หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่ 20

กระทู้สนทนา
ตอนที่ผ่านมาอยู่ คห ด้านล่างค่ะ



หนึ่งใจในแผ่นดิน


ตอนที่ ๒๐




        พวกเธอมาทำอะไรที่นี่ ตรีรัตน์บ่นกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ยอมติดสอยห้อยตามสาวรุ่นพี่มาโดยไม่รู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ กระดาษหลายใบที่

กวาดมาได้จากลิ้นชักห้องพี่ดวงแขนั้นก็ไม่บอกอะไรทั้งสิ้นนอกจากความว่างเปล่า แต่สิ่งที่พอเป็นเบาะแสคือที่อยู่ของผู้ส่งบนทุกซองจดหมายเป็นที่อยู่

เดียวกันหมด และตอนนี้พวกเธอกำลังยืนหน้าห้องเช่าห้องเดียวกับที่อยู่นั่น

       “แน่ใจนะว่าที่นี่” ตรีรัตน์เตือนก่อน

        “แน่สิ ไม่ผิดหรอก” ธิดาตอบด้วยใบหน้าตื่นเต้น

        เธอเคาะประตูเรียกเจ้าของห้องเช่าแล้วยืนรอด้วยความหวัง ธิดาปั้นหน้ายิ้มแย้มเพื่อให้ดูเป็นมิตรที่สุดเมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูออกมา แม้ว่าซอง

จดหมายเหล่านั้นจะไม่มีชื่อผู้ส่งแต่เธอก็หวังว่าคนในห้องคือผู้ส่งจดหมายทุกฉบับ ผ่านไปหลายนาทีแต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวของประตู ธิดาจึงตัดสินใจ

เคาะประตูอีกครั้งให้ดังกว่าเดิม

       “มาหาใคร !” แต่ประตูที่เปิดกลับเป็นคนที่อยู่ห้องข้างๆ และเธอคนนั้นทำหน้าบึ้งตึงใส่พวกเธอ

       “เอ่อ...เจ้าของห้องนี้เขา...ไม่อยู่หรือคะ” ธิดาถามด้วยท่าทีเกรงใจ

       “ไม่อยู่ เธอมาช้าไปหน่อย เขาเพิ่งออกไปก่อนที่เธอจะมาไม่นานนี้เอง” คำตอบของหญิงคนนั้นทำให้ทั้งเธอและตรีรัตน์ผิดหวัง

       “แล้ว คุณทราบไหมคะว่า เขาจะกลับมาเมื่อไร่”

       “เช้านั่นแหละ ถ้าอยากเจอตอนนี้ก็ไปหาเขาที่มูนไลท์ผับ” ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจแล้วตอบคำถามด้วยความรำคาญ

       “แล้ว...เขาชื่ออะไรคะ” เธอรีบชิงถามก่อนที่ประตูห้องนั้นจะถูกปิด

       “เอื้อย !” คำตอบที่กระแทกเสียงพร้อมกับประตูที่ถูกปิดลง

       “เอื้อย...” ธิดารำพึงชื่อเจ้าของห้อง เธออยากเจอผู้หญิงคนนี้ และต้องเจอตอนนี้ให้ได้

        “เราจะไปมูนไลท์ผับ” เธอหันไปบอกตรีรัตน์

    “เรา...เราหรือ” สาวผมมวยเริ่มอารมณ์เสียเข้าแล้ว “พี่ธิดา ฉันถามจริงๆเถอะ ทำไมพี่ต้องพยายามขนาดนี้ด้วยล่ะ”

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันติดใจที่ชาวบ้านพูดเรื่องวิญญาณแค้นของนางลาโพ กับเรื่องที่เธอบอกว่าคุณดวงแขโดนนายพนาฉุดนั่นมันเกี่ยวกันหรือ

เปล่า” เธอพูดพลางฉุดลากสาวรุ่นน้องให้เดินตาม

    “ก็ต้องเกี่ยวสิพี่ ก็ลูกตัวเองโดนฉุดทำไมจะไม่แค้น”

    “ถ้าแค้นก็ต้องแค้นนายพนาสิ ทำไมถึงต้องแค้นคนหมู่บ้านช้างด้วย” เธอหันมาตอบคำถามทันที “ถ้าฉันเป็นนางลาโพ ฉันคงจะแค้นนายพนา

มากกว่า เพราะฉันก็เคยโดนนายพนาลักพาตัวไปเหมือนกัน ฉันเข้าใจความรู้สึกดี”

