พลัง ส ติ ของขวัญที่เกิดมาพร้อมกับชะตาทุกข์ชีวิต เราๆ ท่านๆ No problem.

พลังสติ  หมายถึง  สภาวะที่จิตใจของคนเราเป็นหนึ่งเดียวในการจดจ่อกับ
สิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน

สติ   คือ   ความรู้สึก,  ความรู้สึกผิดชอบ,  ความระลึกได้    
(ถ้าจะให้เข้าใจได้ง่าย  หมายถึง   นึกได้  ระลึกได้  ไม่ลืม  ไม่เผลอ)  

มักจะใช้คู่กับคำอื่น  ที่รู้จักกันดี  ได้แก่
สติปัญญา         สติใช้คู่กับปัญญา  หมายถึง  ปัญญารอบคอบ   
สติสัมปชัญญะ   สติใช้คู่กับสัมปชัญญะ  หมายถึง   ความระลึกได้และ
                        ความรู้ตัว,  ความรู้สึกตัวด้วยความรอบคอบ

เราเคยเป็นบ่อยหรือไม่  เมื่อเรากำลังทำภารกิจใดอยู่  เช่น  กำลังเรียนหนังสือ  
กำลังทำงาน  กำลังประชุม  กำลังเล่นกีฬา  เป็นต้น  แต่จิตใจเราจะล่องลอยไป
เรื่องอื่น ๆ   สภาวะเช่นนี้แหละเป็นสภาวะที่เราไม่ค่อยมีสติ

คนเราพอจะแบ่งออกได้ เป็น 3 ประเภท ตามระดับของพลังสติ

1.  คนที่มีพลังสติน้อย    คนประเภทนี้ มักจะควบคุมจิตใจของตนเองไม่ค่อยได้
มีสมาธิสั้น  มีความสามารถในการควบคุมจิตใจของตนเองให้จดจ่อกับภารกิจใน
ปัจจุบันได้น้อย  มักปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปกับเรื่องในอดีต หรือในอนาคต
เสมอ  ควบคุมความคิดของตนเองไม่ค่อยได้  สิ่งเร้ารอบตัวมีอิทธิพลต่อจิตใจและ
อารมณ์ของคนประเภทนี้มากที่สุด

2.  คนที่มีพลังสติค่อนข้างดี   หรือมีสมาธิค่อนข้างสุง  มีความสามารถในการ
ควบคุมจิตใจของตนเองให้จดจ่อกับภารกิจที่ทำในปัจจุบันได้ค่อนข้างดี  
สามารถควบคุมความคิดของตนเองให้คิดในเรื่องที่ควรคิด (คิดในเรื่องที่จะทำให้
จิตใจเบิกบานสดใส)  และไม่คิดในเรื่องที่ไม่ควรคิด (คิดในเรื่องที่จะทำให้จิตใจ
เศร้าหมอง)  ได้อย่างดี   สิ่งเร้ารอบตัวมีอิทธิพลต่อจิตใจและอารมณ์ของคน
ประเภทนี้น้อยกว่าคนประเภทแรกมาก

3. คนที่มีพลังสติดีมาก   มีสติหรือมีสมาธิสูง  สามารถควบคุมจิตใจของตนเอง
ได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถควบคุมจิตใจของตนเองให้จดจ่อกับภารกิจที่ทำ
ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีเป็นระยะเวลานาน  สามารถควบคุมจิตใจตนเอง ให้อยู่ เหนือสิ่งเร้ารอบตัวที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเรา ให้หันเหออกไปจาก สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี  เช่น  ดูหนังสือได้อย่างมีสมาธิ ในขณะที่คนรอบข้างคุยกันเสียงดังอย่างสนุกสนาน  ไม่ทานอาหารที่เป็นโทษ ต่อร่างกายทั้ง ๆ ที่เพื่อนทุกคนในโต๊ะอาหารกำลังทานอาหารนั้น อยู่อย่าง เอร็ดอร่อย  เป็นต้น  


