พัฒน์ นวลจีน เขียน
ร้านขายก๋วยเตี๋ยวร้านเดียวในหมู่บ้านไกลปืนเที่ยงแห่งหนึ่ง มันเป็นเพียงเพิงหมาแหงนมุงด้วยสังกะสีขึ้นสนิม หม้อต้มก๋วยเตี๋ยวเดือดพล่านจากแรงถ่าน และกลิ่นของมันจรุงอบอวลในเพิงนั้น มันน่าดมกว่ากลิ่นแก๊สหุ้งต้มเป็นไหนไหน โต๊ะและเก้าอี้ไม้ถูกตั้งไว้กลางเพิง และมีโต๊ะนั่งม้าหินอ่อนอีกหนึ่งชุด มันดูไม่เข้ากันอย่างยิ่งในแง่มัณฑณากร แต่สถานที่แห่งนี้คือหม้อหุงข้าวของคนในหมู่บ้าน พวกเขาฝากปากท้องไว้บนหม้อต้มซุปเดือดพล่านนั่น
ดม รากแก้ว ชายกลางคนและ มณี รากแก้ว เมียของเขา สองผัวเมียทำมาค้าขายด้วยร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้มานานหลายทศวรรษด้วยสุจริต และราคายุติธรรมของมันเมื่อเทียบกับความแพงของเมืองหลวง เงิน 100 บาททำให้กินก๋วยเตี๋ยวที่นี่ได้ถึง 5 ชาม
ชายต่างถิ่นสามคนเขาขับรถเข้ามาทำธุระบางอย่างในหมู่บ้าน ดูการแต่งตัวเนคไทที่ผูกไว้แม้ในวันร้อนร_ยำแบบนี้หรือเชิ้ตสีบานเย็นแขนยาวกับกางเกงสแลคสีดำอีกเช่นกัน เป็นไปได้มากว่าพวกเขาขายประกันหรือไม่ก็เครื่องกรองน้ำ การแต่งตัวภูมิฐานทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเขาจะไม่มาหลอกเอาเงินจากใคร และพวกเขาจะแต่งตัวอย่างไรมันก็เรื่องของเขาหรือพวกเขาจะเข้ามาทำอะไรในหมู่บ้านแห่งนี้มันก็เรื่องของเขาอีกเช่นกัน รู้แต่เพียงว่าพวกเขาเข้ามาได้เวลาอาหารกลางวันพอดิบพอดี และเขาสั่งก๋วยเตี๋ยวกับสองผัวเมียอย่างรีบเร่ง ในร้อนอ้าวของเที่ยงวัน
“เล็ก ชิ้นหมู น้ำตก ไม่ผัก ชามนึงครับ” ชายคนแรกตะโกนสั่งก่อนใคร
“เอาอะไรกันก็สั่งเลยนะ” เขาโยนความหิวให้ผู้ร่วมงาน
“บะหมี่แห้งต้มยำที่นึง”
“สองครับ” หลังคำพูดชายคนที่สามชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว
มณี รากแก้ว หยิบเส้นเล็กออกมาจากถุงและแบ่งใส่ตะแกรงก่อนนำไปลวกในหม้อต้มซุปอย่างรวดเร็วและทะมัดทะแมง จากนั้นหล่อนเทเส้นที่ลวกพอดีใส่ชามเซรามิค ก่อนจะตักลูกชิ้นขึ้นมาสามลูกโยนใส่เข้าไปในชามนั้น
“ไม่ผักนะตาดม” หล่อนบอกสามีในนาทีเร่งด่วน
ดม รากแก้ว เขาทำหน้าที่ต่อจากภรรยาของเขา มือหยิบช้อนตักกระเทียมเจียวกับกากหมูลงมาโปะเข้าไปในชาม และส่งชามต่อให้ มณี รากแก้ว ภรรยาของเขาตักน้ำซุปเทใส่พร้อมเสิร์ฟ
