ถ้าคุณกำลังมองหารองเท้าวิ่งซักคู่ เรื่องไซส์ใครว่าไม่สำคัญ (รองเท้าวิ่งคู่แรกกับชีวิตที่ผิดไซส์)
คุณเลือกซื้อรองเท้าด้วยเหตุผลอย่างไร? ราคา? แฟชั่น? ขนาดหรือรูปทรง? พื้นที่ลดแรงกระแทกเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ?
มีคำถามที่เพื่อนๆของผมถามเข้ามาเกี่ยวกับการวิ่งและรองเท้าที่เหมาะสม ผมเลยอยากที่จะแบ่งปันประสปการณ์การวิ่งกับรองเท้าของผมให้กับเพื่อนๆนครับ
#จุดเริ่มต้นของการวิ่ง#
ประมาณ 2 ปีที่แล้วช่วงก่อนสงกรานต์ผมตัดสินใจลองวิ่งออกกำลังกายตอนเย็นหลังจากการเดินเป็นประจำที่ศูนย์กีฬาประชาชื่น ตอนนั้นก็เดินกับ Converse คู่เก่าๆ เห็นคนวิ่งผ่านเราเรื่อยๆเข้าทุกวันเลยลองวิ่งดูบ้างกับ Converse นี่แหละ (ปกติผมจะเดินประมาณ 1 ชั่วโมงและเล่นเวทแต่ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร เล่นบ้านๆเพื่อร่างกายและสุขภาพ) ไม่ถึงเดือนผมจึงคิดว่าควรจะมีรองเท้าวิ่งจริงๆซักคู่
รองเท้าวิ่งคู่แรกของผมราคา 800 บาท ยี่ห้อ IQ SPORT น่าจะเป็นแบรนด์ของคนไทย
เหตุผลโดยรวมๆที่ซื้อรองเท้าวิ่งคู่นี้
1. ช่วงนั้นไม่ค่อยมีตังค์ (ช่วงนี้ก็มีไม่มากกว่าตอนนั้นซักเท่าไหร่ 5555555555 ห้ามยืมตังค์)
2. ไม่มีความรู้เรื่องการวิ่ง, ไม่รู้ว่าจะจริงจังกับการวิ่งหรือปล่าวเผื่อเลิกจะได้ไม่เสียดาย
3. ขนาด, ไซส์ ที่ใส่พอดีเป๊ะ 7.5US ถ้ารองเท้ามันหลวมกว่านี้ตอนวิ่งคงไม่กระชับมีโอกาสหลุดได้เหมือนตอนเตะบอล
เมื่อได้รองเท้าแล้วก็ต้องหาชุดวิ่ง ตอนนั้นผมใช้ระบบรีไซเคิล กางเกงวิ่งก็เอากางเกงนอนที่เป็นผ้าร่มดูคล้ายกางเกงวิ่งอยู่ หลวมนิดนึงตามสไตล์ผู้ชายบ้านๆ พับทบนึงเป็นอันใช้ได้ เสื้อเก่าๆก็มีหลายตัว สนามกีฬาก็อยู่ไกล้บ้านที่อยู่ตอนนั้น ความพร้อมถือว่าลงตัวแล้ว ถ้าเป็นภาษานักดนตรีก็คือ
“Ready To Rock”
ประมาณ 5 โมงเย็นเดินเท้าออกจากบ้านไปที่ศูนย์กีฬาประชาชื่น บางวันแดดยังร้อนใช้ได้เลย ผมออกวิ่งด้วยการถีบ 2 ขาไปข้างหน้า ไม่มีความรู้ ไม่มีหลักการ ไม่มีเครื่องดื่มเกลือแร่ ไม่ได้ถือน้ำไปเพราะวิ่งไม่นานก็คงจอด สรุปง่ายๆว่าผมคือนักวิ่งบ้านๆ