ความจริงทุกคนมีสติด้วยกันทุกคน จะต่างกันก็แต่เพียงว่า บางคนได้รับการฝึกฝน
ในเรื่องนี้มามากก็มีสติสูง  บางคนได้รับการฝึกฝนในเรื่องนี้มาน้อยก็เป็นคนที่ไม่
ค่อยมีสติ  

คนที่มีสติสูงก็จะมีความรู้สึกตัวสูงทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ  สามารถควบคุม
ทุกอิริยาบถของชีวิตได้อย่างเหมาะสม  เช่น  การนั่ง  ยืน  เดิน  วิ่ง  เป็นต้น
บุคคลเหล่านี้จะมีบุคคลิกภาพที่สง่างาม  สำรวม  สามารถควบคุมพฤติกรรม
ของชีวิตของตัวเองได้   


สติจึงเปรียบเหมือนหางเสือของชีวิตที่คอยควบคุมชีวิตของคนเราให้เดินไปตาม
ทิศทางที่เรามุ่งหมายได้อย่างรวดเร็ว แน่นอน และมั่นคง

การฝึกสติหรือฝึกสมาธิจึงเป็นความจำเป็นพื้นฐานในการพัฒนาของทุกเรื่องใน
ชีวิตของคนเรา

 

วิธีทดสอบสติแบบง่าย ๆ

1.  ลองถามตัวเองดูว่า  รู้หรือไม่ว่าตอนนี้เรากำลังหายใจเข้าหรือออก
     ถ้าไม่รู้ต้องหยุดคิด  แสดงว่ายังไม่มีสติเท่าไร   เรามักไม่ค่อยรู้ทัน
     ลมหายใจของเรา  ลืมลมหายใจกันเป็นส่วนมาก

2.  ดูสิ่งกระทบ ว่าจิตใจเราหวั่นไหวหรือไม่  มากน้อยแค่ไหน  มีความฉับไวใน
     ความคิดหรือไม่  หากเกิดอารมณ์ขึ้น  เรารู้ทันอารมณ์หรือไม่  
     หากเราไม่หวั่นไหว  ไม่มีอารมณ์ ไม่เสียใจ  ไม่ดีใจ   มีแต่ความสงบ 
     วางเฉย   นั่นหมายถึง จิตมีสติ  ไม่มีการปรุงแต่งอารมณ์

3.  คนที่มีอารมณ์มาก  แสดงว่า  สติอ่อน   คนที่มีอารมณ์น้อย  แสดงว่า
     สติมาก   คนที่โกรธแล้วหายไว  แสดงว่า  สติมาเร็ว   แต่ถ้าโกรธแล้ว
     ค้างอยู่นาน  แสดงว่า  สติมาช้า

4.   ดูพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต  ว่า  คิด  พูด  ทำ   เป็นสาระมากน้อย
      เพียงใด   ถ้าสติมาก  ชีวิตก็จะเป็นสาระมาก   ถ้าสติน้อย  ชีวิตก็จะเป็น
      สาระน้อยไปด้วย

5.   นับลมหายใจ  คนที่สามารถนับลมหายใจเข้าออกลึก ๆ  ของตัวเองได้ 
      นับ  1 - 20   (หายใจเข้า  1 ครั้ง และหายใจออก 1  ครั้ง  นับ 1)  อย่าง
      ต่อเนื่อง  โดยไม่ลืมหรือไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลย  จัดได้ว่าเป็นคนที่มีสติดี

6.   คนที่พอหัวถึงหมอน  ก็นอนหลับแล้ว   เป็นคนที่มีสติดี 


ประโยชน์ของสติ

1.  ทำให้เป็นคนสงบเย็น  เพื่อน บริวาร และบุคคลอื่น  อยากเข้าใกล้
2.  ทำให้ความจำดี ไม่ค่อยลืมอะไรง่าย
3.  ทำให้เป็นคนมีจิตใจดี  กินได้ นอนหลับ
4.  ทำให้ชีวิตมีความสุข  เพราะสติจะช่วยหยุดการกระทำที่ไม่ดี 
     ระงับกิเลส  และอกุศลไม่ให้เกิดขึ้นในใจ
      

