สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 58
ตอบคำถามจขกท.เรื่องฉลากนาโนคิวก่อน - ฉลากนาโนคิวที่ทางเนคเทคจะให้นั้นจะมีผลิตภัณฑ์แค่สามชนิดเท่านั้น คือ สิ่งทอ, สีและสารเคลือบผิววัสดุและสุขภัณฑ์และกระเบื้อง ผลิตภัณฑ์นี้จัดอยู่ใน เวชสำอางค์ จึงไม่สามารถขอฉลากนาโนคิวได้
กระทู้ที่โดนอุ้ม มีหลักฐานน่าสนใจให้ตรวจสอบหลายตัวเลยทีเดียว โดยเฉพาะเครือข่ายบริษัทที่ลงในหนังสือ Thailand Top innovative companies 2011 ที่สนช.ตีพิมพ์ บริษัททุกบริษัทในเครือของผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะมีคำว่า "นาโน" อยู่ใช้เป็นชื่อบริษัท บริษัทผลิตแชมพู บริษัทคอนซอลแทนท์ แม้กระทั่งบริษัทที่เป็นด้านมาร์เก็ตติ้งและดิสทริบิวเตอร์ก็ยังมีคำว่า "นาโน"
สิ่งที่สมาชิกสินค้าให้ข้อมูลมาบอกว่าสินค้าตัวนี้ผ่านการรับรองจากสถาบันและองค์กรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากมาย และให้ทุนวิจัยนักวิทยาศาสตร์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยงานวิจัยได้ ซึ่งมันน่าสงสัยเอามาก ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สมาชิกของสินค้ายังให้ข้อมูลอีกว่าสินค้าชนิดนี้ใช้เทคโนโลยี"นาโน" ทำให้ทองคำเป็นของเหลวผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ แถมน้ำตัวนี้ยังปล่อยรังสีอินฟาเรตเพื่อไปรักษาผิวพรรณ คือ FIR (Far infrared)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แถมผสมอัญมณีลงไปเพื่อบำรุงสุขภาพ เพราะอัญมณีมีสนามพลังงาน? มันก็เหมือนสมัยก่อนที่เล่นหินรักษาโรคกันอ่ะ ลูบ ๆ คลำ ๆ แล้วหายเป็นมะเร็ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทองคำปกติเป็นธาตุเฉื่อยไม่มีผลต่อเซลล์มนุษย์ แต่ถ้าทองคำมีขนาดอนุภาคในระดับนาโน มันส่งผลเสียต่อเซลล์ร่างกายน่ะครับ ไม่ได้เป็นผลดี
(ยังมีเล่นคำศัพท์วิทยาศาสตร์ Nanoparticle)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถามจริงครับสมาชิกคุณไม่เอ๊ะใจอะไรเลยหรอครับ?
ปล. จขกท.ครับ ไม่ต้องแท๊กหว้ากอซะหมด แท๊กแค่สองตัวคนในหว้ากอก็เห็นแล้วครับ ถ้าเป็นไปได้ก็เอาซักออกสองแท๊คแล้วแท๊คเครื่องแป้งเหมือนเดิม
กระทู้ที่โดนอุ้ม มีหลักฐานน่าสนใจให้ตรวจสอบหลายตัวเลยทีเดียว โดยเฉพาะเครือข่ายบริษัทที่ลงในหนังสือ Thailand Top innovative companies 2011 ที่สนช.ตีพิมพ์ บริษัททุกบริษัทในเครือของผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะมีคำว่า "นาโน" อยู่ใช้เป็นชื่อบริษัท บริษัทผลิตแชมพู บริษัทคอนซอลแทนท์ แม้กระทั่งบริษัทที่เป็นด้านมาร์เก็ตติ้งและดิสทริบิวเตอร์ก็ยังมีคำว่า "นาโน"