    “แล้ว...ตอนที่พี่อยู่ที่นั่น พี่ดวงแขเขา...เอ่อ...เป็นยังไงบ้าง”

    “นอนเป็นผักบนเตียง มีสายห้อยเต็มไปหมด” เธอตอบตามภาพที่เห็น และก็เห็นว่าตรีรัตน์มีใบหน้าเศร้าลง

    “อย่าเศร้าไปเลยตรีรัตน์ นายพนารักคุณดวงแขมาก ฉันว่าช่วงที่คุณดวงแขอยู่กับนายพนา นายพนาต้องดูแลคุณดวงแขอย่างดีแน่” ธิดาพูดปลอบใจ

สาวรุ่นน้อง

    “เขาว่าคนสวยมักอาภัพรัก...” แต่ตรีรัตน์กลับพูดในสิ่งตรงข้ามกับเธอ

    “คนสวยไม่ได้อาภัพรักทุกคนหรอก แต่คนที่สวยแล้วอาภัพรักเพราะว่าเธอคนนั้นรักไม่เป็นต่างหาก” ธิดาพูดพร้อมรอยยิ้มเป็นการปลอบใจ

“เพราะฉะนั้นจะสวยหรือไม่สวยไม่เกี่ยว เพราะถ้าเรารักเป็น เราก็จะไม่รู้สึกว่าอาภัพ”  



    “ถึงดาวลูกแม่

    สุขภาพของลูกเป็นอย่างไรบ้าง หวังอาการป่วยของจะดีในเร็ววันเร็วคืน แต่แม่ขอโทษที่มีเรื่องกวนใจจนต้องเขียนมาหาลูก แม้ว่าดวงแขจะสั่งห้ามไว้

ไม่ให้แม่พูด และถ้าแม่ไม่แกะจดหมายของดวงแขอ่าน แม่ก็คงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวตัวเอง แต่คนเป็นแม่มีหรือจะปล่อยให้ลูกของตัวเองต้องทน

ทรมานกับความรักที่ไม่มีวันเป็นจริง

    ตอนนี้ดวงแขตั้งท้องได้เกือบสองเดือนแล้ว และท้องกับใครนั้นลูกคงรู้แล้ว และแม่คงไม่ต้องเอ่ยชื่อซ้ำอีก เพราะหากมีใครมาอ่านจดหมายเข้า พวก

เราอาจเดือดร้อน รวมถึงพ่อของเด็กในท้องอาจจะเดือดร้อนได้ แต่แม่ก็ไม่ยอมให้ลูกสาวของแม่เป็นหญิงท้องไม่มีพ่อเป็นแน่

ดาว แม่อยากรู้ว่าลูกจะกลับมาหาแม่ได้เมื่อไหร่ แม่ร้อนใจเหลือเกินที่ปรึกษาลูก  

                                                                                                                             ลาโพ



    ดาราพับจดหมายเก็บใส่ซองตามเดิม หลายต่อหลายครั้งที่เธอหยิบจดหมายที่ส่งมาจากหมู่บ้านกะเหรี่ยงมาอ่านซ้ำไปซ้ำมา ลายมือหวัดของแม่ที่

ปรากฏบนกระดาษใบนี้คงถูกเขียนด้วยอารมณ์ที่ร้อนรน เธอนึกโทษตัวเองที่ทำให้แม่ต้องเป็นทุกข์ได้ขนาดนั้นและรวมถึงผู้หญิงอีกคนที่เธอรักต้องมารับ

เคราะห์แทนเธอ แต่จดหมายทุกฉบับนั้นเป็นดั่งสิ่งเติมความแค้นให้มันไม่มอดไหม้ไปกับกาลเวลา คุณนายแห่งมูนไลท์ลุกขึ้นเดินไปมองวามเป็นไปของผับ

ในยามนี้ เธอมองสาวดาวเด่นคนนั้นกำลังทำงานของเธออย่างเต็มที่เพื่อแลกกับเงินส่งเสียทางบ้าน

    “ฉันจะทำให้ชีวิตเธอทรมานเหมือนกับชีวิตของผู้หญิงที่ฉันรัก”

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของลูกน้องผมสีทองแดงที่ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเครียด เขาหยุดมองหญิงสาวร่างงามที่กำลัเงยหน้ามามอง ในหัว

กำลังนึกคำพูดเพื่ออธิบายกับนายหญิงคนนี้ เขาจะบอกเธออย่างไรเรื่องข่าวของไอ้เด็กคนนั้น

