Secular Bull ในตลาดหุ้นไทย บทความดีๆ จากคุณกวี

Secular Bull ในตลาดหุ้นไทย

หลายท่านคงเคยได้ยินคำว่า Cycle Bull หรือ Cycle Bear มาบ่อยครั้งเช่นการที่ SET index ลงมาจาก 1700 เหลือ 200 จุด เรียกว่า Cycle Bear และ rebound จาก 200 ขึ้นมาเป็น 900 จุด เรียกว่า Cycle Bull และล่าสุดตอน sumprime หุ้นลงจาก 900 จุด ลงมาเหลือ 380 จุด เรียกว่า Cycle Bear และ rebound ขึ้นมาเป็น 1600 จุด ปัจจุบันนี้ เรียกว่า Cycle Bull ซึ่งผมว่า Cycle Bull รอบนี้คงไปได้อีก 2-3 ปี ซึ่งผมพูดมาตลอด (หากไม่มีสงครามใหญ่ๆ เข้ามา) สังเกตให้ดึนะครับ Cycle Bull/Bear นั้นแต่ละรอบจะกินเวลา 10 ปี +/- ขึ้นกับความรุนแรง


แล้ว Secular Bull/Bear คืออะไร มันคือรอบขาขึ้นขนาดใหญ่ ที่ใหญ่กว่าและนานกว่า Cycle Bull/Bear มาก เช่นในตลาด DJ หุ้นขึ้นมาจาก 400 จุด มาเป็น 17000 จุด ในเวลา 60 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าระหว่างทาง DJ จะเจอ Cycle Bull/Bear มาหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจของตัวเอง สงคราม วิกฤติน้ำมัน Black Monday หรือ สถาบันการเงินล้มเป็น 100 แห่งก็ตาม และอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ DJ เป็น Secular Bull ได้ ผิดกับ ญี่ปุ่นที่มองยังไงก็ยังก็ติดอยู่ใน Secular Bear สาเหตุสำคัญน่าจะมี 2 เรื่อง 1) เป็นประเทศที่ยังมีภาคแรงงานในระดับสูง ซึ่งสหรัฐฯ โชคดีที่อนุญาตให้คนทางเม็กซิโก หรือหลายๆ ประเทศเข้าไปทำงานได้อย่างอสิระเสรีมากกว่า 2) มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งของสหรัฐฯ ไม่ใช่โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมแล้ว แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี

หันกลับมาดูไทยบ้าง ทำไมผมถึงมองว่าเรายังอยู่ในช่วง Secular Bull อยู่ ซึ่งจริงๆ ใครสังเกตให้ดี เรามี Cycle Bull/Bear มาสองรอบใหญ่ๆ แล้ว นั้นตือต้มยำกุ้ง และ sumprime แต่เราไม่เคยทำจุดต่ำสุดนะครับ ทั้งตอนต้มยำกุ้งและ subprime (เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่ VI แท้ๆ จะไม่สนใจนะครับ) แต่เรายังไม่มี New high และนั้นทำให้ผมมองว่าเราจะเห็น New High ในรอบ cycle Bull นี้ และอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ผมคิดว่าตลาดหุ้นไทยจะเป็น Secular bull ซึ่งจะกินเวลาอีกเป็น 10-20 ปี แม้ว่าจะต้อง เจอ Cycle Bear บ้างก็ตาม 1) ประเทศไทยยังมีโครงสร้างคนทำงานในปริมาณสูง และแม้ว่าแหล่งแรงงานจะน้อยลงในอีก 20 ปีข้างหน้า แต่ AEC จะเข้ามาช่วยด้านแรงงานให้เพิ่มขึ้นได้ และเอกชนจะเริ่มปรับตัวมาใช้เครื่องจักรมากขึ้น ซึ่งเรามีช่องว่างในการพัฒนาตรงนี้อีกมาก แม้ว่ารัฐบาลจะเป็นยังไงก็ตาม 2) ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านคมนาคม และเทคโนโลยีอีกมากให้พัฒนา ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนั้นจะทำให้เศรษฐกิจไทยโตกลับมาได้ทุกครั้ง แม้ว่าจะเจออีกกี่วิกฤติก็ตาม และจะทำให้ตลาดุห้นไทยไม่มี New Low และ สร้าง New High ได้อีกนาน

ดังนั้นคำแนะนำสำหรับ VI (ไม่ใช่เก็งกำไรนะครับ) ให้พวกเราวิเคราะห์ไปที่ตัวหุ้นและอุตสาหกรรมใดบ้างที่จะเป็นไปตาม Secular Bull ขนาดใหญ่ของประเทศไทย เรามีอะไรเป็นจุดแข็งที่แข่งกับต่างชาติได้อีกนาน และรอ Cycle Bear อีกครั้ง (อาจจะอีก 2-3 ปีข้างหน้า) เพื่อซื้อหุ้นในราคาถูก หรือหากเจอหุ้นที่ถูกอยู่แล้วในตอนนี้ (ซึ่งผมว่ามี เพราะผมเจออยู่) ก็สามารถซื้อสะสมได้เลยก็ได้ เพราะเรายังอยู่ใน Secular Bull อีกเป็น 10-20 ปีครับ

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนลงทุนนะครับ

ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ
กวี ชูกิจเกษม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่