ตอนนั้นคิดว่าวิ่งได้ซัก 30 นาทีหรือ 5 กิโล ก็เทพย์แล้ว หุ่นดี 6 packs มาแน่ถ้าทำได้ ตอนนั้นวิ่งไปก็ไม่รู้หรอกที่วิ่งอยู่มันถูกต้องหรือปล่าว แล้วที่คนเขาชอบพูดกันว่าวิ่งแล้วจะเจ็บเข่ามันจริงมั้ย วิ่งไปก็มองนักวิ่งแถวนั้นไปว่าเขาวิ่งยังไง ใส่รองเท้าและเสื้อผ้าแบบไหน อะไรที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้วิ่งอย่างแข็งแรงได้ทุกวันเพราะที่เห็นเป็นคนหน้าเดิมๆทั้งนั้น บางคนมีอายุเรียกได้ว่ารุ่นลุงหรือป้าแต่รับรองได้ว่าพวกเขาแข็งแรงกว่าผมแน่นอน 12 รอบสนามลู่วิ่งเพื่อที่จะวิ่งได้ 5 กิโลไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ หอบแฮกๆทุกครั้งเมื่อถึงรอบ 7-8 บางวันวิ่งไม่จบ 5 กิโลก็มีถ้าแดดร้อนมาก ช่วงนั้นผมจะออกมาวิ่งวันเว้นวันโดยประมาณ เสาร์อาทิตย์ผมปาร์ตี้ไม่วิ่งหรอกครับ
วันนึงในระหว่างการดื่มเบียร์กับกลุ่มรุ่นพี่ พวกเราคุยกันเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงานตามปกติที่เจอกันทุกครั้ง (เมาทุกครั้งเช่นเดียวกัน) ตอนนั้นพวกพี่ๆบอกว่ากำลังทำงานวิ่ง
ADIDAS KING OF THE ROAD 2012 วันที่ 29 กรกฎาคม มีระยะ 5, 10 และ 16.8 กิโล "พอดีผมเพิ่งลองหัดวิ่ง งานวิ่งมันคืออะไรผมอยากลอง" เป็นสิ่งที่ผมตอบกลับไปแบบตึงๆ พี่ๆเลยชวนให้ผมมาวิ่ง ตอนนั้นในใจผมคิดว่าคงไม่ค่อยมีใครสมัครมาวิ่งมั้ง ตังค์ก็เสีย ตื่นก็เช้า ออกวิ่งตั้งแต่ตี 4.30 ที่สวนลุม จะมีคนออกมาสักเท่าไหร่ ถือว่าไปช่วยงานพี่ๆ ผมตัดสินใจลงวิ่งครั้งแรกที่ระยะ 16.8 กิโลเพราะรู้สึกท้าทายแต่ในใจก็คิดว่าวิ่งไปจะหัวใจวายมั้ยไกลมากเลยนะ พวกพี่ๆบอกผมว่า 16.8 ไม่ไกลมาก "กรุงเทพมาราธอนวิ่งตั้ง 42 กิโล"
(โห... คนที่วิ่งได้ไกลแบบนี้มันต้องบ้ามาก นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเมื่อรู้ถึงระยะของการวิ่งมาราธอน) ช่วงนั้นผมได้ลองวิ่งเป็น 10 กิโลบ้าง เพื่อให้ได้การออกกำลังกายติดต่อกันเป็น 1 ชั่วโมงจากการดู Youtube VDO ของอาจารย์มาร์ค Thai Top Fitness เรื่องการเผาผลาญไขมัน (วิ่งๆเดินๆ แล้วแต่จะไหว)
#ซ้อม ซ้อม และก็ซ้อม#
ผมจำได้ว่ามีเวลาประมาณ 1 เดือนในการเตรียมตัววิ่งแข่ง 16.8 กิโลครั้งแรกโดยเริ่มต้นจากการวิ่ง 10 กิโลตอนเย็นวันเว้นวันโดยประมาณให้ระบบการหายใจและกล้ามเนื้อทนไหวโดยที่ยังเดินกลับบ้านได้แบบไม่หมดสภาพ 2 สัปดาห์ก่อนแข่งผมเริ่มตื่นมาวิ่งตอนเช้า การตื่นเช้ามันยากที่สุดแล้วสำหรับนักดนตรีแต่สนามวิ่งอยู่ไกล้บ้านเดิน 5 นาทีก็ถึง ตื่น 6 โมงเพื่อไปวิ่ง 6 โมงครึ่งถือว่าไม่ยากเกินไป แต่ที่ยากที่สุดคือผมขอวัดใจกับระยะจริง 16.8 กิโล