ที่โต๊ะไม้วางแนวยาวในเพิงหมาแหงนก๋วยเตี๋ยวถูกวางลงที่นั่น และพร้อมเครื่องปรุงรสทั้งพริกป่น น้ำตาลทราย พริกสดดองน้ำส้มสายชู และน้ำปลา วางตั้งอยู่ในแก้วสีใส ตะเกียบพร้อมช้อนวางอยู่ในกล่องพลาสติกสีขาว ชายคนแรกหยิบตะเกียบออกมาหนึ่งคู่พร้อมช้อนสั้นอีกหนึ่งคัน ด้วยความรีบเร่งของเข็มนาฬิกาเขาไม่รอการมาถึงของก๋วยเตี๋ยวชามถัดไปของผู้ร่วมงานอีกสองคน เสียงซดน้ำซุปจากช้อนดังบอกถึงความหิวที่รอเขามาตั้งแต่เช้าของวัน
และ...บะหมี่แห้งต้มยำ สองชามก็ถูกยกมาวางที่โต๊ะนั่นพร้อมกัน ชายคนที่สองและสามลุกลนหยิบตะเกียบช้อนพร้อมบีบมะนาวผ่าซีกลงไปในชามอย่างรีบเร่งตามกัน และปรุงแต่งรสชาติให้ไม่ปร่าลิ้น ความหิวของเขาทั้งสามและความรีบเร่งในท่าทางแจ้งในสายตาของผู้พบเห็นว่าเขาเร่งรีบอย่างนั้นตามจริง เขาไม่สนใจแม้แต่จะหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดปากที่เปรอะไปด้วยเศษหมูและเส้นที่ขาดหวิ่นจากการกัดฉีก หรือน้ำซุปที่กระเด็นเปื้อนเสื้อเชิ้ตสีบานเย็นของเขา
ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกน้ำขอดชามแต่สำหรับบะหมี่แห้งชายคนที่สองเหลือไชโป๊วสับไว้เพราะเขาไม่ชอบกินมัน จากนั้นพวกเขายกแก้วสแตนเลสขึ้นดื่มน้ำพร้อมกันเข้าไปถึงคนละสองแก้ว
“เงินตกครับลุง!” ชายคนแรกพูดพอให้ชายอีกสองคนได้ยิน
“เก็บเงิน” ชายคนที่สองรับมุกพร้อมกัน
“เก็บเงินด้วยครับลุง” ชายคนที่สามให้สัญญาณประกอบด้วยการยกมือขึ้นเรียกพ่อค้าวัยกลางคน
“คิดรวมหรือแยกครับ”
“แยกกันจ่ายนะ”
“ทั้งหมด 60 บาทครับ”
ชายคนแรกหยิบใบละร้อยยื่นจ่ายเขาได้เงินทอน 40 บาท จากชายขายก๋วยเตี๋ยว และเขาเดินลุกออกจากโต๊ะนั่นไปใต้ต้นไม้ใหญ่ที่รถจอดอยู่ ส่วนชายคนที่สองและคนที่สามจ่ายรวมกันได้ 40 บาท และเขาเดินตามชายคนแรกไปที่รถอีกเช่นกัน เสียงเครื่องยนต์สันดาปและพวกเขามุ่งหน้าออกไป
ไม่กี่นาทีหลังควันดำจากท่อไอเสียจาง ดม รากแก้ว เดินหน้าเจื่อนมาหา มณี รากแก้ว ผู้เมีย และให้สารภาพว่าเขาทอนเงินผิดไป
“ตะแรกก็นึกว่าจ่ายรวม ฉันก็ลืม”
“ช่างมันเถอะหน่า อโหสิไป”
ดม รากแก้ว เขาไม่ตอบอะไรแต่สายตาของเขารู้สึกผิดในอาชีพของตน เขาคือคนขายก๋วยเตี๋ยวไม่ใช่โจรปล้นเงิน สุดท้าย ดม รากแก้ว หาชายสามคนนั้นจนเจอและคืนเงินที่เกินให้แก่ชายคนนั้น
“ฉันไม่สบายใจเลย คนทำมาหากิน เข้าใจกันดี” ดม รากแก้ว ใส่ความซื่อสัตย์ลงในคำพูด
และนั่นคือความน่ารักของ ดม รากแก้ว เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเพิงหมาแหงน
และผมผู้นำเรื่องราวของเขามาเล่าผ่านตัวอักษร!
