หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่สิบหก
ธิดาเลือกนั่งอ่านบทละครบนแคร่ใต้ถุนเรือน เธอพยายามคับสมาธิให้จดจ่อกับตัวหนังสือแต่ช่างทำได้ยากเหลือเกิน เพราะใจพะวงแต่
เรื่องที่พี่ชายรู้แล้วว่าเธอโกหก และตั้งแต่เช้าจนบ่ายยังไม่เห็นหน้าเขา จะไปขอโทษตอนนี้ก็ยังไม่กล้าสู้หน้า
“วันนี้ไม่ลงไปหมู่บ้านเหรอ” เสียงแหลมของสาวผมมวยตะโกนจากหน้าเรือน ตรีรัตน์ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์ของเธอแล้วเดินเข้ามาหา
หญิงสาวรุ่นพี่ ในมือของสาวน้อยถือพวงมะม่วงสุกสีเหลืองสวยห้อยโตงเตง
“นี่...ดูสิ มะม่วงป่า ฉันแวะเก็บข้างทาง น่ากินไหม” ตรีรัตน์โชว์ผลงานโจรกรรมมะม่วงจากเทพารักษ์ด้วยความภาคภูมิ
“ปอกให้หน่อยนะ” เธอวางผลไม้บนแคร่พร้อมใบหน้ายิ้มแฉ่ง
ธิดาเดินขึ้นเรือนไปหยิบมีดพกในกระเป๋าแล้วลงมาปอกมะม่วงอย่างรู้หน้าที่ ตรีรัตน์มาเที่ยวเล่น พูดคุยกับเธอเกือบทุกวัน บางวันก็มาเป็น
ลูกมือช่วยงานก่อสร้าง บางวันก็มาเป็นเพื่อนเล่นเด็กสามวา สาวผมมวยคนนี้ก็ช่างเสวนาหาเรื่องมาชวนเธอคุยได้ทั้งวันจริงๆ
“ตรีรัตน์ ฉันอยากถามเธอเรื่องคุณดวงแขอีก” ธิดาเอ่ยกับสาวเจ้าของมะม่วง
“เรื่องอะไรล่ะ” สาวน้อยคว้ามะม่วงชิ้นแรกเข้าปากเคี้ยวแล้วทำหน้าเหยเพราะรสชาติที่เปรี้ยวจี๊ดแม้เปลือกจะเป็นสีเหมืองทองแล้วก็ตาม
“คุณดวงแขเขามีญาติหรือเปล่า คือวันก่อนฉันเห็นมีผู้หญิงหน้าตาสวยคนหนึ่งมาไหว้หลุมศพคุณดวงแข”
“ญาติ...ไม่มีนะ ก็เห็นมีกันแค่สองแม่ลูก จะมีก็สามีของยายลาโพ แต่ก็เลิกกันไปนานแล้ว ได้ยินว่าตายไปแล้วด้วย” ตรีรัตน์เล่าพลางคว้า
มะม่วงชิ้นที่สอง
“จริงหรือ...” ธิดาย่นคิ้ว เธอหยุดมือทำท่าครุ่นคิด
“อืม...แล้วยิ่งบอกว่าเป็นผู้หญิงสวยยิ่งไม่รู้หรอก บางทีอาจเป็นคนที่มาขอหวยวิญญาณของสองแม่ลูกล่ะมัง คนแถวนี้บอกว่าให้หวยแม่น
เหมือนกันนะ ว่างๆฉันจะชวนพี่ไปส่องด้วยกันอยู่”
“ฉันไม่ใช่คนบ้าหวย” ธิดาบอกปัด
“ไปเป็นเพื่อนเฉยๆ น่า ชาวบ้านเขาไปตีเลขจากป้ายหลุมศพกัน” ตรีรัตน์รู้ทันทีว่าพี่สาวคนนี้หาข้ออ้างไม่ไปที่หลุมฝังศพถ้าไม่มีเหตุจำ
เป็น
“มันตีเป็นเลขกันได้ขนาดนั้นเลยหรือไง” คนไม่บ้าหวยถามอย่างสงสัย
“ก็เลข ชาตะ มรณะ ไง บวกลบคูณหารไปมา มันก็ได้เลขออกมาเอง” ตรีรัตน์ทนรอให้ธิดาฝานชิ้นต่อไปไม่ไหว เธอเอามีดในมือของหญิง
สาวมาจัดการฝานเนื้อมะม่วงแล้วเอาเข้าปากทันที
“แต่ถ้าพี่อยากรู้เรื่องญาติพี่ดวงแขจริงๆ ทำไมไม่เข้าไปดูในห้องเขาล่ะ เผื่อจะมีรูปถ่ายอะไรเก็บไว้บ้าง”
“ห้องมันล็อคกุญแจอยู่ ถ้าไม่ทำลายกุญแจก็เข้าไปไม่ได้ แล้วแบบนั้นเขาก็รู้กันว่าฉันบุกรุกเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต” เธอบอก
เหตุผลแล้วแหงนหน้ามองแผ่นไม้กระดานเหนือหัว
“ฉันเคยยายเก็บกุญแจไว้อยู่นะ” ตรีรัตน์พูดไปแทะเมล็ดมะม่วงไป