ที่สวนลุมตอนตี 4.30 เวลาและสถานที่แข่งจริง
โอ้วววแค่ตื่นก็หืดจับแล้ว ผมขับรถถึงสวนลุมตี 4.15 ยืดเส้นยืดสายรอเวลาเปิด 4.30 เพื่อออกวิ่ง จากการวิ่งเช้าขนาดนี้ที่สวนลุมครั้งแรก สิ่งที่ผมเห็นคือมีแต่ผู้สูงอายุที่มาออกอย่างกระฉับกระเฉง บางคนดูแข็งแรงกว่าคนหนุ่มสาวซะอีกแล้วพวกที่ร่างกายกำลังแข็งแรงมัวแต่ทำอะไรอยู่ ผมวิ่งชมสวนไปเรื่อยด้วยความเร็วที่ขาจะพาไปไหวแบบไม่เร่งเรีบ ศึกษาระยะทางวิ่งรอบสวนลุมจากอินเตอร์เน็ตสรุปได้ว่า 1 รอบจะได้ 2.5 กิโล ผมจึงต้องวิ่ง 7 รอบรวมเป็น 17.5 กิโลเพื่อให้แน่ใจว่าวันจริงจะวิ่งจบ 16.8 กิโล
วิ่งจนสว่างก็ยังไม่ครบ 7 รอบซักที ตามฟอร์มครับ แผ่วลงตามเวลาที่ล่วงเลยแต่ก็วิ่งจนครบน่าจะจบที่เกือบๆ 7 โมง วันนั้นยังกลับบ้านไหวไม่รู้สึกว่าขาพัง ผมวิ่ง 16.8 กิโลอีกครั้งที่ศูนย์กีฬาประชาชื่น 42 รอบสนามลู่วิ่ง (400 เมตรต่อรอบ) วันนั้นฝนตกและก็ออกมาฟอร์มเดิมแบบอืดๆ ก่อนแข่ง 2 วันผมพักเต็มที่เลยเพราะกลัวไม่ไหว
#Moment of Truth#
ถึงคืนวันแข่งนอนไม่หลับซิครับ ต้องตื่นตี 2 ออกบ้านตี 3 เพื่อให้ถึงจุดปล่อยตัวก่อนตี 4 ซักนิดนึง พยายามหลับตั้งแต่ 2 ทุ่มแต่ก็ได้แค่หลับๆตื่นๆ พอไปถึงที่งานจริงถึงเป็นงงเงิบไปเลยเมือเห็น
คนออกมาวิ่งจำนวนมหาศาลถึงขั้นหลายพันคน (โอ้ววววนี่มันแหล่งรวมนักวิ่งตัวจริงจริงทั้งไทยและต่างชาติ แต่มาแล้วต้องเต็มที่เป็นไงเป็นกัน)
ก่อนก้าวข้ามจุดปล่อยตัวผมอธิษฐานกับพระเจ้าขอให้ผมวิ่งจบอย่างปลอดภัยและขอให้ทรงคุ้มครองพวกเราทุกคนด้วย ผมวิ่งออกไปด้วยความเร็วตามที่ซ้อมมาประมาณ 1 กิโลจึงเริ่มเร่งขึ้นตามคนข้างหน้า
ผมได้เรียนรู้จากงานวิ่งครั้งแรกว่าเพื่อนๆนักวิ่งคือแรงผลักดันที่ช่วยให้เราออกแรงวิ่งให้เร็วขึ้นกว่าที่ตัวเองเคยซ้อมมา ผมวิ่งจัดเต็มแบบมั่วๆเจอสะพานตากสินก็วิ่งขึ้นทั้งที่ไม่เคยวิ่งขึ้นทางชันแบบนี้มาก่อน พอถึงจุดกลับตัวครึ่งทางผมเริ่มมั่นใจว่าจะเข้าเส้นชัยแน่ๆขากลับลงสะพานตากสินมุ่งหน้ากลับสวนลุมผมเริ่มเร่งเต็มที่ แซงเพื่อนร่วมทางไปเรื่อยจนเห็นกำแพงสวนลุมเท่านั้นแหละระบบหายใจก็เริ่มแผ่ว แต่เสียงให้กำลังใจที่น้องๆทีมงานผู้จัดบอกว่าอีกนิดเดียวทำให้ผมฮึดขึ้นอีก เมื่อเห็นเส้นชัยผมเร่งแบบไม่คิดชีวิต เข้าเส้นชัยอย่างกับตัวเองได้ที่ 1 แต่เวลาที่ได้ 1.25 ชั่วโมงตามที่เห็นตอนวิ่งเข้าทำให้ผมแปลกใจว่าเราเองสามารถวิ่งได้ไกลด้วยเวลาเร็วขนาดนี้ได้จริง