ดม รากแก้ว แห่งร้านก๋วยเตี๋ยวเพิงหมาแหงน
ร้านขายก๋วยเตี๋ยวร้านเดียวในหมู่บ้านไกลปืนเที่ยงแห่งหนึ่ง มันเป็นเพียงเพิงหมาแหงนมุงด้วยสังกะสีขึ้นสนิม หม้อต้มก๋วยเตี๋ยวเดือดพล่านจากแรงถ่าน และกลิ่นของมันจรุงอบอวลในเพิงนั้น มันน่าดมกว่ากลิ่นแก๊สหุ้งต้มเป็นไหนไหน โต๊ะและเก้าอี้ไม้ถูกตั้งไว้กลางเพิง และมีโต๊ะนั่งม้าหินอ่อนอีกหนึ่งชุด มันดูไม่เข้ากันอย่างยิ่งในแง่มัณฑณากร แต่สถานที่แห่งนี้คือหม้อหุงข้าวของคนในหมู่บ้าน พวกเขาฝากปากท้องไว้บนหม้อต้มซุปเดือดพล่านนั่น
ดม รากแก้ว ชายกลางคนและ มณี รากแก้ว เมียของเขา สองผัวเมียทำมาค้าขายด้วยร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้มานานหลายทศวรรษด้วยสุจริต และราคายุติธรรมของมันเมื่อเทียบกับความแพงของเมืองหลวง เงิน 100 บาททำให้กินก๋วยเตี๋ยวที่นี่ได้ถึง 5 ชาม
ชายต่างถิ่นสามคนเขาขับรถเข้ามาทำธุระบางอย่างในหมู่บ้าน ดูการแต่งตัวเนคไทที่ผูกไว้แม้ในวันร้อนร_ยำแบบนี้หรือเชิ้ตสีบานเย็นแขนยาวกับกางเกงสแลคสีดำอีกเช่นกัน เป็นไปได้มากว่าพวกเขาขายประกันหรือไม่ก็เครื่องกรองน้ำ การแต่งตัวภูมิฐานทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเขาจะไม่มาหลอกเอาเงินจากใคร และพวกเขาจะแต่งตัวอย่างไรมันก็เรื่องของเขาหรือพวกเขาจะเข้ามาทำอะไรในหมู่บ้านแห่งนี้มันก็เรื่องของเขาอีกเช่นกัน รู้แต่เพียงว่าพวกเขาเข้ามาได้เวลาอาหารกลางวันพอดิบพอดี และเขาสั่งก๋วยเตี๋ยวกับสองผัวเมียอย่างรีบเร่ง ในร้อนอ้าวของเที่ยงวัน
“เล็ก ชิ้นหมู น้ำตก ไม่ผัก ชามนึงครับ” ชายคนแรกตะโกนสั่งก่อนใคร
“เอาอะไรกันก็สั่งเลยนะ” เขาโยนความหิวให้ผู้ร่วมงาน
“บะหมี่แห้งต้มยำที่นึง”
“สองครับ” หลังคำพูดชายคนที่สามชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว
มณี รากแก้ว หยิบเส้นเล็กออกมาจากถุงและแบ่งใส่ตะแกรงก่อนนำไปลวกในหม้อต้มซุปอย่างรวดเร็วและทะมัดทะแมง จากนั้นหล่อนเทเส้นที่ลวกพอดีใส่ชามเซรามิค ก่อนจะตักลูกชิ้นขึ้นมาสามลูกโยนใส่เข้าไปในชามนั้น
“ไม่ผักนะตาดม” หล่อนบอกสามีในนาทีเร่งด่วน
ดม รากแก้ว เขาทำหน้าที่ต่อจากภรรยาของเขา มือหยิบช้อนตักกระเทียมเจียวกับกากหมูลงมาโปะเข้าไปในชาม และส่งชามต่อให้ มณี รากแก้ว ภรรยาของเขาตักน้ำซุปเทใส่พร้อมเสิร์ฟ
