Credit : FB คุณกวี ชูกิจเกษม
ผมอยากแชร์ประสบการณ์การลงทุนหุ้นในฐานะ Value Intestor (VI) มาแล้ว 20 ปี
1) วิกฤติคือโอกาส ผมยังไม่เห็นวิกฤติไหนที่ตลาดหุ้นจ่ะผ่านไปไม่ได้ ผมผ่านมา 2 วิกฤติใหญ่ วิกฤติต้มยำกุ้ง SET ลงมาจาก 1700 จุดเหลือ 200 จุด และวิกฤติซัมไพรม์จาก 900 จุด เหลือ 380 จุด ไม่นับรวมวิกฤติย่อยๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้าย SET ก็กลับขึ้นมาได้ใหม่ รอบนี้เกือบทำ Historical high ด้วยซ้ำ และแม้กระทั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ผ่านสงครามโลกมาด้วยซ้ำ ก็ยังสามารถทำ New high ได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าเราจะอดทนให้วิกฤตินั้นผ่านพ้นไปได้หรือไม่ (อันนี้สำคัญ) ดังนั้นผมก็ยังมองวิกฤติเป็นโอกาส ราคาหุ้นลงมาช่วงนี้ ดีซักอีก จะได้หุ้นดี ราคาถูกลง BGH เคยขึ้นไป 180 บาท ตอนนี้ลงมาจะต่ำกว่า 120 บาทอยู่แล้ว ผมถามว่า BGH พื้นฐานเปลี่ยนมากขนาดนั้นหรือ (ไม่ได้แนะนำให้ซื้อ BGH นะ แต่เชื่อว่าระยะยาว กี่ปีไม่รู้ BGH จะ ทำ New High)
2) นักลงทุน VI จะมองที่พื้นฐานหุ้น ไม่ได้มองที่ดัชนีหุ้น (SET index) ว่าจะลงเหลือเท่าไรแล้วซื้อ ขอให้เราเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัทว่าแข็งแกร่ง ราคาลงมาก็ไม่ต้องกลัว อย่างน้อยบริษัทที่พื้นฐานแกร่งก็ยังคงจ่ายปันผลให้ชื่นใจ และหากเรายังไม่มีหุ้นที่ดีๆ เหลานั้นไว้ในพอร์ต ยิ่งถือว่าเป็นความโชคดีที่เราจะได้หุ้นพื้นฐานดี ราคาถูกแล้ว
3) อย่าซื้อหุ้นแพง หุ้นดีเรารู้ และรู้ไม่ยาก แต่หุ้นแพงนี่ซิ ดูยาก ผมเคยพูดประเด็นนี้ไปแล้วว่ามีเหตุผลแค่ไหนที่หุ้นตัวหนึ่ง จะขึ้นไปซื้อขายกันที่ P/E สูงถึง 25-30 เท่า หรือมากกว่านั้น ซึ่ง ณ ราคาดังกล่าว ในแง่พื้นฐาน ผมว่าแพงแน่นอน ดังนั้นจงอย่าฝืนซื้อหุ้นราคาแพง อย่างน้อยหากจะติดหุ้นพื้นฐานดี ก็ขอให้ติดที่เชิงเขา ไม่ใช่ติดที่ยอดดอย
4) จงใช้เงินเย็นในการลงทุน ผมเห็นคำถามของนักลงทุนบางคน ถามมาว่าต้องใช้เงินเดือนหน้า ตอนนี้ควรทำอย่างไรกับหุ้นที่ถืออยู่ หากเป็นนักลงทุน VI การลงทุนโดยไม่ใช้เงินเย็น จะมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะเมื่อถึงเวลาต้องใช้เงิน ราคาไหน ก็ต้องขาย เสียดายที่เราต้องขาดทุนจากหุ้นพื้นฐานดี
5) จงมีสติ ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง อย่าไปตกใจกลัวเมื่อหุ้นที่เราถิออยู่ลงมาแรงๆ ขอให้เป็นหุ้นพื้นฐานดี และเป็นเงินเย็น เดี๋ยวราคาหุ้นก็กลับมา เพียงแต่อาจใช้เวลานานหน่อย และต้องมีสติตอนหุ้นขึ้นด้วย หากราคาแพงอย่าไปซื้อ อย่าคิดว่าราคามันไม่ลงมาให้ซื้อหรอก (ประสบการณ์ครั้งนี้คงสอนนักลงทุนหลายคนไปแล้ว) ขอให้ใช้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์
นี่คือกำลังใจที่อยากจะฝากทุกคนไว้ ยามที่ตลาดหุ้นเหมือนจะลงมาเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด แต่จากประสบการณ์ผม ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวร หุ้นลงเดี๋ยวก็มีวันขึ้น หุ้นขึ้นเดี๋ยวก็มีวันลง แต่หุ้นที่อยู่ในพอร์ตของเราพื้นฐานดีหรือเปล่า รู้กันไหมครับ
ด้วยรักและเป็นห่วงจากใจ
กวี ชูกิจเกษม