สิ่งที่สมาชิกสินค้าให้ข้อมูลมาบอกว่าสินค้าตัวนี้ผ่านการรับรองจากสถาบันและองค์กรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากมาย และให้ทุนวิจัยนักวิทยาศาสตร์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยงานวิจัยได้ ซึ่งมันน่าสงสัยเอามาก ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สมาชิกของสินค้ายังให้ข้อมูลอีกว่าสินค้าชนิดนี้ใช้เทคโนโลยี"นาโน" ทำให้ทองคำเป็นของเหลวผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ แถมน้ำตัวนี้ยังปล่อยรังสีอินฟาเรตเพื่อไปรักษาผิวพรรณ คือ FIR (Far infrared)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แถมผสมอัญมณีลงไปเพื่อบำรุงสุขภาพ เพราะอัญมณีมีสนามพลังงาน? มันก็เหมือนสมัยก่อนที่เล่นหินรักษาโรคกันอ่ะ ลูบ ๆ คลำ ๆ แล้วหายเป็นมะเร็ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทองคำปกติเป็นธาตุเฉื่อยไม่มีผลต่อเซลล์มนุษย์ แต่ถ้าทองคำมีขนาดอนุภาคในระดับนาโน มันส่งผลเสียต่อเซลล์ร่างกายน่ะครับ ไม่ได้เป็นผลดี
(ยังมีเล่นคำศัพท์วิทยาศาสตร์ Nanoparticle)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถามจริงครับสมาชิกคุณไม่เอ๊ะใจอะไรเลยหรอครับ?
ปล. จขกท.ครับ ไม่ต้องแท๊กหว้ากอซะหมด แท๊กแค่สองตัวคนในหว้ากอก็เห็นแล้วครับ ถ้าเป็นไปได้ก็เอาซักออกสองแท๊คแล้วแท๊คเครื่องแป้งเหมือนเดิม
ความคิดเห็นที่ 13
ตามมาจากกระทู้ที่แล้วค่ะ .. เป็นกำลังใจให้ จขกท ค่ะ
ตอนแรกที่เข้ามาอ่านก็ไม่ได้ตั้งใจค่ะ แบบว่าไม่มีอะไรทำก็หาอ่านกระทู้แนะนำไปเรื่อยๆ พอมาเจอกระทู้นี้ก็อ่านแบบผ่านๆเพราะไม่มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์เท่าไร และไม่รู้ด้วยว่า จขกท พูดถึงยี่ห้ออะไร มารู้ทีหลังเพราะมีคนมาเฉลย ก็เลยไปเสิร์ช google ดูภาพสินค้า
ส่วนตัวก็สงสัยอยู่ในใจว่าสินค้าชนิดนี้อวดอ้างสรรพคุณเกินไปหรือเปล่า ซึ่งก็เข้าใจว่า จขกท คงสงสัยเหมือนกันก็เลยตั้งคำถามขึ้นมาในที่สาธารณะ แต่กลับกลายเป็นว่า จขกท กำลังจะโดนฟ้อง!?!?
ทำไมเหรอคะ ผู้บริโภคไม่สามารถตั้งข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับสินค้าได้เลยเหรอคะ??
ผู้บริโภคต้องทำเป็นหูหนวกตาบอด แกล้งโง่ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หลับหูหลับตาใช้สินค้าโดยไม่รู้ว่ามีอันตรายหรือไม่ มีสรรพคุณตามความต้องการหรือไม่ คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ แบบนี้เหรอคะที่เรียกว่าถูกต้อง??
ถ้าข้อมูลที่เสนอเพื่อการโฆษณาสินค้าทั้งหมดเป็นความจริง ก็นำออกมาชี้แจงสิคะ ถกกันด้วยความจริง แสดงหลักฐานที่ชัดเจน แถลงออกมาให้ผู้บริโภคได้เข้าใจ ไม่ใช่ออกมาขู่ฟ่อๆว่าจะฟ้องกันแบบนี้ ดิฉันว่ามันไม่ยุติธรรมค่ะ!!
