ผลกรรมจากการเถียงพ่อแม่

เม่าในกองไฟ  อยากจะแชร์บทความดี ๆ ให้ทุกท่านค่ะ    เราพูดอย่างไม่อายเลยว่า  เรากำลังเจอวิบากกรรมอันนี้อยู่
ความรู้สึก  ทำไมต้องเป็นฉัน  ทำไมเราถึงเถียงไม่ได้  ทำไม ทำไม ทำไม  มีอยู่ในหัวมากมายเวลา สามีตัวเอง ต่อว่าทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ
อาจจะเพราะ ไม่อยากเถียง เบื่อ  พูดไปก็โดนว่าทะเลาะกันเปล่า ๆ  โดยพูดจาส่อเสียด หรือกระแนะกระแหน
ในสิ่งที่เค้าก็เป็นเหมือนกัน  (ประมาณว่า  ต่อว่าเราก็ไม่ดูตัวเองว่า  ตัวเค้าเองก็กำลังทำอยู่  หรือว่าในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น)  
แต่สิ่งที่เค้าว่าก็ไม่ได้รุนแรงอะไรค่ะ    แต่เซ็ง  กับการที่จะต้องโดนว่าแบบนี้ทุกวัน    

      เคยบ่น-เล่าให้แม่ฟัง  แต่ตัวเราเองก็ไม่เคยนึกเอะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
จนมานั่งนึกถึง  กฎแห่งกรรม  ตอนกำลังสวดมนต์  ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากเหตุ  มันถึงจะเกิดผล
และวันก่อนได้ดูรายการ "Lucky Number เลขอวดชีวิต"  ที่คุณริวเป็นพิธีกรรายการ  และมีแขกรับเชิญทางบ้านอยู่คนหนึ่ง
ที่ต้องเสียแม่ไปกระทันหัน  โดยที่ยังไม่ได้รำลาพ่อ-แม่ตัวเอง  และยังมีเรื่องที่ติดค้างในใจอยู่  คือไม่บอกลา หรือทำดีกับแม่
ในวันที่แม่ยังมีชีวิตอยู่  อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนค่ะ   เม่าฝึกจิต

จึงไป Search ข้อมูลจากใน Internet  แล้วก็ไปเจอบทความดี ๆ จากคุณธรรมะ  ที่แชร์ไว้ในนี้ค่ะขอขอบคุณและให้เครดิต
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=17239.0;wap2

+++ผลกรรมจากการเถียงพ่อแม่+++

ในยุคสมัยใหม่ที่วิวัฒนาการทางวัตถุเจริญอย่างมาก แต่ในเรื่องจิตใจกลับกลายเป็นสิ่งที่สวนทางกับเทคโนโลยีทางวัตถุ การเคารพผู้ใหญ่ พ่อแม่ บุพการี ในสมัยนี้ต้องยอมรับว่า ลดน้อยถอยลงจากยุคก่อนๆมาก ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากค่านิยมจากโลกตะวันตกที่แพร่เข้ามา ทำให้เกิดความผ่อนปรนกันมากขึ้นในทุกๆส่วนของสังคม วัฒนธรรม ประเพณี รวมไปถึงในระดับครอบครัวขนาดถึงขั้นที่ว่า เด็กๆหรือลูกกับพ่อแม่ มีการถือวิสาสะกันมากขึ้น และจากการที่เด็กๆถูกตามใจมาแต่เล็กแต่น้อย ครั้นเติบโตขึ้นมา เมื่อใดที่พ่อแม่ไม่ทำตามใจ ก็เกิดโทสะ เถียงพ่อเถียงแม่ชนิดคำต่อคำอย่างไม่ละอายใจ เพียงชั่ววูบที่ลูกเถียงพ่อเถียงแม่ เพื่อให้สาแก่ใจตามโทสะที่ตนมี จนทำให้ลืมนึกไปว่าคนที่ตัวเองเถียง คนที่ตัวเองว่ากลับไปนั้น คือ บุคคลที่เคยอุ้มท้อง ทะนุถนอมตัวเองมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์และเฝ้าเลี้ยงดูคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำ ป้อนนม ส่งเสียให้ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี แต่ครั้นเมื่อมีกำลัง ลูกก็กลับมาเถียง มาว่าพ่อว่าแม่ด้วยความอหังการ แม่ชีทสพร กล่าวว่า เป็น กรรมมหันต์ แม้ไม่ใช่อนันตริยกรรมก็ใกล้เคียง เพราะพ่อแม่ที่โดนลูกเถียง แม้ไม่ได้โดนลูกฆ่าหรือทำร้ายร่างกาย แต่ก็รู้สึกเหมือนกับตายทั้งเป็น

และแน่นอนว่า เมื่อคราวที่กฎแห่งกรรมส่งผล ลูกที่เคยเถียงพ่อเถียงแม่ ก็ย่อมโดนกรรมที่หนักหนาสาหัส จนสาสมแก่การที่ได้ทำกรรมไว้กับบุพการีของตนเช่นกัน แม่ชีทสพรกล่าวว่า เมื่อวาระกรรมมาถึง หากลูกคนนั้นเป็นลูกผู้หญิง เมื่อแต่งงานไป ก็จะโดนสามีดุด่า ว่ากล่าวอย่างเจ็บแสบ ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจอย่างที่สุด ทั้งนี้เพราะอำนาจกฎแห่งกรรมสนองให้รู้ว่า การที่คนที่เรารักมากที่สุดมาด่าว่าเรา มาทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจนั้น มันสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน เหมือนครั้งที่พ่อแม่โดนเราว่าด่า เถียงคำไม่ตกฟาก พ่อแม่นั้นรักเรามากแต่เรากลับทำให้ท่านเจ็บช้ำน้ำใจ ดังนั้นเมื่อเราโตขึ้น พบกับคนที่เรารักที่สุด เราก็จะโดนคนรักของเรานั้นแหละดุด่าทุ่มเถียงต่อปากต่อคำ เช่นเดียวกับที่เราเคยทำไว้กับบิดามารดาของเราเอง

เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเรามีลูก ตัวเราเองเป็นพ่อเป็นแม่คนเต็มตัว ด้วยกรรมที่เราเคยทำไว้ก็จะบันดาลให้เราพบกับกรรมเช่นนั้น ลูกที่เกิดมา ซึ่งเป็นบุคคลที่เรารักมาก ก็จะกลับมาเถียงเรา นั่นแหละจะทำให้เรานึกถึงย้อนถึงวันที่เราเคยเถียงพ่อเถียงแม่เราได้ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น เพื่อเตือนความจำ เพื่อให้เรารู้สำนึกว่า ความทุกข์จากการที่ถูกลูกเถียงหรือความทุกข์ที่พ่อแม่ของเรา ได้รับจากการกระทำของเรานั้นเป็นเช่นไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นทุกข์จากการกระทำที่เรากระทำไว้กับพ่อแม่สมัยเด็กๆหรือสมัยที่โตแล้วก็ตาม จะย้อนกลับมาหาเราทั้งหมด

เพี้ยนไฟลุก   เราขอใช้พื้นที่ในนี้ทำ "สัญญาใจ"  ว่าต่อไปนี้  จะปรับปรุงตัวให้เป็นลูกที่ดี ทำดีกับแม่ในวันที่ผู้หญิงคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ให้เราทำดี
ต่อให้ผลกรรมมันจะไม่สามารถลบล้างกันไปได้ก็ตาม  ตอนนี้ลูกคนนี้เข้าใจความรู้สึกของแม่แล้วค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่