จากใจเด็กชายวัยทำงาน ถึงแม่

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิป ก็ม่ายมีอารายมากกกกก!!!!

ไม่ใช่ล่ะๆ ฮ่าๆ

สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆชาวพันทิปนะครับ ผมขอแทนตัวเองว่าอึ่งนะครับ

อึ่งเป็นมนุษย์เพศชายวัยทำงาน อายุอานามก็ประมาน ยี่สิบปลายๆ เป็นชายที่โตมาแบบเด็กที่ขาดความอบอุ่น พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่พึ่งเริ่มจำความได้(ประมาณอนุบาล) ก่อนจะแยกทางกัน ท่านทะเลาะกันเกือบทุกวัน เด็กชายอึ่งต้องหนีมาร้องไห้ทำเอ็มวีในห้องนอนทุกๆวัน จนสุดท้ายท่านทั้งสองตัดสินใจหย่ากัน

ตั้งแต่นั้นมาเด็กชายอึ่งก็ต้องระหกระเหินร่อนเร่ไปอยู่กับครอบครัวฝ่ายคุณแม่ทีนึง สามปีต่อมาก็ย้ายไปอยู่กับครอบครัวฝ่ายพ่อทีนึงสลับไปๆมาๆแบบนี้หลายต่อหลายครั้งย้ายโรงเรียนก็บ่อย อยู่กับย่าบ้าง อยู่กับยายบ้าง สมัยเรียนจึงค่อนข้างเป็นเด็กมีปัญหาจนเกือบจะเรียนไม่จบม.ต้นด้วยซ้ำ

พอจบม.ต้นคุณพ่อถูกบังคับให้ไปทำงานต่างประเทศและมีโอกาสน้อยมากที่จะได้กลับมา ส่วนคุณแม่มีสามีใหม่และมีลูกกับสามีใหม่สองคนย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดที่ค่อนข้างไกลเกินกว่าเด็กม.ต้นจะไปได้ด้วยตัวคนเดียว(ไม่ได้ดัดจริตนะครับ เด็กกรุงเทพสมัยนั้นนั่งรถเมล์ในกรุงเทพฯยังยากเลย) ชีวิตช่วงนั้นสำหรับอึ่งวัย14ปี เป็นช่วงชีวิตที่เคว้งคว้างมาก ถึงแม้จะมีบ้านให้อยู่มีคนคอยดูแล แต่ก็กลับหนีออกจากบ้านไปอยู่กับเพื่อนชาวแว๊นซ์และมีชีวิตแบบเด็กแว๊นซ์อยู่ช่วงนึง กินเหล้า เมายาแว๊นซ์กับเพื่อนทุกวันทุกคืนจนคุณแม่ต้องกลับกรุงเทพเพื่อมาตามหาลูกชายจนพบ....และขอร้องให้อึ่งไปอยู่กับแม่ที่ตจว.

อึ่งยอมไปแต่โดยดีเพราะก้นบึงในใจของอึ่งที่ทำตัวแบบนี้เพราะอยากให้พ่อและแม่สนใจอึ่ง อึ่งเดินทางไปอยู่กับแม่ที่จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ และต้องไปอาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยงและน้องต่างพ่อเป็นน้องสาวคนเล็ก(คนกลางเป็นน้องชายคุณป้าขอไปเลี้ยงตั้งแต่เกิด)อยู่ไปช่วงแรกดูเหมือนมีความสุขดีบ้านที่อยู่เป็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็กอยู่กลางไร่อ้อย เปิดเป็นร้านขายของชำเล็กๆและมีเก้าอี๋ตัดผมอยู่หน้าร้านเป็นร้านตัดผมของพ่อเลี้ยงอึ่ง ชีวิตต่างจังหวัดทำให้อึ่งต้องปรับตัวพอสมควรจากที่เคยตื่น 7-8โมงเช้า ต้องตื่นตี4 ช่วยแม่เปิดร้าน และแม่พยายามหารายได้เพิ่มโดยทำน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ขายในตอนเช้า อึ่งก็พยายามช่วยแม่โดยขี่มอเตอร์ไซ้ฮ่างเก่าๆเน่าๆ ผู้ตระกร้าไว้ที่เบาะแล้วขี่เอาน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ไปขายในหมูบ้าน ออกตั้งแต่ตีห้ากลับมาถึงบ้านก็เกือบแปดโมงเช้าขายได้วันล่ะประมาน 200-300ร้อยบาท ซึ่งจริงๆแล้วสำหรับลูกค้ามันไม่ได้เป็นน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ที่อร่อยเลยแต่ซื้อด้วยความเอ็นดูและเพื่อให้กำลังใจ เนื่องจากเด็กชายอึ่งเป็นเด็กกรุงเทพฯที่ดูน่าช่วยเหลือ ไม่ได้มางอมืองอเท้านอนตื่นสายอยู่ที่บ้าน ทำให้อึ่งเกิดความภาคภูมิใจเล็กๆที่ได้ช่วยเหลือแม่ในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

ถึงตอนนี้เรามาพูดถึงพ่อเลี้ยงของอึ่งกันบ้าง พ่อเลี้ยงขออึ่งเป็นผู้ชายที่มีวิชาการตัดผมตัวมา และมีอาชีพเป็นช่างตัดผมสมัยอยู่กรุงเทพฯ เค้าเป็นคนที่ชอบกินเหล้า ชอบเล่นการพนัน(เล่นเปตองกินเงิน)ตั้งแต่อึ่งย้ายมาอยู่กับแม่ผ่านไปสองเดือนอึ่งนับหัวลูกค้าได้เลยไม่เกิน10 หัว ไม่ใช่ไม่มีลูกค้าแต่....พ่อค้าไม่อยู่ เก้าอี้ตัดผมเป็นเหมือนเพียงแค่เฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน อึ่งพยายามไม่คิดอะไร คิดแต่เพียงต้องอยู่กับแม่ต้องทำเพื่อแม่....

จนวันนึงก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยน.....


เดียวมาต่อครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่