    “บอกฉันสิว่า...ไอ้พิณมันตายแล้ว”

    แต่เขากลับถูกตั้งคำถามก่อนที่จะเริ่มพูด เสียงถอนหายใจจากเจ้านายสาวทำให้เขารู้ว่าไม่พอใจในความเงียบ เสียงเคาะโต๊ะกระจกด้วยเล็บฉาบสี

แดงดังเป็นจังหวะที่สั่นประสาทเขาได้ดี

    “มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ” เสียงของเธอแข็งกว่าทุกที  

    “นายทรงชัยบอกว่า มีใครบางคนซ้อนแผนเขา” เขารีบอธิบายเพิ่ม

    “ซ้อนแผน ?” ดาราเลิกคิ้วถาม “หมายความว่านายก้องปฐพีนั่นรู้หรือว่าเราจะทำอะไร”    
  
    “มันก็ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่นายทรงชัยอ้างว่าเขาวางแผนอย่างดีเพื่อหลอกให้มันเชื่อใจคนงานของเขาแล้ว แต่นายทรงชัยมั่นใจว่าต้องเป็นคน

ในหมู่บ้านแน่ๆ และต้องเป็นคนที่รู้เรื่องภายในของชลธารดีด้วย” ชายหัวทองแดงเอ่ยอธิบาย

     “แล้วนายทรงชัยมั่นใจได้ยังไงว่านายก้องปฐพีนั่นไว้ใจคนงานของเขา” ดารากลับมานั่งบนเก้าอี้ของตัวเองแล้วจุดบุหรี่สูบเพื่อให้อารมณ์เย็นลง การ

เอาชีวิตเด็กหนุ่มที่มีแผลเป็นบนหัวคิ้วกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว

    “มันบอกว่ามันขอให้หมอประจำหมู่บ้านร่วมมือ เธอบอกวิธีที่จะทำให้นายก้องปฐพีไม่สงสัยว่าคนที่เป็นมือฆ่าคือใคร”

    “นายทรงชัยมันร้ายกาจนัก นี่มันคงคิดจะหลอกใช้คุณหมอให้ทำงานแทน แต่ถึงอย่างไรมันก็ทำงานให้ฉันพลาด” หญิงสาวพูดพลางขยี้ก้นบุหรี่กับ

จานเซรามิคใบเล็ก

    “นายทรงชัยทำพลาดแบบนี้ให้ผมจัดการให้เลยดีไหมครับ”

    “ไม่ต้องฉันจะให้โอกาสมันอีกครั้ง... ฉันจะไปราชบุรี เธอรอคำสั่งที่นี่ระหว่างที่ฉันไม่อยู่”

    “คุณนายครับ” เขาเรียกเธอก่อนที่เธอจะเดินออกจาห้อง

“ผมอยากรู้ว่าเผื่อไว้ว่า...จะจัดการกับเสี่ยอย่างไรเมื่อสิ่งที่คุณนายทำอยู่สำเร็จ”

    ดารามองลูกน้องหัวย้อมสีด้วยสายตาครุ่นคิด ความกระหายในเงินทองและความอยากที่จะครอบครองมูนไลท์ดูจะเป็นสิ่งเดียวที่ชายคนนี้ต้องการ แต่

นั่นก็เป็นข้อตกลงระหว่างเธอและเขาในวันที่เจอกันครั้งแรก

ในวันที่เธอระเหเร่ร่อนมาจากต่างถิ่นด้วยเงินทองมากมาย ในวันที่ชีวิตโดดเดี่ยวไร้ญาติขาดมิตรในเมืองหลวง ในวันที่หญิงสาวช้ำชอกไปทั้งร่างกายและจิต

ใจในตอนนั้นไม่ได้ชายตามองของมีค่ามหาศาลที่ติดตัวมาเลยสักนิด เพราะสิ่งที่เธอคิดในหัวตอนนั้นคือการแก้แค้น และชายคนนี้แหละที่เธอรู้ว่าเขาต้อง

ช่วยเธอได้ และเธอเองที่สัญญาว่าจะมอบทุกสิ่งที่เขาต้องการเมื่อช่วยเธอแก้แค้นจนสำเร็จ

    “เธอจะเอาเสี่ยไปไว้ที่ไหนก็แล้วแต่เธอ เรื่องของเสี่ยไม่ได้อยู่ในข้อตกลง”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่