เหรอ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากเพราะกำลังดีใจที่กับเหรียญงานวิ่งอันแรก
#รองเท้าเป็นแค่ตัวช่วย ตัวเราคือแรงขับเคลื่อนที่แท้จริง#
ตอนกลับถึงบ้านจึงได้
บทสรุปของรองเท้า IQ SPORT ราคา 800 บาทว่ามันก็ใช้วิ่งได้ การวิ่งมันอยู่ที่การฝึกซ้อมเตรียมร่างกายให้พร้อมและสำคัญที่สุดคือใจที่ไม่ยอมแพ้ รองเท้าแพงแต่ร่างกายและจิตใจไม่ไหวก็ไร้ประโยชน์ แต่เดี๋ยวก่อน...
เมื่อถอดรองเท้าออกจึงได้เห็นว่าเล็บนิ้วชี้ที่เท้าขวาของผมดำ!!!
เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันเป็นเพราะอะไร??? 1 สัปดาห์ต่อมาเล็บค่อยๆหลุดเองโดยออกแรงดึงออกนิดนึงแต่ดีที่ไม่เจ็บ ผมหาข้อมูลจาก blog นักวิ่งต่างประเทศและถามพนักงานขายรองเท้าจึงได้รู้ว่า
รองเท้าที่ผมใส่วิ่งนั้นมันเล็กไป ตัวเองเลือกขนาดรองเท้าผิดมาทั้งชีวิต ปกติถ้าวื่งเกียร์เต่าไม่ไกลคงไม่เป็นไร แต่ถ้าเร็วและไกลแบบนี้ดีแล้วที่เล็บไม่หลุดกลางทาง
งานเข้าสิครับ... ถ้าคิดจะวิ่งต่อต้องซื้อรองเท้าวิ่งใหม่ที่ไซส์ใหญ่ขึ้นนิดนึงโดยที่นิ้วเท้าเราจะไม่ชนหัวรองเท้าจนเกินไป คำแนะนำที่ผมได้ศึกษามาคือขยับไซส์รองเท้าขึ้นครึ่งถึงหนึ่งเบอร์
ผมเปลี่ยนจาก 7.5 เป็นเบอร์ 8 (จำให้ได้นะครับสำหรับบริษัทรองเท้าหากอยากจะสนับสนุนนักวิ่งบ้านๆอย่างผม 5555555555) หรือสวมรองเท้าคู่นั้นโดยที่สามารถจิ้มนิ้วชี้ของเราลงไปที่ส้นเท้าได้อย่างไม่ยากเกินไป
หากข้อมูลของผมเป็นประโยชน์ผมยินดีที่จะเขียน blog เรื่องรองเท้าคู่ต่อไปและการวิ่งมาราธอนครั้งแรกของผม
กรุงเทพมาราธอน พฤษจิกายน 2012
สถิติการวิ่งของผมโดยย่อ
4 มาราธอน (42.195k) กับอายุการวิ่ง 2 ปีครึ่ง เวลาที่ดีที่สุด 4.20 ชั่วโมง
กำลังฝึกซ้อมเพื่อลงแข่ง The North Face 100 Thailand 100k Solo
ซ้อมวิ่งโดยเฉลี่ย 100 กิโล ต่อสัปดาห์ วิ่งยาว 1 วัน 50 – 70 กิโล
ติดต่อกันได้ที่ facebook.com/jazzyfrankjazz
IG : Jazzyfrank
ถ้าคุณกำลังมองหารองเท้าวิ่งซักคู่ เรื่องไซส์ใครว่าไม่สำคัญ (รองเท้าวิ่งคู่แรกกับชีวิตที่ผิดไซส์)
ถ้าคุณกำลังมองหารองเท้าวิ่งซักคู่ เรื่องไซส์ใครว่าไม่สำคัญ (รองเท้าวิ่งคู่แรกกับชีวิตที่ผิดไซส์)
คุณเลือกซื้อรองเท้าด้วยเหตุผลอย่างไร? ราคา? แฟชั่น? ขนาดหรือรูปทรง? พื้นที่ลดแรงกระแทกเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ?
