน เพราะวัยใกล้ๆ กัน เพียงแต่ลูกจขกท. ชอบเอามือปิด แต่ลูกผมไม่ปิด
มีบ้างที่เจอสัตว์แปลกๆ แรกๆ จะกลัว เช่น จิ้งจก (ตอน 1 ขวบ 6 เดือน) ก็ออกอาการกลัวเล็กๆ ผมก็เลยเดินไปเอามือเคาะให้มันหนี แล้วบอกว่าอย่าไปกลัว หลังจากนั้น ลูกผมเจอจิ้งจก ก็มือไล่ตี (โชคดีจิ้งจกหนีทัน)
ที่บ้านเลี้ยงเป็ดไว้คู่นึง เพราะรอบๆ บ้านมีบึง บ้างที่เป็ดบินขึ้นไปบนหลังคา (บ้านชั้นเดียว) เสียงดังหน่อย ลูกกลัว ผมก็สอนว่าอย่าไปกลัว แค่เป็ด
พอเจอบ่อยๆ เข้า ลูกก็ชิน
อันนี้สำคัญ คนที่บ้านเวลาเจออะไรแปลกๆ ต้องไม่ทำท่าทางกลัวให้ลูกเห็นครับ ถึงแม้ว่าบางที่จะกลัวต้องไม่ออกอาการหรือสีหน้า เพราะจะทำให้ลูกทำตามครับ
ลูกผมก็ไม่กลัวที่มืด ผมมีอติว่าจะไม่สอนให้ลูกกลัวผี บ้างที่ผมหนีเข้าห้องเล่นกับลูก ห้องปิดไฟ ลูกก็เข้ามาหาอะไรพวกนี้
ตอนเล่นในที่มืด อย่าไปทำเสียงดังๆ หรือทำท่าให้ลูกตกใจ เดี๊ยวจะกลัวแล้วฝั่งใจ
ที่ต้องสอนแบบนี้ เพราะที่ผมอยู่ ช่วงนี้ขโมยค่อนข้างชุม ขโมยเศษเหล็ก ขโมยสายไฟ เลยต้องสอนลูกให้กลัวคนแปลกหน้าก่อน
ถ้ามั่วแต่มากลัวผี ชี้นู้นชี้นี้ มันจะไม่ทันระวังตัว
แนะนำให้หาพระมาคล้องคอลูกครับ สร้อยเงินแท้ดีกว่าทอง เดี๊ยวคนจะมาขโมยไป
ไม่ก็ไป ปรึกษาหมอจิตวิทยาตามความเห็นข้างบนก็ดีครับ
ลูกชายผมตอนนี้กำลังจะ 2 ขวบ
บ้านอยู่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในอำเภอเมือง บ้านที่อยู่ตอนนี้มีทั้งศาลเจ้าที่ (ไม่ใช่ศาลพระภูมิ) ดึกๆ หน่อย จะมืดเหมือนตามต่างจังหวัดทั่วไป
ลูกชายผมก็มีอาการชี้ไปเลยเหมือนกัน ตอนอายุ 1 ขวบ 6 เดือน (ถึงตอนนี้ก็ยังชี้อยู๋) และออกเสียงนู้น นี่ เวลาที่ชี้ มีชี้ไปที่มืดบ้าง ที่สว่างบ้าง เพดานบ้าง กำแพงบ้าง
เลยทำให้รู้ว่าลูกผมชี้มั่ว ผมว่าลูกเจ้าของกระทู้ก็เป็นคล้ายๆ กัน เพราะวัยใกล้ๆ กัน เพียงแต่ลูกจขกท. ชอบเอามือปิด แต่ลูกผมไม่ปิด
มีบ้างที่เจอสัตว์แปลกๆ แรกๆ จะกลัว เช่น จิ้งจก (ตอน 1 ขวบ 6 เดือน) ก็ออกอาการกลัวเล็กๆ ผมก็เลยเดินไปเอามือเคาะให้มันหนี แล้วบอกว่าอย่าไปกลัว หลังจากนั้น ลูกผมเจอจิ้งจก ก็มือไล่ตี (โชคดีจิ้งจกหนีทัน)
ที่บ้านเลี้ยงเป็ดไว้คู่นึง เพราะรอบๆ บ้านมีบึง บ้างที่เป็ดบินขึ้นไปบนหลังคา (บ้านชั้นเดียว) เสียงดังหน่อย ลูกกลัว ผมก็สอนว่าอย่าไปกลัว แค่เป็ด
พอเจอบ่อยๆ เข้า ลูกก็ชิน
อันนี้สำคัญ คนที่บ้านเวลาเจออะไรแปลกๆ ต้องไม่ทำท่าทางกลัวให้ลูกเห็นครับ ถึงแม้ว่าบางที่จะกลัวต้องไม่ออกอาการหรือสีหน้า เพราะจะทำให้ลูกทำตามครับ
ลูกผมก็ไม่กลัวที่มืด ผมมีอติว่าจะไม่สอนให้ลูกกลัวผี บ้างที่ผมหนีเข้าห้องเล่นกับลูก ห้องปิดไฟ ลูกก็เข้ามาหาอะไรพวกนี้
