“คนเป็น “มะเร็ง” ไม่ได้โชคร้ายเสมอไป ถ้ารักษาต่อเนื่อง อนาคตยังมีโอกาสพบคำว่า “หาย” แต่ถ้าท้อแล้วล้มเลิกกลางคัน จะมีแต่ความเจ็บปวด ทรมาน จนถึงชีวิต อยู่ที่ว่าจะเลือกแบบไหน” คำพูดที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรงของ น้องหนู - ศศิร์ธา วิทยานนท์ อดีตผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 4 (ระยะสุดท้าย) แม้การฉายแสง 30 แสงกับเคมีบำบัดอีก 20 ครั้งจะส่งผลให้เธอเกิดภาวะติดเชื้อขั้นรุนแรงแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ตาม แต่เธอไม่เคยยอมแพ้ จนปาฏิหาริย์ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้น
น้องหนูเป็นคนสุขภาพแข็งแรง มีป่วยไข้บ้างก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เมื่อต้นปี 2549 เอกซเรย์พบว่ามีก้อนผิดปกติอยู่ตรงบริเวณขั้วปอด จึงตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลออกมาว่าน้องหนูเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิด Non-Hodgkin Lymphoma นอกจากพบก้อนมะเร็งตรงขั้วปอดแล้ว ยังพบเซลล์มะเร็งในไขกระดูกด้วย จึงถือว่าเป็นระยะที่4 โดยอัตโนมัติ (ระยะสุดท้าย)
จากนั้นชีวิตเหมือนโดนดึงปลั๊ก
ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งร้องไห้พร้อมกับคำถามที่ตามมามากมาย
“ทำไมต้องเป็นเรา(วะ)”
แล้วหมอก็พูดว่า
"การรักษาที่ดีไม่ใช่แค่หมอเก่งจะพอ คนไข้ต้องเชื่อฟัง ครอบครัวต้องช่วยด้วยจึงเห็นผล ร้องไห้ไปก็เท่านั้น เดินหน้ารักษาดีกว่า”
และพูดทิ้งท้ายอีกว่า
“ถ้ารักษาไม่หาย เค้าไม่เสียเวลาคุยด้วย”
ได้ฟังคำพูดของหมอแบบนั้นส่งผลให้น้องหนูรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที
ปาฏิหาริย์ครั้งที่ 1
เกิดขึ้นเมื่อน้องหนูอาการแย่ จำเป็นต้องใช้เกล็ดเลือดด่วน เพื่อนก็บอกกันปากต่อปาก ใครช่วยอะไรได้ก็ช่วย บางคนลงประกาศขอบริจาคเลือดขึ้นเว็บไซต์ อีกคนก็ขอบริจาคผ่านรายการวิทยุ ไม่น่าเชื่อว่าวันนั้นจะเกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้น้องหนูตื้นตันและอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะทั้งคนรู้จักและไม่รู้จัก แม้กระทั่งคนที่ไม่ถูกกันก็ยังมาช่วยบริจาคให้ จนหนูผ่านวิกฤติไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
ปาฏิหารย์ครั้งที่ 2
หลังจากที่ไม่ได้พบหน้าพ่อเลย หลังจากที่พ่อกับแม่แยกทางกันไปเมื่อ 6 ปีก่อนหน้านี้ ในที่สุด พ่อก็กลับมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล โดยไม่รู้มาก่อนแม้แต่น้อย ไม่มีใครบอก ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำไป วินาทีแรกที่ได้เจอหน้ากัน น้ำตาแห่งความยินดีจึงหลั่งไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะสวมกอดกันอยู่นาน และพูดคุยประสาพ่อลูกในแบบที่เคยเป็นมาก่อน..