ป.ล. ขอข้อมูลความจริงที่เป็นภาษาคนทั่วไปเข้าใจได้จะดีมากเลยค่ะ เอาแบบที่คนไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อ่านแล้วก็เข้าใจได้ไม่ยาก .. แบบภาษาสูตรเคมี ค่าสมการต่างๆ ฯลฯ อะไรแบบนั้นไม่เข้าใจค่ะ .. และข้อมูลแบบตัดแปะ ที่อ่านแล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้อง จับประเด็นไม่ได้ อ่านแล้วไม่ต่อเนื่อง ไม่ต้องเอามานะคะ .. ยิ่งอ่านยิ่งงงค่ะ
ด้วยความเคารพ .. ดิฉันจะโดนฟ้องไหมเนี่ย??
ตอนแรกที่เข้ามาอ่านก็ไม่ได้ตั้งใจค่ะ แบบว่าไม่มีอะไรทำก็หาอ่านกระทู้แนะนำไปเรื่อยๆ พอมาเจอกระทู้นี้ก็อ่านแบบผ่านๆเพราะไม่มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์เท่าไร และไม่รู้ด้วยว่า จขกท พูดถึงยี่ห้ออะไร มารู้ทีหลังเพราะมีคนมาเฉลย ก็เลยไปเสิร์ช google ดูภาพสินค้า
ส่วนตัวก็สงสัยอยู่ในใจว่าสินค้าชนิดนี้อวดอ้างสรรพคุณเกินไปหรือเปล่า ซึ่งก็เข้าใจว่า จขกท คงสงสัยเหมือนกันก็เลยตั้งคำถามขึ้นมาในที่สาธารณะ แต่กลับกลายเป็นว่า จขกท กำลังจะโดนฟ้อง!?!?
ทำไมเหรอคะ ผู้บริโภคไม่สามารถตั้งข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับสินค้าได้เลยเหรอคะ??
ผู้บริโภคต้องทำเป็นหูหนวกตาบอด แกล้งโง่ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หลับหูหลับตาใช้สินค้าโดยไม่รู้ว่ามีอันตรายหรือไม่ มีสรรพคุณตามความต้องการหรือไม่ คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ แบบนี้เหรอคะที่เรียกว่าถูกต้อง??
ถ้าข้อมูลที่เสนอเพื่อการโฆษณาสินค้าทั้งหมดเป็นความจริง ก็นำออกมาชี้แจงสิคะ ถกกันด้วยความจริง แสดงหลักฐานที่ชัดเจน แถลงออกมาให้ผู้บริโภคได้เข้าใจ ไม่ใช่ออกมาขู่ฟ่อๆว่าจะฟ้องกันแบบนี้ ดิฉันว่ามันไม่ยุติธรรมค่ะ!!
ป.ล. ขอข้อมูลความจริงที่เป็นภาษาคนทั่วไปเข้าใจได้จะดีมากเลยค่ะ เอาแบบที่คนไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อ่านแล้วก็เข้าใจได้ไม่ยาก .. แบบภาษาสูตรเคมี ค่าสมการต่างๆ ฯลฯ อะไรแบบนั้นไม่เข้าใจค่ะ .. และข้อมูลแบบตัดแปะ ที่อ่านแล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้อง จับประเด็นไม่ได้ อ่านแล้วไม่ต่อเนื่อง ไม่ต้องเอามานะคะ .. ยิ่งอ่านยิ่งงงค่ะ
ด้วยความเคารพ .. ดิฉันจะโดนฟ้องไหมเนี่ย??