มีคำถามที่เพื่อนๆของผมถามเข้ามาเกี่ยวกับการวิ่งและรองเท้าที่เหมาะสม ผมเลยอยากที่จะแบ่งปันประสปการณ์การวิ่งกับรองเท้าของผมให้กับเพื่อนๆนครับ
#จุดเริ่มต้นของการวิ่ง#
ประมาณ 2 ปีที่แล้วช่วงก่อนสงกรานต์ผมตัดสินใจลองวิ่งออกกำลังกายตอนเย็นหลังจากการเดินเป็นประจำที่ศูนย์กีฬาประชาชื่น ตอนนั้นก็เดินกับ Converse คู่เก่าๆ เห็นคนวิ่งผ่านเราเรื่อยๆเข้าทุกวันเลยลองวิ่งดูบ้างกับ Converse นี่แหละ (ปกติผมจะเดินประมาณ 1 ชั่วโมงและเล่นเวทแต่ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร เล่นบ้านๆเพื่อร่างกายและสุขภาพ) ไม่ถึงเดือนผมจึงคิดว่าควรจะมีรองเท้าวิ่งจริงๆซักคู่
รองเท้าวิ่งคู่แรกของผมราคา 800 บาท ยี่ห้อ IQ SPORT น่าจะเป็นแบรนด์ของคนไทย
เหตุผลโดยรวมๆที่ซื้อรองเท้าวิ่งคู่นี้
1. ช่วงนั้นไม่ค่อยมีตังค์ (ช่วงนี้ก็มีไม่มากกว่าตอนนั้นซักเท่าไหร่ 5555555555 ห้ามยืมตังค์)
2. ไม่มีความรู้เรื่องการวิ่ง, ไม่รู้ว่าจะจริงจังกับการวิ่งหรือปล่าวเผื่อเลิกจะได้ไม่เสียดาย
3. ขนาด, ไซส์ ที่ใส่พอดีเป๊ะ 7.5US ถ้ารองเท้ามันหลวมกว่านี้ตอนวิ่งคงไม่กระชับมีโอกาสหลุดได้เหมือนตอนเตะบอล
เมื่อได้รองเท้าแล้วก็ต้องหาชุดวิ่ง ตอนนั้นผมใช้ระบบรีไซเคิล กางเกงวิ่งก็เอากางเกงนอนที่เป็นผ้าร่มดูคล้ายกางเกงวิ่งอยู่ หลวมนิดนึงตามสไตล์ผู้ชายบ้านๆ พับทบนึงเป็นอันใช้ได้ เสื้อเก่าๆก็มีหลายตัว สนามกีฬาก็อยู่ไกล้บ้านที่อยู่ตอนนั้น ความพร้อมถือว่าลงตัวแล้ว ถ้าเป็นภาษานักดนตรีก็คือ
“Ready To Rock”
ประมาณ 5 โมงเย็นเดินเท้าออกจากบ้านไปที่ศูนย์กีฬาประชาชื่น บางวันแดดยังร้อนใช้ได้เลย ผมออกวิ่งด้วยการถีบ 2 ขาไปข้างหน้า ไม่มีความรู้ ไม่มีหลักการ ไม่มีเครื่องดื่มเกลือแร่ ไม่ได้ถือน้ำไปเพราะวิ่งไม่นานก็คงจอด สรุปง่ายๆว่าผมคือนักวิ่งบ้านๆ ตอนนั้นคิดว่าวิ่งได้ซัก 30 นาทีหรือ 5 กิโล ก็เทพย์แล้ว หุ่นดี 6 packs มาแน่ถ้าทำได้ ตอนนั้นวิ่งไปก็ไม่รู้หรอกที่วิ่งอยู่มันถูกต้องหรือปล่าว แล้วที่คนเขาชอบพูดกันว่าวิ่งแล้วจะเจ็บเข่ามันจริงมั้ย วิ่งไปก็มองนักวิ่งแถวนั้นไปว่าเขาวิ่งยังไง ใส่รองเท้าและเสื้อผ้าแบบไหน