ตอนเล่นในที่มืด อย่าไปทำเสียงดังๆ หรือทำท่าให้ลูกตกใจ เดี๊ยวจะกลัวแล้วฝั่งใจ
ที่ต้องสอนแบบนี้ เพราะที่ผมอยู่ ช่วงนี้ขโมยค่อนข้างชุม ขโมยเศษเหล็ก ขโมยสายไฟ เลยต้องสอนลูกให้กลัวคนแปลกหน้าก่อน
ถ้ามั่วแต่มากลัวผี ชี้นู้นชี้นี้ มันจะไม่ทันระวังตัว
แนะนำให้หาพระมาคล้องคอลูกครับ สร้อยเงินแท้ดีกว่าทอง เดี๊ยวคนจะมาขโมยไป
ไม่ก็ไป ปรึกษาหมอจิตวิทยาตามความเห็นข้างบนก็ดีครับ
แสดงความคิดเห็น
ลูกสาวมีอาการแปลกๆ ค่อนข้างลี้ลับและน่ากลัว (หรือเราจะคิดมากไปเองคะ)
เริ่มจากประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา เค้ามีอาการแปลกๆ ขอเล่าก่อนว่า โดยปกติลูกสาวจะเปนคนกลัวคนแปลกหน้าเฉพาะที่เป็นผู้ชาย อาการที่กลัวคือ จะยืนตัวแข็งเอามือปิดตา และจะร้องไห้เรียกแม่ พอแม่มาอุ้มก็จะกระโดดกอดแน่นเอาหน้าซุกกับไหล่โดยไม่เงยหน้าจนกว่าคนแปลกหน้าจะไป ส่วนลักษณะความกลัวอื่นๆ จะมีกลัวสัตว์ แต่อาการจะไม่เหมือนกัน คือเช่นเค้ากลัวจิ้งจก แต่ถ้าเจอจะชี้และร้องเรียกแม่ให้มาดูจะจ้องมองจิ้งจกตลอดเวลา และจะกระโดดขเย่งขาไปมา ขอเล่าเลยนะคะ
อาการที่เริ่มครั้งแรก เมือประมาณ 2 เดือนที่แล้ว คุณยายที่ป่วยมารักษาตัวที่อบ้าน ซึ่งมีแม่ของเราเป็นคนคอยดูและ คืนแรกที่ยายมาอยู่ในบ้าน เรานั่งทานอาหารกับครอบครัวที่ระเบียงหน้าบ้าน ลูกสาว ขี่รถขาไถเล่นอยู่กับหลานอีกคนอย่างสนุกสนาน พอถึงเวลา 2 ทุ่มกว่าๆ ลูกสาวก็ร้องไห้เรียกแม่ ยืนตัวแข็ง เอามือปิดตา และชี้ไปที่ มุมตรงหน้าต่างข้างหลังเรา ไม่มืดมากนะคะ ตรงนั้นเป็นชั้นวางรองเท้าและมีโต๊ะม้าหิน เรากับแฟนมองหน้ากันด้วยความงงกับอการของลูกเพราะมองไปไม่มีใครอาการลูกเหมือนกลัวคนแปลกหน้า แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าตรงนั้นค่อนข้างรกคงกลัวตัวอะไรหรือเปล่า เราก็ไปอุ้มเค้ามาเค้าก็กอดเราแน่น แอบชำเรืองมองตรงมุมนั้นเป็นระยะๆ แต่ชี้ไปที่ตรงนั้นและเรียกแม่ๆตอดเวลา ผ่านไปสักพัก หลังจากที่ชำเรืองมองตลอด เค้าก็เอามือออกและเล่นต่อไปอีกสักพัก เราก็กำลังเก็บของ เค้าก็มีอาการแบบนี้อีก ทีนี้เราเลยอุ้มเข้าบ้านและพาเค้าเข้านอน
เรื่องไม่จบแค่วันนั้นค่ะ เวลาผ่านไปอย่างปกติ จนยายกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านพี่สาวแม่ของเรา เราก็ลืมไปแล้วกับอาการนี้ของลูก
จนมาเมื่อ 3 อาทิตย์ที่แล้ว ครั้งที่ 2 ที่เค้าเกิดอาการแบบนี้อีก ในตอนเย็นเวลาอาบน้ำ ห้องน้อของเราจะไม่ใหญ่ค่ะ จะมีหน้าตาระบายลมเล็กๆ 2 ช่องและติดมุ้งลวด #เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ วันนี้ลูกสาวไม่สบายตื่นบ่อยค่ะ