ความคิดเห็นที่ 79
เสียดายถ้าอ่านกระทู้นี้ตอนอยู่ ม. น่าจะมันส์กว่านี้
เวชสำอางค์ เป็นศัพท์ทางการตลาดไม่มีนัยยะใดๆ ทางการแพทย์ครับ
นั่งดู #11 ตั้ง 14 นาทีไม่เห็นเปิดชื่อ Paper สักที
ผิดหลักการมากๆ นี่แค่คลิปเดียวนะ
1. มั่วแล้วครับ X-RAY กับ Far Infared ต่างกันเยอะครับ ถ้า FIR มันแรงเหมือน X-RAY ป่านนี้มนุษย์สูญพันธ์ไปหมดแล้ว
2. พลังงานผ่านน้ำ ก้อมั่วครับ โดนผิวก้อร้อนตรงผิว ถ้าโดนผิวแล้วพลังงานซึมผ่านน้ำในตัว คงไม่มีใครอาบแดด เอาแขนไปแตะๆก้อได้เหมือนกัน
3. อนุมูล อิสระไม่เกี่ยวกับ พลังงานแต่อย่างใด ถ้าอยากช่วยแค่หาเบตาแคโรทีน (แครอท) กินเยอะๆ ก้อจบแล้ว
4. การทำให้เลือดไหลเวียน แค่นวดก้อช่วยได้แล้วครับ(หลักโยคะ) เค้าพยายามอนุมานว่า FIR เท่ากับพลังงาน จริงๆแล้วทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ซาวน่า หรือนวดน้ำมันทำได้เหมือนกัน
5. ลูบแล้วรู้สึกอุ่นขึ้น —> ยาหม่องครับ
6. Nano - Gold ในทางการแพทย์
Paper ล่าสุดใน PubMed ตรวจพบว่ายับนั้งแบคทีเรียในช่องปากได้ >.<
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3425166/
สรุป จับแพะชนแกะครับ ขายยาทาธรรมดาๆ (Level เดียวกับ Counter Pain) แต่มั่วจนเป็นเทพ จะได้หา Downline ง่ายๆ
ป.ล. สำหรับตัวแทน SOL ถ้าอ่าน Comment นี้แล้ว
1. ขอชื่อนักวิจัยของมหิดล ที่อ้างว่าทำงานวิจัยให้หน่อยสิ จะโทรไปถามข้อมูลครับ
2. จะให้ดี เอาชื่อ Paper ที่ใช้อ้างอิงของผลิตภัณฑ์มาให้อ่านทีสิ ดีจริงเด๋วไปช่วยขาย
เวชสำอางค์ เป็นศัพท์ทางการตลาดไม่มีนัยยะใดๆ ทางการแพทย์ครับ
นั่งดู #11 ตั้ง 14 นาทีไม่เห็นเปิดชื่อ Paper สักที
ผิดหลักการมากๆ นี่แค่คลิปเดียวนะ
1. มั่วแล้วครับ X-RAY กับ Far Infared ต่างกันเยอะครับ ถ้า FIR มันแรงเหมือน X-RAY ป่านนี้มนุษย์สูญพันธ์ไปหมดแล้ว
2. พลังงานผ่านน้ำ ก้อมั่วครับ โดนผิวก้อร้อนตรงผิว ถ้าโดนผิวแล้วพลังงานซึมผ่านน้ำในตัว คงไม่มีใครอาบแดด เอาแขนไปแตะๆก้อได้เหมือนกัน
3. อนุมูล อิสระไม่เกี่ยวกับ พลังงานแต่อย่างใด ถ้าอยากช่วยแค่หาเบตาแคโรทีน (แครอท) กินเยอะๆ ก้อจบแล้ว
4. การทำให้เลือดไหลเวียน แค่นวดก้อช่วยได้แล้วครับ(หลักโยคะ) เค้าพยายามอนุมานว่า FIR เท่ากับพลังงาน จริงๆแล้วทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ซาวน่า หรือนวดน้ำมันทำได้เหมือนกัน
5. ลูบแล้วรู้สึกอุ่นขึ้น —> ยาหม่องครับ
6. Nano - Gold ในทางการแพทย์
Paper ล่าสุดใน PubMed ตรวจพบว่ายับนั้งแบคทีเรียในช่องปากได้ >.<
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3425166/
สรุป จับแพะชนแกะครับ ขายยาทาธรรมดาๆ (Level เดียวกับ Counter Pain) แต่มั่วจนเป็นเทพ จะได้หา Downline ง่ายๆ
ป.ล. สำหรับตัวแทน SOL ถ้าอ่าน Comment นี้แล้ว
1. ขอชื่อนักวิจัยของมหิดล ที่อ้างว่าทำงานวิจัยให้หน่อยสิ จะโทรไปถามข้อมูลครับ
2. จะให้ดี เอาชื่อ Paper ที่ใช้อ้างอิงของผลิตภัณฑ์มาให้อ่านทีสิ ดีจริงเด๋วไปช่วยขาย
ความคิดเห็นที่ 14
ไม่เกี่ยวกับกระทู้นะครับ แต่ผมเคย (เกือบ) ทำงานออกแบบให้กับเครื่องสำอาง พวกขายตรงนี่แหละ
พอแคลมว่าเครื่องสำอางของเขา "แก้ไข" DNA ได้เท่านั้นแหละ ผมบอกเลยว่าผมไม่ทำงานชิ้นนี้แล้วนะ
เพราะมัน overclaim จนเกินพอดี ... ไม่รู้มีใครใช้แล้ว mutate ไปบ้างหรือเปล่า ...