ที่โต๊ะไม้วางแนวยาวในเพิงหมาแหงนก๋วยเตี๋ยวถูกวางลงที่นั่น และพร้อมเครื่องปรุงรสทั้งพริกป่น น้ำตาลทราย พริกสดดองน้ำส้มสายชู และน้ำปลา วางตั้งอยู่ในแก้วสีใส ตะเกียบพร้อมช้อนวางอยู่ในกล่องพลาสติกสีขาว ชายคนแรกหยิบตะเกียบออกมาหนึ่งคู่พร้อมช้อนสั้นอีกหนึ่งคัน ด้วยความรีบเร่งของเข็มนาฬิกาเขาไม่รอการมาถึงของก๋วยเตี๋ยวชามถัดไปของผู้ร่วมงานอีกสองคน เสียงซดน้ำซุปจากช้อนดังบอกถึงความหิวที่รอเขามาตั้งแต่เช้าของวัน
และ...บะหมี่แห้งต้มยำ สองชามก็ถูกยกมาวางที่โต๊ะนั่นพร้อมกัน ชายคนที่สองและสามลุกลนหยิบตะเกียบช้อนพร้อมบีบมะนาวผ่าซีกลงไปในชามอย่างรีบเร่งตามกัน และปรุงแต่งรสชาติให้ไม่ปร่าลิ้น ความหิวของเขาทั้งสามและความรีบเร่งในท่าทางแจ้งในสายตาของผู้พบเห็นว่าเขาเร่งรีบอย่างนั้นตามจริง เขาไม่สนใจแม้แต่จะหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดปากที่เปรอะไปด้วยเศษหมูและเส้นที่ขาดหวิ่นจากการกัดฉีก หรือน้ำซุปที่กระเด็นเปื้อนเสื้อเชิ้ตสีบานเย็นของเขา
ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกน้ำขอดชามแต่สำหรับบะหมี่แห้งชายคนที่สองเหลือไชโป๊วสับไว้เพราะเขาไม่ชอบกินมัน จากนั้นพวกเขายกแก้วสแตนเลสขึ้นดื่มน้ำพร้อมกันเข้าไปถึงคนละสองแก้ว
“เงินตกครับลุง!” ชายคนแรกพูดพอให้ชายอีกสองคนได้ยิน
“เก็บเงิน” ชายคนที่สองรับมุกพร้อมกัน
“เก็บเงินด้วยครับลุง” ชายคนที่สามให้สัญญาณประกอบด้วยการยกมือขึ้นเรียกพ่อค้าวัยกลางคน
“คิดรวมหรือแยกครับ”
“แยกกันจ่ายนะ”
“ทั้งหมด 60 บาทครับ”
ชายคนแรกหยิบใบละร้อยยื่นจ่ายเขาได้เงินทอน 40 บาท จากชายขายก๋วยเตี๋ยว และเขาเดินลุกออกจากโต๊ะนั่นไปใต้ต้นไม้ใหญ่ที่รถจอดอยู่ ส่วนชายคนที่สองและคนที่สามจ่ายรวมกันได้ 40 บาท และเขาเดินตามชายคนแรกไปที่รถอีกเช่นกัน เสียงเครื่องยนต์สันดาปและพวกเขามุ่งหน้าออกไป
ไม่กี่นาทีหลังควันดำจากท่อไอเสียจาง ดม รากแก้ว เดินหน้าเจื่อนมาหา มณี รากแก้ว ผู้เมีย และให้สารภาพว่าเขาทอนเงินผิดไป
“ตะแรกก็นึกว่าจ่ายรวม ฉันก็ลืม”
“ช่างมันเถอะหน่า อโหสิไป”
ดม รากแก้ว เขาไม่ตอบอะไรแต่สายตาของเขารู้สึกผิดในอาชีพของตน เขาคือคนขายก๋วยเตี๋ยวไม่ใช่โจรปล้นเงิน สุดท้าย ดม รากแก้ว หาชายสามคนนั้นจนเจอและคืนเงินที่เกินให้แก่ชายคนนั้น
“ฉันไม่สบายใจเลย คนทำมาหากิน เข้าใจกันดี” ดม รากแก้ว ใส่ความซื่อสัตย์ลงในคำพูด
และนั่นคือความน่ารักของ ดม รากแก้ว เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเพิงหมาแหงน
และผมผู้นำเรื่องราวของเขามาเล่าผ่านตัวอักษร!