“แล้วจะหาเหตุผลอะไรไปขอยายล่ะ จะบอกว่าขอเข้าไปค้นห้องก็โดนดุยกใหญ่ ไม่เอาหรอก ฉันไม่อยากให้ใครมองว่าจุ้นจ้าน ชอบสร้าง
ปัญหา ตอนนี้แค่อยู่เฉยๆยังโดนจับตามองเลย” ธิดาพูดด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด ถึงจะไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครก็ตามแต่ปัญหาที่ยังค้างเติ่งใน
หัวเธอล่ะ ใครจะเป็นคนตอบปัญหาให้
เธอหงายล้มนอนบนแคร่อย่างหมดหวัง ธิดามองแผ่นไม้กระดานเหนือหัวที่มีบางแผ่นสึกมีรูโหว่จนเห็นสิ่งที่อยู่ด้านบน ความเก่าของเรือนนี้
คงยังไม่มีใครมาซ่อมแซมตั้งแต่เจ้าของเรือนไม่อยู่ และแล้วความคิดบางอย่างแล่นผ่าน หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วสำรวจการเชื่อมต่อของแผ่นไม้
ใกล้ๆ และรอยยิ้มก็ผุดบนใบหน้า เธอรู้แล้วว่าถ้าเข้าทางประตูไม่ได้ก็ยังมีทางอื่นนี่
“พี่นี่ก็ซนเหมือนกันนะ รอยแผลเป็นเล็กๆเต็มเลย” เสียงตรีรัตน์ดังขึ้นหยุดความคิดของเธอ ธิดามองสาวผมจุกที่กำลังส่องผิวขาเธออย่าง
สนใจ ธิดาอยากบอกเสียเหลือเกินว่าร่องรอยเหล่านั้นไม่ได้เกิดจากความซน แต่เกิดจากความซวยล้วนๆ และสิ่งที่เพิ่งเกิดในหัวของเธอครั้งนี้ก็
อาจจะนำพาไปสู่ความซวยด้วยเช่นกัน จารชนแสนซนต้องหาผู้ช่วยร่วมซวยด้วยเสียแล้ว
“แหม...แบบนี้สิถึงจะไปกับฉันได้ ตอนเด็กๆฉันก็ซนไม่เป็นรองใครเหมือนกัน” ตรีรัตน์เงยหน้ายิ้ม
********************
หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่สิบหก
http://ppantip.com/topic/32414303
ตอนที่สิบสี่
http://ppantip.com/topic/32459073
ตอนที่สิบห้า
http://ppantip.com/topic/32472296
ธิดาเลือกนั่งอ่านบทละครบนแคร่ใต้ถุนเรือน เธอพยายามคับสมาธิให้จดจ่อกับตัวหนังสือแต่ช่างทำได้ยากเหลือเกิน เพราะใจพะวงแต่
เรื่องที่พี่ชายรู้แล้วว่าเธอโกหก และตั้งแต่เช้าจนบ่ายยังไม่เห็นหน้าเขา จะไปขอโทษตอนนี้ก็ยังไม่กล้าสู้หน้า
“วันนี้ไม่ลงไปหมู่บ้านเหรอ” เสียงแหลมของสาวผมมวยตะโกนจากหน้าเรือน ตรีรัตน์ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์ของเธอแล้วเดินเข้ามาหา
หญิงสาวรุ่นพี่ ในมือของสาวน้อยถือพวงมะม่วงสุกสีเหลืองสวยห้อยโตงเตง
“นี่...ดูสิ มะม่วงป่า ฉันแวะเก็บข้างทาง น่ากินไหม” ตรีรัตน์โชว์ผลงานโจรกรรมมะม่วงจากเทพารักษ์ด้วยความภาคภูมิ
“ปอกให้หน่อยนะ” เธอวางผลไม้บนแคร่พร้อมใบหน้ายิ้มแฉ่ง
ธิดาเดินขึ้นเรือนไปหยิบมีดพกในกระเป๋าแล้วลงมาปอกมะม่วงอย่างรู้หน้าที่ ตรีรัตน์มาเที่ยวเล่น พูดคุยกับเธอเกือบทุกวัน บางวันก็มาเป็น
ลูกมือช่วยงานก่อสร้าง บางวันก็มาเป็นเพื่อนเล่นเด็กสามวา สาวผมมวยคนนี้ก็ช่างเสวนาหาเรื่องมาชวนเธอคุยได้ทั้งวันจริงๆ
“ตรีรัตน์ ฉันอยากถามเธอเรื่องคุณดวงแขอีก” ธิดาเอ่ยกับสาวเจ้าของมะม่วง
“เรื่องอะไรล่ะ” สาวน้อยคว้ามะม่วงชิ้นแรกเข้าปากเคี้ยวแล้วทำหน้าเหยเพราะรสชาติที่เปรี้ยวจี๊ดแม้เปลือกจะเป็นสีเหมืองทองแล้วก็ตาม
