สวัสดีค่ะหลังจากที่พี่สาวได้ลงเรื่องที่เราไปเรียนมา พี่สาวเลยบอกให้มาลองเขียนดูบ้าง ต้องบอกก่อนนะค่ะว่าที่เราไปนั้นทุนตัวเอง ใช้เวลาเก้บตังพอสมควรบวกกับแม่สมทบอีกครึ่งหนึ่ง ค่าเรียนและที่พักจะจ่ายรวมเลยส่วนค่ากินอยู่ไม่แพงมาก เพราะเมืองที่อยู่ค่อนข้างชนบท บวกกับทำอาหารกินเองเลยประหยัดมาก ใช้อาทิตย์นึงก็ตกประมาณ 4000 เยน(ประมาณไม่เกิน1500 บาทค่ะ) เอาละค่ะมาต่อกันเลยดีกว่า
ต้องขอขอบคุณพี่สาวและเพื่อนพี่ มากๆที่วันแรกพาไปส่งที่สตูดิโอไม่งั้นคงหลงแน่นอนตามประสาคนไม่ค่อยรู้ภาษา หลังจากที่เซนเซ (คุณครูเจ้าของสตูดิโอ) พาชมเสร็จก็ถึงเวลาที่ไปส่งพี่สาวและเพื่อนพี ที่สถานีรถไฟ
ดูรอยยิ้มของสองคนนี้ ก็บอกได้ทันทีว่าคงสะใจแน่ๆที่เราต้องใช้ชีวิตคนเดียวแล้ว
ขอบอกเลยไอ้ตอนนั่งรถกลับนี่เกร็งมาก ญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยได้อังกฤษก็งูๆปลา
เอาละวันแรกจบไปด้วยการนอนคนเดียวแบบกลัวๆ ตัวสั่นๆ เพราะอากาศหนาวมาก เปิดฮีตเตอร์ก็ไม่เป้นอีก แต่ดีที่ทางนี้เค้าเตรียมผ้าห่มให้เยอะมากจริงๆ
ต้องขอบอกว่า. ไปตอนช่วงมีหิมะ อากาศหนวมาก วันแรกที่มาถึงคือวันวาเลนไทน์กะว่าจะได้เห็นแสงสีของคู่รัก ปรากฎว่าหิมะตกหนัก ต้องนอนสนามบินกันเลยทีเดียว นอกเรื่องละต่อๆกันเลยดีกว่า
แผนการแรกนั้นคือตีสนิทคุยด้วยรอยยิ้ม ที่นี่เค้าทำงานกันตั้งแต่ 8โมงเช้า ลงมาปุ๊บก็เห็นทำงานกันแล้ว เริ่มด้วยการทักทายทั้งภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น ขุดมาใช้หมดค่ะ
หลังจากที่เอางานออกจากเตาแล้ว งานบางชิ้นก็มาแช่ในถังนี้ให้ใสขึ้น ไอ้เราก็ไม่ค่อยรู้ก็ดูๆตามไป
ภาพบรรยากาศห้องเตาเผาค่ะ เป็นที่ที่ทุกเช้าจะต้องมาอยู่บ่อยมาก
อันนี้จะเป็นลังใส่เซรามิคค่ะ
เตาไฟฟ้าก็มีนะ
หลังจากเอางานออกจากเตาแล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายไปทำงาน ที่อยู่ประจำจูนก็จะอยู่ข้างคาโอริ คนนี้ค่ะ เวลาคาโอริทำงานก็ส่งสายตายิ้มให้ไปถามนู้นถามนี่ที่เราไม่รู้ (แต่ขอบอกนะค่ะว่าที่นี่เวลางานเราต้องทำงานค่ะ คุยเล่นได้บ้างแต่เราต้องมีสมาธิกับงาน เพราะเซนเซเองเป็นคนใจดีมากกก แต่เวลาทำงานถ้าเราคุยเค้าจะต้องหยุดมาฟังซึ่งทำให้เสียสมาธิค่ะ) หลังจากนี้เราก็นั่งทำงานตัวเองทำเริ่มด้วยการปั้นแบบที่ถนัดก่อน
[CR] ประสบการณ์เรียนปั้นเซรามิค ที่ญี่ปุ่น ภาค ตีสนิท
ต้องขอขอบคุณพี่สาวและเพื่อนพี่ มากๆที่วันแรกพาไปส่งที่สตูดิโอไม่งั้นคงหลงแน่นอนตามประสาคนไม่ค่อยรู้ภาษา หลังจากที่เซนเซ (คุณครูเจ้าของสตูดิโอ) พาชมเสร็จก็ถึงเวลาที่ไปส่งพี่สาวและเพื่อนพี ที่สถานีรถไฟ
ดูรอยยิ้มของสองคนนี้ ก็บอกได้ทันทีว่าคงสะใจแน่ๆที่เราต้องใช้ชีวิตคนเดียวแล้ว
ขอบอกเลยไอ้ตอนนั่งรถกลับนี่เกร็งมาก ญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยได้อังกฤษก็งูๆปลา
เอาละวันแรกจบไปด้วยการนอนคนเดียวแบบกลัวๆ ตัวสั่นๆ เพราะอากาศหนาวมาก เปิดฮีตเตอร์ก็ไม่เป้นอีก แต่ดีที่ทางนี้เค้าเตรียมผ้าห่มให้เยอะมากจริงๆ
ต้องขอบอกว่า. ไปตอนช่วงมีหิมะ อากาศหนวมาก วันแรกที่มาถึงคือวันวาเลนไทน์กะว่าจะได้เห็นแสงสีของคู่รัก ปรากฎว่าหิมะตกหนัก ต้องนอนสนามบินกันเลยทีเดียว นอกเรื่องละต่อๆกันเลยดีกว่า
แผนการแรกนั้นคือตีสนิทคุยด้วยรอยยิ้ม ที่นี่เค้าทำงานกันตั้งแต่ 8โมงเช้า ลงมาปุ๊บก็เห็นทำงานกันแล้ว เริ่มด้วยการทักทายทั้งภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น ขุดมาใช้หมดค่ะ
หลังจากที่เอางานออกจากเตาแล้ว งานบางชิ้นก็มาแช่ในถังนี้ให้ใสขึ้น ไอ้เราก็ไม่ค่อยรู้ก็ดูๆตามไป
ภาพบรรยากาศห้องเตาเผาค่ะ เป็นที่ที่ทุกเช้าจะต้องมาอยู่บ่อยมาก
อันนี้จะเป็นลังใส่เซรามิคค่ะ
เตาไฟฟ้าก็มีนะ
หลังจากเอางานออกจากเตาแล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายไปทำงาน ที่อยู่ประจำจูนก็จะอยู่ข้างคาโอริ คนนี้ค่ะ เวลาคาโอริทำงานก็ส่งสายตายิ้มให้ไปถามนู้นถามนี่ที่เราไม่รู้ (แต่ขอบอกนะค่ะว่าที่นี่เวลางานเราต้องทำงานค่ะ คุยเล่นได้บ้างแต่เราต้องมีสมาธิกับงาน เพราะเซนเซเองเป็นคนใจดีมากกก แต่เวลาทำงานถ้าเราคุยเค้าจะต้องหยุดมาฟังซึ่งทำให้เสียสมาธิค่ะ) หลังจากนี้เราก็นั่งทำงานตัวเองทำเริ่มด้วยการปั้นแบบที่ถนัดก่อน