
วิธีเลือกหุ้นสาย VI จากปาก คุณกวี ชูกิจเกษม ในงาน money expo ปี 2014 ผ่านมา
วันนี้เอาวิธีเลือกหุ้นสำหรับสายกินนานๆ ถือเป็น สิบๆ ปี
1. ดูศักยภาพในการทำกำไร ให้ดูอย่างน้อย 7-10 ปีครับ ว่ามีกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตกลงได้ในปีที่เกิดวิกฤตแต่ไม่ถึงกับขาดทุน และกลับมามีกำไรเท่าเดิมหลังจากช่วงผ่านพ้นวิกฤต
2. เลือกธุรกิจมีอำนาจต่อรองสูงๆ เช่น คุณเคยต่อราคาโรงพยาบาลได้ไหม โดยดูจาก >>กำไรขั้นต้น/ยอดขาย หรือ Gross Profit/Sales
3. ดูธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการทำให้กำไรคงเดิมที่น้อยๆ เช่น ไม่ต้องโฆษณามากก็มีคนซื้อ ไม่ต้องวิจัยรถรุ่นใหม่ๆ เพื่อแข่งขันกับแบรนด์อื่น โดยดูจาก >>ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน/ยอดขาย ratio นี้ควรลดลงหรืออย่างน้อยก็เท่าเดิมในปีต่อๆ ไป ไม่ควรที่จะเพิ่มขึ้น
4. ROE หรือ return on equity ควรอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับธุรกิจในอุตสหกรรมเดียวกัน และเพิ่มขึ้นหรือเท่าๆ เดิม ไม่ควรลดลง
5. มีหนี้น้อย จากความเข้าใจทางบัญชี สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ โดยดูแบบเบสิคคือมีหนี้ไม่ต่ำกว่าส่วนของเจ้าของ หรือถ้าศักยภาพเท่าๆ กันก็เลือกบริษัทที่มีสัดส่วนหนี้น้อยที่สุดเมื่อเทียบเป็น % กับสินทรัพย์ เพราะเมื่ออยู่ในช่วงวิกฤตบริษัทที่มีหนี้สินมากมีโอกาสที่จะบริหารสภาพคล่องได้ต่ำกว่า หรือหนักหน่อยอาจจะล้มละลายได้จากภาระดอกเบี้ยที่ต้องส่งคืนหนี้
6. ข้อสุดท้าย ดูความสามารถของผู้บริหาร แต่หากว่าเข้าเกณฑ์ 5 ข้อที่ผ่านมาก็ดูเหมือนว่าหุ้นตัวนี้จะมีผู้บริหารที่ใช้ได้เลยทีเดียว แต่หากจะดูให้ลึกลงไปก็ควรดูตัวผู้บริหาร ดูคนปัจจุบันและอดีตสอดคล้องไปกับงบการเงินด้วย
นี่แหละครับ 6 ขึ้นตอนพื้นฐานในการเลือกหุ้นที่มีแนวคิดถือไปตลอดชีวิตครับ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีการขายออกนะครับ แต่ไว้เราจะพูดถึงในโอกาสถัดไปครับ
ไปลองหาอ่านหนังสือของคุณกวี ชูกิจเกษมได้นะครับ "เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน"
ติดตามงานเขียน
https://www.facebook.com/Moneyandtimebyatthawit
วิธีเลือกหุ้นสาย VI ขั้นพื้นฐายจาก คุณกวี ชูกิจเกษม
วิธีเลือกหุ้นสาย VI จากปาก คุณกวี ชูกิจเกษม ในงาน money expo ปี 2014 ผ่านมา
วันนี้เอาวิธีเลือกหุ้นสำหรับสายกินนานๆ ถือเป็น สิบๆ ปี
1. ดูศักยภาพในการทำกำไร ให้ดูอย่างน้อย 7-10 ปีครับ ว่ามีกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตกลงได้ในปีที่เกิดวิกฤตแต่ไม่ถึงกับขาดทุน และกลับมามีกำไรเท่าเดิมหลังจากช่วงผ่านพ้นวิกฤต
2. เลือกธุรกิจมีอำนาจต่อรองสูงๆ เช่น คุณเคยต่อราคาโรงพยาบาลได้ไหม โดยดูจาก >>กำไรขั้นต้น/ยอดขาย หรือ Gross Profit/Sales
3. ดูธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการทำให้กำไรคงเดิมที่น้อยๆ เช่น ไม่ต้องโฆษณามากก็มีคนซื้อ ไม่ต้องวิจัยรถรุ่นใหม่ๆ เพื่อแข่งขันกับแบรนด์อื่น โดยดูจาก >>ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน/ยอดขาย ratio นี้ควรลดลงหรืออย่างน้อยก็เท่าเดิมในปีต่อๆ ไป ไม่ควรที่จะเพิ่มขึ้น
4. ROE หรือ return on equity ควรอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับธุรกิจในอุตสหกรรมเดียวกัน และเพิ่มขึ้นหรือเท่าๆ เดิม ไม่ควรลดลง
5. มีหนี้น้อย จากความเข้าใจทางบัญชี สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ โดยดูแบบเบสิคคือมีหนี้ไม่ต่ำกว่าส่วนของเจ้าของ หรือถ้าศักยภาพเท่าๆ กันก็เลือกบริษัทที่มีสัดส่วนหนี้น้อยที่สุดเมื่อเทียบเป็น % กับสินทรัพย์ เพราะเมื่ออยู่ในช่วงวิกฤตบริษัทที่มีหนี้สินมากมีโอกาสที่จะบริหารสภาพคล่องได้ต่ำกว่า หรือหนักหน่อยอาจจะล้มละลายได้จากภาระดอกเบี้ยที่ต้องส่งคืนหนี้
6. ข้อสุดท้าย ดูความสามารถของผู้บริหาร แต่หากว่าเข้าเกณฑ์ 5 ข้อที่ผ่านมาก็ดูเหมือนว่าหุ้นตัวนี้จะมีผู้บริหารที่ใช้ได้เลยทีเดียว แต่หากจะดูให้ลึกลงไปก็ควรดูตัวผู้บริหาร ดูคนปัจจุบันและอดีตสอดคล้องไปกับงบการเงินด้วย
นี่แหละครับ 6 ขึ้นตอนพื้นฐานในการเลือกหุ้นที่มีแนวคิดถือไปตลอดชีวิตครับ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีการขายออกนะครับ แต่ไว้เราจะพูดถึงในโอกาสถัดไปครับ
ไปลองหาอ่านหนังสือของคุณกวี ชูกิจเกษมได้นะครับ "เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน"
ติดตามงานเขียน
https://www.facebook.com/Moneyandtimebyatthawit