แชร์ประสบการณ์ลงทุน โดย คุณกวี ชูกิจเกษม
ผมอยากแชร์ประสบการณ์การลงทุนหุ้นในฐานะ Value Intestor (VI) มาแล้ว 20 ปี
1) วิกฤติคือโอกาส ผมยังไม่เห็นวิกฤติไหนที่ตลาดหุ้นจ่ะผ่านไปไม่ได้ ผมผ่านมา 2 วิกฤติใหญ่ วิกฤติต้มยำกุ้ง SET ลงมาจาก 1700 จุดเหลือ 200 จุด และวิกฤติซัมไพรม์จาก 900 จุด เหลือ 380 จุด ไม่นับรวมวิกฤติย่อยๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้าย SET ก็กลับขึ้นมาได้ใหม่ รอบนี้เกือบทำ Historical high ด้วยซ้ำ และแม้กระทั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ผ่านสงครามโลกมาด้วยซ้ำ ก็ยังสามารถทำ New high ได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าเราจะอดทนให้วิกฤตินั้นผ่านพ้นไปได้หรือไม่ (อันนี้สำคัญ) ดังนั้นผมก็ยังมองวิกฤติเป็นโอกาส ราคาหุ้นลงมาช่วงนี้ ดีซักอีก จะได้หุ้นดี ราคาถูกลง BGH เคยขึ้นไป 180 บาท ตอนนี้ลงมาจะต่ำกว่า 120 บาทอยู่แล้ว ผมถามว่า BGH พื้นฐานเปลี่ยนมากขนาดนั้นหรือ (ไม่ได้แนะนำให้ซื้อ BGH นะ แต่เชื่อว่าระยะยาว กี่ปีไม่รู้ BGH จะ ทำ New High)
2) นักลงทุน VI จะมองที่พื้นฐานหุ้น ไม่ได้มองที่ดัชนีหุ้น (SET index) ว่าจะลงเหลือเท่าไรแล้วซื้อ ขอให้เราเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัทว่าแข็งแกร่ง ราคาลงมาก็ไม่ต้องกลัว อย่างน้อยบริษัทที่พื้นฐานแกร่งก็ยังคงจ่ายปันผลให้ชื่นใจ และหากเรายังไม่มีหุ้นที่ดีๆ เหลานั้นไว้ในพอร์ต ยิ่งถือว่าเป็นความโชคดีที่เราจะได้หุ้นพื้นฐานดี ราคาถูกแล้ว
3) อย่าซื้อหุ้นแพง หุ้นดีเรารู้ และรู้ไม่ยาก แต่หุ้นแพงนี่ซิ ดูยาก ผมเคยพูดประเด็นนี้ไปแล้วว่ามีเหตุผลแค่ไหนที่หุ้นตัวหนึ่ง จะขึ้นไปซื้อขายกันที่ P/E สูงถึง 25-30 เท่า หรือมากกว่านั้น ซึ่ง ณ ราคาดังกล่าว ในแง่พื้นฐาน ผมว่าแพงแน่นอน ดังนั้นจงอย่าฝืนซื้อหุ้นราคาแพง อย่างน้อยหากจะติดหุ้นพื้นฐานดี ก็ขอให้ติดที่เชิงเขา ไม่ใช่ติดที่ยอดดอย
4) จงใช้เงินเย็นในการลงทุน ผมเห็นคำถามของนักลงทุนบางคน ถามมาว่าต้องใช้เงินเดือนหน้า ตอนนี้ควรทำอย่างไรกับหุ้นที่ถืออยู่ หากเป็นนักลงทุน VI การลงทุนโดยไม่ใช้เงินเย็น จะมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะเมื่อถึงเวลาต้องใช้เงิน ราคาไหน ก็ต้องขาย เสียดายที่เราต้องขาดทุนจากหุ้นพื้นฐานดี
5) จงมีสติ ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง อย่าไปตกใจกลัวเมื่อหุ้นที่เราถิออยู่ลงมาแรงๆ ขอให้เป็นหุ้นพื้นฐานดี และเป็นเงินเย็น เดี๋ยวราคาหุ้นก็กลับมา เพียงแต่อาจใช้เวลานานหน่อย และต้องมีสติตอนหุ้นขึ้นด้วย หากราคาแพงอย่าไปซื้อ อย่าคิดว่าราคามันไม่ลงมาให้ซื้อหรอก (ประสบการณ์ครั้งนี้คงสอนนักลงทุนหลายคนไปแล้ว) ขอให้ใช้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์
นี่คือกำลังใจที่อยากจะฝากทุกคนไว้ ยามที่ตลาดหุ้นเหมือนจะลงมาเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด แต่จากประสบการณ์ผม ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวร หุ้นลงเดี๋ยวก็มีวันขึ้น หุ้นขึ้นเดี๋ยวก็มีวันลง แต่หุ้นที่อยู่ในพอร์ตของเราพื้นฐานดีหรือเปล่า รู้กันไหมครับ
ด้วยรักและเป็นห่วงจากใจ
กวี ชูกิจเกษม