(หรือว่ามีคนใช้แล้ว mutate จริง ๆ ... มนุษย์ป้าถึงได้เกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน ... //ไปล่ะ)
พอแคลมว่าเครื่องสำอางของเขา "แก้ไข" DNA ได้เท่านั้นแหละ ผมบอกเลยว่าผมไม่ทำงานชิ้นนี้แล้วนะ
เพราะมัน overclaim จนเกินพอดี ... ไม่รู้มีใครใช้แล้ว mutate ไปบ้างหรือเปล่า ...
(หรือว่ามีคนใช้แล้ว mutate จริง ๆ ... มนุษย์ป้าถึงได้เกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน ... //ไปล่ะ)
แสดงความคิดเห็น
ช่วยด้วยคะ โดนข่มขู่จะโดนฟ้อง!! รังสี FIR กับความสวยงาม มันเวอร์เกินจริงมั้ยคะ?
ยกกระทู้หนีคนป่วนจากกระทู้นี้มานะคะ http://ppantip.com/topic/32542075
จขกท. ได้เจอบทความนึง ของสินค้าตัวนี้มาคะ
จขกท. เเละสมาชิคพันทิปจากกระทู้เดิมอีกหลายๆ ท่านอยากรู้ว่ามันเป็นจริงได้มั้ยคะ
จขกท โดนข่มขู่ว่าจะโดนฟ้อง เเล้วสมาชิกท่านอื่นอยากได้เป็นความรู้ในการเลือกเครื่องสำอางค์ด้วยคะ
จากกระทู้เก่าทางคนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าชิ้นนั้น ได้ให้ข้อมูลมาตามนี้นะคะ (ยาวมากเลยคะ)
==========================================================
""ประเด็นที่ 1 FIR คืออะไร ดีหรือไม่ ?
รังสีฟาร์ อินฟราเรด (FIR) เป็นรังสีที่ให้ความร้อน โดยธรรมชาติคนเรารับรังสีนี้ได้จากดวงอาทิตยอยู่แล้ว เป็นรังสีที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อยู่ใต้รังสีสีแดง ความยาวคลื่นของ FIR มีตั้งแต่ 4-1,000 ไมครอน (1 ไมครอน = 1/1,000 มิลลิเมตร) แต่ในโมเลกุลเซลล์ของมนุษย์สามารถดูดซับคลื่น FIR ได้เพียง 6-14 ไมครอนเท่านั้น รังสีจากดวงอาทิตย์มีคลื่นยาวถึง 4-1,000 ไมครอน จึงร้อนแรงมากเกินไป และยังมีรังสีอันตรายอื่นๆ เช่นรังสีแกมม่า เอกซเรย์ UV ฯลฯ ปะปนมาด้วย
Image
FIR มีความสามารถพิเศษต่อกระบวนการทำงานของร่างกายคือ:
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด
ปรับสมดุลความดันเลือด
ลดอาการปวดข้อ ปวดกระดูก
กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทสั่งการ
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ และไต
กระตุ้นระบบการเผาผลาญสารอาหารเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน
ปรับสมดุลกรด-ด่างในร่างกาย
ฟาร์ อินฟราเรด (Far Infrared) หรือ FIR คือ แสง :
รังสี ฟาร์ อินฟราเรด ( FIR ) คือคลื่นแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ที่มีอยู่ในแสงแดด ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ ชื่อ เซอร์วิลเลียม เฮอร์เชลใน ปี ค.ศ.1800 งานวิจัยของเขานำไปสู่การค้นพบว่า ไม่ใช่มีเพียงคลื่นแสงที่มองเห็นที่รู้จักกัน คือ สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า และสีม่วง แต่ยังมีรังสีที่มองไม่เห็นซึ่งมีชื่อต่อมาว่า อินฟราเรด