อะไรที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้วิ่งอย่างแข็งแรงได้ทุกวันเพราะที่เห็นเป็นคนหน้าเดิมๆทั้งนั้น บางคนมีอายุเรียกได้ว่ารุ่นลุงหรือป้าแต่รับรองได้ว่าพวกเขาแข็งแรงกว่าผมแน่นอน 12 รอบสนามลู่วิ่งเพื่อที่จะวิ่งได้ 5 กิโลไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ หอบแฮกๆทุกครั้งเมื่อถึงรอบ 7-8 บางวันวิ่งไม่จบ 5 กิโลก็มีถ้าแดดร้อนมาก ช่วงนั้นผมจะออกมาวิ่งวันเว้นวันโดยประมาณ เสาร์อาทิตย์ผมปาร์ตี้ไม่วิ่งหรอกครับ
วันนึงในระหว่างการดื่มเบียร์กับกลุ่มรุ่นพี่ พวกเราคุยกันเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงานตามปกติที่เจอกันทุกครั้ง (เมาทุกครั้งเช่นเดียวกัน) ตอนนั้นพวกพี่ๆบอกว่ากำลังทำงานวิ่ง ADIDAS KING OF THE ROAD 2012 วันที่ 29 กรกฎาคม มีระยะ 5, 10 และ 16.8 กิโล "พอดีผมเพิ่งลองหัดวิ่ง งานวิ่งมันคืออะไรผมอยากลอง" เป็นสิ่งที่ผมตอบกลับไปแบบตึงๆ พี่ๆเลยชวนให้ผมมาวิ่ง ตอนนั้นในใจผมคิดว่าคงไม่ค่อยมีใครสมัครมาวิ่งมั้ง ตังค์ก็เสีย ตื่นก็เช้า ออกวิ่งตั้งแต่ตี 4.30 ที่สวนลุม จะมีคนออกมาสักเท่าไหร่ ถือว่าไปช่วยงานพี่ๆ ผมตัดสินใจลงวิ่งครั้งแรกที่ระยะ 16.8 กิโลเพราะรู้สึกท้าทายแต่ในใจก็คิดว่าวิ่งไปจะหัวใจวายมั้ยไกลมากเลยนะ พวกพี่ๆบอกผมว่า 16.8 ไม่ไกลมาก "กรุงเทพมาราธอนวิ่งตั้ง 42 กิโล"
(โห... คนที่วิ่งได้ไกลแบบนี้มันต้องบ้ามาก นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเมื่อรู้ถึงระยะของการวิ่งมาราธอน) ช่วงนั้นผมได้ลองวิ่งเป็น 10 กิโลบ้าง เพื่อให้ได้การออกกำลังกายติดต่อกันเป็น 1 ชั่วโมงจากการดู Youtube VDO ของอาจารย์มาร์ค Thai Top Fitness เรื่องการเผาผลาญไขมัน (วิ่งๆเดินๆ แล้วแต่จะไหว)
#ซ้อม ซ้อม และก็ซ้อม#
ผมจำได้ว่ามีเวลาประมาณ 1 เดือนในการเตรียมตัววิ่งแข่ง 16.8 กิโลครั้งแรกโดยเริ่มต้นจากการวิ่ง 10 กิโลตอนเย็นวันเว้นวันโดยประมาณให้ระบบการหายใจและกล้ามเนื้อทนไหวโดยที่ยังเดินกลับบ้านได้แบบไม่หมดสภาพ 2 สัปดาห์ก่อนแข่งผมเริ่มตื่นมาวิ่งตอนเช้า การตื่นเช้ามันยากที่สุดแล้วสำหรับนักดนตรีแต่สนามวิ่งอยู่ไกล้บ้านเดิน 5 นาทีก็ถึง ตื่น 6 โมงเพื่อไปวิ่ง 6 โมงครึ่งถือว่าไม่ยากเกินไป แต่ที่ยากที่สุดคือผมขอวัดใจกับระยะจริง 16.8 กิโล