ปาฏิหาริย์ครั้งที่ 3
เมื่อผู้บริหาร หัวหน้า และเพื่อนที่ทำงานร่วมแรงร่วมใจกันขายสายรัดข้อมือเพื่อนำเงินมาต่อชีวิตกับยาคีโมตัวใหม่ ค่าใช่จ่ายครั้งละ 1,300,000 บาท ผลข้างเคียงของยาปรากฏขึ้น และรุนแรงกว่าทุกครั้ง จากที่เคยป่วยอย่างมาก 7-10 วัน กลายเป็นว่าต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน แต่เหมือนว่าเมื่ออาการของโรคเดินมาถึงจุดแย่สุดแล้ว เรื่องดีก็ตามมา อาการน้องหนูค่อยๆ ดีขึ้น ตรวจครั้งล่าสุดก็พบข่าวดีว่าก้อนเนื้อ 2 เซนติเมตรไม่ตอบสนองแล้ว หมอจึงหยุดยา
ผ่านไป 2 เดือนกลับมาทำซีทีสแกน ใครจะเชื่อว่าปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นอีกครั้งเพราะก้อนเนื้อนั้นหายไปแล้ว
จนปัจจุบันโรคสงบมาครบ 5 ปีแล้วจึงเรียกได้ว่า
“หายขาด” และสามารถใช้คำว่า
“อดีตผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง”
ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ความที่หมอเห็นว่าน้องหนูเป็นผู้ป่วยที่มีกำลังใจดี ร่าเริง เลยยกเป็นเคสตัวอย่างกับนักศึกษาแพทย์ทั้งในโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลอื่น รวมทั้งให้ไปพูดคุยกับผู้ป่วยมะเร็ง
“หนูมีวันนี้เพราะน้ำใจจริงๆ เพราะฉะนั้นหนูพยายามช่วยผู้ป่วยรายอื่นเท่าที่เราสามารถ อย่างน้อยเพื่อให้คนที่ช่วยอิ่มใจว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หนูได้รับเกิดผลแล้ว”
ปัจจุบัน น้องหนูยังคงเดินหน้าให้กำลังใจผู้ป่วย และเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งอื่นๆ ร่วมกับคุณหมอต่อไป เพราะหนูเชื่อว่า MIRACLE is all around ค่ะ^^
น้องหนู ศศิร์ธา วิทยานนท์
และวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2557 นี้ จะมีงาน Miracle is all around ซึ่งจะเป็นการ บอกเล่าประสบการณ์ ของผู้เป็นมะเร็ง แต่หายแล้ว.. เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทุกคน
ณ สยามสมาคม ถนนอโศก ครับ
ซึ่งสามารถ ลงทะเบียนร่วมงานได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
โทร 083-291-1188
หรือ facebook
https://www.facebook.com/thailymphoma
โชคดีที่เป็นมะเร็ง ...เรื่องจริงของน้องหนู กับ 3 ปาฏิหาริย์ ตอนเป็นมะเร็ง
น้องหนูเป็นคนสุขภาพแข็งแรง มีป่วยไข้บ้างก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เมื่อต้นปี 2549 เอกซเรย์พบว่ามีก้อนผิดปกติอยู่ตรงบริเวณขั้วปอด จึงตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลออกมาว่าน้องหนูเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิด Non-Hodgkin Lymphoma นอกจากพบก้อนมะเร็งตรงขั้วปอดแล้ว ยังพบเซลล์มะเร็งในไขกระดูกด้วย จึงถือว่าเป็นระยะที่4 โดยอัตโนมัติ (ระยะสุดท้าย)
จากนั้นชีวิตเหมือนโดนดึงปลั๊ก
ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งร้องไห้พร้อมกับคำถามที่ตามมามากมาย
“ทำไมต้องเป็นเรา(วะ)”
แล้วหมอก็พูดว่า
"การรักษาที่ดีไม่ใช่แค่หมอเก่งจะพอ คนไข้ต้องเชื่อฟัง ครอบครัวต้องช่วยด้วยจึงเห็นผล ร้องไห้ไปก็เท่านั้น เดินหน้ารักษาดีกว่า”
และพูดทิ้งท้ายอีกว่า
“ถ้ารักษาไม่หาย เค้าไม่เสียเวลาคุยด้วย”
ได้ฟังคำพูดของหมอแบบนั้นส่งผลให้น้องหนูรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที
ปาฏิหาริย์ครั้งที่ 1
เกิดขึ้นเมื่อน้องหนูอาการแย่ จำเป็นต้องใช้เกล็ดเลือดด่วน เพื่อนก็บอกกันปากต่อปาก ใครช่วยอะไรได้ก็ช่วย บางคนลงประกาศขอบริจาคเลือดขึ้นเว็บไซต์ อีกคนก็ขอบริจาคผ่านรายการวิทยุ ไม่น่าเชื่อว่าวันนั้นจะเกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้น้องหนูตื้นตันและอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะทั้งคนรู้จักและไม่รู้จัก แม้กระทั่งคนที่ไม่ถูกกันก็ยังมาช่วยบริจาคให้ จนหนูผ่านวิกฤติไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
ปาฏิหารย์ครั้งที่ 2
หลังจากที่ไม่ได้พบหน้าพ่อเลย หลังจากที่พ่อกับแม่แยกทางกันไปเมื่อ 6 ปีก่อนหน้านี้ ในที่สุด พ่อก็กลับมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล โดยไม่รู้มาก่อนแม้แต่น้อย ไม่มีใครบอก ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำไป วินาทีแรกที่ได้เจอหน้ากัน น้ำตาแห่งความยินดีจึงหลั่งไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะสวมกอดกันอยู่นาน และพูดคุยประสาพ่อลูกในแบบที่เคยเป็นมาก่อน..
ปาฏิหาริย์ครั้งที่ 3
เมื่อผู้บริหาร หัวหน้า และเพื่อนที่ทำงานร่วมแรงร่วมใจกันขายสายรัดข้อมือเพื่อนำเงินมาต่อชีวิตกับยาคีโมตัวใหม่ ค่าใช่จ่ายครั้งละ 1,300,000 บาท ผลข้างเคียงของยาปรากฏขึ้น และรุนแรงกว่าทุกครั้ง จากที่เคยป่วยอย่างมาก 7-10 วัน กลายเป็นว่าต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน แต่เหมือนว่าเมื่ออาการของโรคเดินมาถึงจุดแย่สุดแล้ว เรื่องดีก็ตามมา อาการน้องหนูค่อยๆ ดีขึ้น ตรวจครั้งล่าสุดก็พบข่าวดีว่าก้อนเนื้อ 2 เซนติเมตรไม่ตอบสนองแล้ว หมอจึงหยุดยา
ผ่านไป 2 เดือนกลับมาทำซีทีสแกน ใครจะเชื่อว่าปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นอีกครั้งเพราะก้อนเนื้อนั้นหายไปแล้ว
จนปัจจุบันโรคสงบมาครบ 5 ปีแล้วจึงเรียกได้ว่า
“หายขาด” และสามารถใช้คำว่า
“อดีตผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง”
ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ความที่หมอเห็นว่าน้องหนูเป็นผู้ป่วยที่มีกำลังใจดี ร่าเริง เลยยกเป็นเคสตัวอย่างกับนักศึกษาแพทย์ทั้งในโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลอื่น รวมทั้งให้ไปพูดคุยกับผู้ป่วยมะเร็ง
“หนูมีวันนี้เพราะน้ำใจจริงๆ เพราะฉะนั้นหนูพยายามช่วยผู้ป่วยรายอื่นเท่าที่เราสามารถ อย่างน้อยเพื่อให้คนที่ช่วยอิ่มใจว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หนูได้รับเกิดผลแล้ว”
ปัจจุบัน น้องหนูยังคงเดินหน้าให้กำลังใจผู้ป่วย และเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งอื่นๆ ร่วมกับคุณหมอต่อไป เพราะหนูเชื่อว่า MIRACLE is all around ค่ะ^^
น้องหนู ศศิร์ธา วิทยานนท์
และวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2557 นี้ จะมีงาน Miracle is all around ซึ่งจะเป็นการ บอกเล่าประสบการณ์ ของผู้เป็นมะเร็ง แต่หายแล้ว.. เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทุกคน
ณ สยามสมาคม ถนนอโศก ครับ
ซึ่งสามารถ ลงทะเบียนร่วมงานได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
โทร 083-291-1188
หรือ facebook https://www.facebook.com/thailymphoma