วิธีเพิ่มพลังสติให้กับตนเองแบบง่าย ๆ  ใช้กับชีวิตประจำวัน

        1.    ให้เฝ้าติดตามดูจิต รักษาอารมณ์ให้พอดี ๆ  ตามหลักทางสายกลาง
               เมื่อกระทบกับอารมณ์ที่ทำให้ไม่พอใจ หรืออารมณ์ที่ทำให้พอใจ
               พยายามรักษาใจให้เป็นปกติ  ไม่แสดงออกจนเกินไป

        2.    ฝึกหัดหายใจให้ยาวขึ้นกว่าปกติ  การหายใจยาว แสดงถึง ความมี
              สุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดี  และจะทำให้รู้สึกตัวชัดเจน 
              ทั้งยังช่วยให้จิตใจสงบ  ร่างกายสบาย

        3.    คิดดี  พูดดี  และทำดี  อย่างมีสติ และมีสาระ  คือ  คิดให้รอบคอบ 
               คิดให้ดีก่อนที่จะพูด  และคิดให้ดีก่อนที่จะทำ

        4.    ช่วงเวลาก่อนนอน  10-20  นาที  ควรจักทบทวนชีวิตตั้งแต่ตื่นนอน
              ในตอนเช้าเป็นต้นมา  จนถึงเวลานี้  มีเรื่องที่ทำให้เราพอใจ และไม่
              พอใจอะไรบ้าง  ที่มากระทบอารมณ์ของเรา  ให้ตั้งสติทบทวนดู  เพื่อ
              จะได้เป็นบทเรียนไว้แก้ไขปรับปรุงตัวต่อไป ไม่ให้ผิดพลาดอีก  แล้ว
              พยายามปล่อยวางเสีย  เพราะอดีตผ่านไปแล้ว  แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

        5.   ก่อนนอน  จะนั่งหรือจะนอนก็ได้  นับลมหายใจเข้าออก โดยหายใจ
              ลึก ๆ  นับ 1 – 20   (หายใจเข้า  1 ครั้ง และหายใจออก 1  ครั้ง 
              นับ 1 ในใจ)  อย่างต่อเนื่อง  หากลืมไม่รู้นับถึงไหนแล้ว  
              ให้ขึ้นต้นใหม่    ทำ 3  รอบติดต่อกัน  (หากทำไม่ได้ ก็ทำเท่าที่
              ทำได้      และวันต่อไปให้พยายามทำใหม่)   (จะทำเวลาเครียด  
              หรือเวลาอื่นใดตามสะดวกก็ได้)

        6.   หมั่นนั่งสมาธิเป็นประจำ  จะช่วยให้ใจสงบ  และเพิ่มความมีสติระลึกรู้
              ได้เป็นอย่างดี

จงหมั่นฝึกฝนเจริญสติบ่อย ๆ  ก็จะเป็นการเพิ่มพลังสติให้กับตัวเอง 
ไม่นานนักแล้วท่านจะพบว่า  ท่านจะมีพลังสติเพิ่มขึ้นมากทีเดียว 
_________________________
เครดิตบทความ จาก บล็อคโอเคเนชั่น
-------------------------
แท็ก สังคมคุณแม่ คุณแม่ทั้งหลายจะได้รู้วิธีแก้อารมณ์
แท็ก ปัญหาชีวิต   คนที่มีปัญหาชีวิต ส่วนใหญ่เพราะขาดสติ
แท็ก ศาสนา       พลังสติ อยู่ในคนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา
แท็กสุขภาพจิต    มี พลังสติ เพิ่มขึ้นก็คัดกรองเอาแต่อารมณ์ดีๆ เป็นอาหาร เลี้ยงจิต จิตก็แช่มชื่นน้า


จขกท. ขอน้อมใจแชร์บทความเป็น.....ความรู้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่