ที่สวนลุมตอนตี 4.30 เวลาและสถานที่แข่งจริง
โอ้วววแค่ตื่นก็หืดจับแล้ว ผมขับรถถึงสวนลุมตี 4.15 ยืดเส้นยืดสายรอเวลาเปิด 4.30 เพื่อออกวิ่ง จากการวิ่งเช้าขนาดนี้ที่สวนลุมครั้งแรก สิ่งที่ผมเห็นคือมีแต่ผู้สูงอายุที่มาออกอย่างกระฉับกระเฉง บางคนดูแข็งแรงกว่าคนหนุ่มสาวซะอีกแล้วพวกที่ร่างกายกำลังแข็งแรงมัวแต่ทำอะไรอยู่ ผมวิ่งชมสวนไปเรื่อยด้วยความเร็วที่ขาจะพาไปไหวแบบไม่เร่งเรีบ ศึกษาระยะทางวิ่งรอบสวนลุมจากอินเตอร์เน็ตสรุปได้ว่า 1 รอบจะได้ 2.5 กิโล ผมจึงต้องวิ่ง 7 รอบรวมเป็น 17.5 กิโลเพื่อให้แน่ใจว่าวันจริงจะวิ่งจบ 16.8 กิโล วิ่งจนสว่างก็ยังไม่ครบ 7 รอบซักที ตามฟอร์มครับ แผ่วลงตามเวลาที่ล่วงเลยแต่ก็วิ่งจนครบน่าจะจบที่เกือบๆ 7 โมง วันนั้นยังกลับบ้านไหวไม่รู้สึกว่าขาพัง ผมวิ่ง 16.8 กิโลอีกครั้งที่ศูนย์กีฬาประชาชื่น 42 รอบสนามลู่วิ่ง (400 เมตรต่อรอบ) วันนั้นฝนตกและก็ออกมาฟอร์มเดิมแบบอืดๆ ก่อนแข่ง 2 วันผมพักเต็มที่เลยเพราะกลัวไม่ไหว
#Moment of Truth#
ถึงคืนวันแข่งนอนไม่หลับซิครับ ต้องตื่นตี 2 ออกบ้านตี 3 เพื่อให้ถึงจุดปล่อยตัวก่อนตี 4 ซักนิดนึง พยายามหลับตั้งแต่ 2 ทุ่มแต่ก็ได้แค่หลับๆตื่นๆ พอไปถึงที่งานจริงถึงเป็นงงเงิบไปเลยเมือเห็นคนออกมาวิ่งจำนวนมหาศาลถึงขั้นหลายพันคน (โอ้ววววนี่มันแหล่งรวมนักวิ่งตัวจริงจริงทั้งไทยและต่างชาติ แต่มาแล้วต้องเต็มที่เป็นไงเป็นกัน) ก่อนก้าวข้ามจุดปล่อยตัวผมอธิษฐานกับพระเจ้าขอให้ผมวิ่งจบอย่างปลอดภัยและขอให้ทรงคุ้มครองพวกเราทุกคนด้วย ผมวิ่งออกไปด้วยความเร็วตามที่ซ้อมมาประมาณ 1 กิโลจึงเริ่มเร่งขึ้นตามคนข้างหน้า ผมได้เรียนรู้จากงานวิ่งครั้งแรกว่าเพื่อนๆนักวิ่งคือแรงผลักดันที่ช่วยให้เราออกแรงวิ่งให้เร็วขึ้นกว่าที่ตัวเองเคยซ้อมมา ผมวิ่งจัดเต็มแบบมั่วๆเจอสะพานตากสินก็วิ่งขึ้นทั้งที่ไม่เคยวิ่งขึ้นทางชันแบบนี้มาก่อน พอถึงจุดกลับตัวครึ่งทางผมเริ่มมั่นใจว่าจะเข้าเส้นชัยแน่ๆขากลับลงสะพานตากสินมุ่งหน้ากลับสวนลุมผมเริ่มเร่งเต็มที่ แซงเพื่อนร่วมทางไปเรื่อยจนเห็นกำแพงสวนลุมเท่านั้นแหละระบบหายใจก็เริ่มแผ่ว แต่เสียงให้กำลังใจที่น้องๆทีมงานผู้จัดบอกว่าอีกนิดเดียวทำให้ผมฮึดขึ้นอีก เมื่อเห็นเส้นชัยผมเร่งแบบไม่คิดชีวิต เข้าเส้นชัยอย่างกับตัวเองได้ที่ 1 แต่เวลาที่ได้ 1.25 ชั่วโมงตามที่เห็นตอนวิ่งเข้าทำให้ผมแปลกใจว่าเราเองสามารถวิ่งได้ไกลด้วยเวลาเร็วขนาดนี้ได้จริง