“คุณดวงแขเขามีญาติหรือเปล่า คือวันก่อนฉันเห็นมีผู้หญิงหน้าตาสวยคนหนึ่งมาไหว้หลุมศพคุณดวงแข”
“ญาติ...ไม่มีนะ ก็เห็นมีกันแค่สองแม่ลูก จะมีก็สามีของยายลาโพ แต่ก็เลิกกันไปนานแล้ว ได้ยินว่าตายไปแล้วด้วย” ตรีรัตน์เล่าพลางคว้า
มะม่วงชิ้นที่สอง
“จริงหรือ...” ธิดาย่นคิ้ว เธอหยุดมือทำท่าครุ่นคิด
“อืม...แล้วยิ่งบอกว่าเป็นผู้หญิงสวยยิ่งไม่รู้หรอก บางทีอาจเป็นคนที่มาขอหวยวิญญาณของสองแม่ลูกล่ะมัง คนแถวนี้บอกว่าให้หวยแม่น
เหมือนกันนะ ว่างๆฉันจะชวนพี่ไปส่องด้วยกันอยู่”
“ฉันไม่ใช่คนบ้าหวย” ธิดาบอกปัด
“ไปเป็นเพื่อนเฉยๆ น่า ชาวบ้านเขาไปตีเลขจากป้ายหลุมศพกัน” ตรีรัตน์รู้ทันทีว่าพี่สาวคนนี้หาข้ออ้างไม่ไปที่หลุมฝังศพถ้าไม่มีเหตุจำ
เป็น
“มันตีเป็นเลขกันได้ขนาดนั้นเลยหรือไง” คนไม่บ้าหวยถามอย่างสงสัย
“ก็เลข ชาตะ มรณะ ไง บวกลบคูณหารไปมา มันก็ได้เลขออกมาเอง” ตรีรัตน์ทนรอให้ธิดาฝานชิ้นต่อไปไม่ไหว เธอเอามีดในมือของหญิง
สาวมาจัดการฝานเนื้อมะม่วงแล้วเอาเข้าปากทันที
“แต่ถ้าพี่อยากรู้เรื่องญาติพี่ดวงแขจริงๆ ทำไมไม่เข้าไปดูในห้องเขาล่ะ เผื่อจะมีรูปถ่ายอะไรเก็บไว้บ้าง”
“ห้องมันล็อคกุญแจอยู่ ถ้าไม่ทำลายกุญแจก็เข้าไปไม่ได้ แล้วแบบนั้นเขาก็รู้กันว่าฉันบุกรุกเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต” เธอบอก
เหตุผลแล้วแหงนหน้ามองแผ่นไม้กระดานเหนือหัว
“ฉันเคยยายเก็บกุญแจไว้อยู่นะ” ตรีรัตน์พูดไปแทะเมล็ดมะม่วงไป
“แล้วจะหาเหตุผลอะไรไปขอยายล่ะ จะบอกว่าขอเข้าไปค้นห้องก็โดนดุยกใหญ่ ไม่เอาหรอก ฉันไม่อยากให้ใครมองว่าจุ้นจ้าน ชอบสร้าง
ปัญหา ตอนนี้แค่อยู่เฉยๆยังโดนจับตามองเลย” ธิดาพูดด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด ถึงจะไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครก็ตามแต่ปัญหาที่ยังค้างเติ่งใน
หัวเธอล่ะ ใครจะเป็นคนตอบปัญหาให้
เธอหงายล้มนอนบนแคร่อย่างหมดหวัง ธิดามองแผ่นไม้กระดานเหนือหัวที่มีบางแผ่นสึกมีรูโหว่จนเห็นสิ่งที่อยู่ด้านบน ความเก่าของเรือนนี้
คงยังไม่มีใครมาซ่อมแซมตั้งแต่เจ้าของเรือนไม่อยู่ และแล้วความคิดบางอย่างแล่นผ่าน หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วสำรวจการเชื่อมต่อของแผ่นไม้
ใกล้ๆ และรอยยิ้มก็ผุดบนใบหน้า เธอรู้แล้วว่าถ้าเข้าทางประตูไม่ได้ก็ยังมีทางอื่นนี่
“พี่นี่ก็ซนเหมือนกันนะ รอยแผลเป็นเล็กๆเต็มเลย” เสียงตรีรัตน์ดังขึ้นหยุดความคิดของเธอ ธิดามองสาวผมจุกที่กำลังส่องผิวขาเธออย่าง
สนใจ ธิดาอยากบอกเสียเหลือเกินว่าร่องรอยเหล่านั้นไม่ได้เกิดจากความซน แต่เกิดจากความซวยล้วนๆ และสิ่งที่เพิ่งเกิดในหัวของเธอครั้งนี้ก็
อาจจะนำพาไปสู่ความซวยด้วยเช่นกัน จารชนแสนซนต้องหาผู้ช่วยร่วมซวยด้วยเสียแล้ว
“แหม...แบบนี้สิถึงจะไปกับฉันได้ ตอนเด็กๆฉันก็ซนไม่เป็นรองใครเหมือนกัน” ตรีรัตน์เงยหน้ายิ้ม
********************