เหรอ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากเพราะกำลังดีใจที่กับเหรียญงานวิ่งอันแรก
#รองเท้าเป็นแค่ตัวช่วย ตัวเราคือแรงขับเคลื่อนที่แท้จริง#
ตอนกลับถึงบ้านจึงได้บทสรุปของรองเท้า IQ SPORT ราคา 800 บาทว่ามันก็ใช้วิ่งได้ การวิ่งมันอยู่ที่การฝึกซ้อมเตรียมร่างกายให้พร้อมและสำคัญที่สุดคือใจที่ไม่ยอมแพ้ รองเท้าแพงแต่ร่างกายและจิตใจไม่ไหวก็ไร้ประโยชน์ แต่เดี๋ยวก่อน... เมื่อถอดรองเท้าออกจึงได้เห็นว่าเล็บนิ้วชี้ที่เท้าขวาของผมดำ!!!
เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันเป็นเพราะอะไร??? 1 สัปดาห์ต่อมาเล็บค่อยๆหลุดเองโดยออกแรงดึงออกนิดนึงแต่ดีที่ไม่เจ็บ ผมหาข้อมูลจาก blog นักวิ่งต่างประเทศและถามพนักงานขายรองเท้าจึงได้รู้ว่า รองเท้าที่ผมใส่วิ่งนั้นมันเล็กไป ตัวเองเลือกขนาดรองเท้าผิดมาทั้งชีวิต ปกติถ้าวื่งเกียร์เต่าไม่ไกลคงไม่เป็นไร แต่ถ้าเร็วและไกลแบบนี้ดีแล้วที่เล็บไม่หลุดกลางทาง
งานเข้าสิครับ... ถ้าคิดจะวิ่งต่อต้องซื้อรองเท้าวิ่งใหม่ที่ไซส์ใหญ่ขึ้นนิดนึงโดยที่นิ้วเท้าเราจะไม่ชนหัวรองเท้าจนเกินไป คำแนะนำที่ผมได้ศึกษามาคือขยับไซส์รองเท้าขึ้นครึ่งถึงหนึ่งเบอร์ ผมเปลี่ยนจาก 7.5 เป็นเบอร์ 8 (จำให้ได้นะครับสำหรับบริษัทรองเท้าหากอยากจะสนับสนุนนักวิ่งบ้านๆอย่างผม 5555555555) หรือสวมรองเท้าคู่นั้นโดยที่สามารถจิ้มนิ้วชี้ของเราลงไปที่ส้นเท้าได้อย่างไม่ยากเกินไป
หากข้อมูลของผมเป็นประโยชน์ผมยินดีที่จะเขียน blog เรื่องรองเท้าคู่ต่อไปและการวิ่งมาราธอนครั้งแรกของผม
กรุงเทพมาราธอน พฤษจิกายน 2012
สถิติการวิ่งของผมโดยย่อ
4 มาราธอน (42.195k) กับอายุการวิ่ง 2 ปีครึ่ง เวลาที่ดีที่สุด 4.20 ชั่วโมง
กำลังฝึกซ้อมเพื่อลงแข่ง The North Face 100 Thailand 100k Solo
ซ้อมวิ่งโดยเฉลี่ย 100 กิโล ต่อสัปดาห์ วิ่งยาว 1 วัน 50 – 70 กิโล
ติดต่อกันได้ที่ facebook.com/jazzyfrankjazz
IG : Jazzyfrank