ประมาณ 80% ของพลังงานแสงอาทิตย์ ถูกสร้างขึ้นจาก รังสี ฟาร์ อินฟราเรด ( FIR ) และ 60% ของรังสี ฟาร์ อินฟราเรด ( FIR ) อยู่ระหว่าง ช่วงของ 10-20 ไมครอน
รังสี ฟาร์ อินฟราเรด จากดวงอาทิตย์ :
รังสี ฟาร์ อินฟราเรด คือ รังสีที่ทำให้สุขภาพดี ซึ่งมีอยู่ในแสงแดด มันจะตอบสนองกับการสังเคราะห์แสง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้โดยพืชในการผลิตพลังงาน และหากปราศจากมันแล้วอาจจะไม่พบกับสิ่งมีชีวิตอยู่บนโลกนี้
รังสี ฟาร์ อินฟราเรด เพิ่มการทำงานทางชีวภาพ :
Albert Szent - Gyorgi ผู้ชนะรางวัลโนเบลและได้ค้นพบวิตามินซี เชื่อว่าพลังงานจากดวงอาทิตย์ มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเรา งานวิจัยของเขาแสดงให้เห็นว่า แสงสามารถกระตุ้นการทำงานทางชีวภาพของร่างกายขั้นพื้นฐาน งานวิจัยสมัยใหม่มีการแสดงให้เห็นว่า ฟาร์ อินฟราเรด ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกายได้จริง
รังสี ฟาร์ อินฟราเรด ไม่ทำลายผิวหนัง :
รังสี ฟาร์ อินฟราเรดเป็นรังสีที่ปลอดภัย และเป็นประโยชน์ จากดวงอาทิตย์ (J Cardiol.2008 )
รังสี อินฟราเรด ไม่ทำให้ผิวหนังไหม้ และไม่ควรจะสับสนกับแสงอัลตราไวโอเลต ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังไหม้ และทำลายผิวคุณ
คุณสมบัติของ รังสี ฟาร์ อินฟราเรด :
พวกมันไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
พวกมันสร้างความร้อน เมื่อถูกดูดซับโดยสสารจำนวนมาก
พวกมันสามารถแทรกซึมเข้าไปในวัตถุจำนวนมาก รวมทั้งเนื้อเยื่อของมนุษย์
พวกมันแสดงคุณสมบัติของแสง เช่น การเดินทางเป็นเส้นตรง แต่สามารถหักเหและสะท้อนได้
คำอธิบาย ฟาร์ อินฟราเรด - รังสี อินฟาเรด 3 ประเภท :
ความยาวคลื่น ของแสงสามารถวัดได้ในหน่วยมิลลิเมตร แต่มักจะวัดในหน่วยที่เรียกว่า ไมครอน เพราะค่าที่วัดได้มีขนาดเล็กมาก ตัวอย่าง เช่น 0.00076 มิลลิเมตร
1 ไมครอน = 0.001 มิลลิเมตร
ดังนั้นความยาวคลื่นของแสงเหล่านี้ จะเป็นขนาดที่สั้นมากๆ
เนียร์ อินฟราเรด (Near Infrared) มีขนาด 0.76 - 1.4 ไมครอน
มิด อินฟราเรด (Mid Infrared) มีขนาด 1.4 - 3 ไมครอน
ฟาร์ อินฟราเรด (Far Infrared) มีขนาด 3 - 1000 ไมครอน
เนียร์ อินฟราเรด มีความยาวคลื่นที่สั้นที่สุด ส่วน ฟาร์ อินฟราเรด จะมีความยาวคลื่นที่ยาวที่สุด
หมายเหตุ : อ้างอิงข้อมูลจากคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการส่องสว่าง (CIE)
ฟาร์ อินฟราเรด เป็นสิ่งที่ปลอดภัย – ร่างกายของคุณก็สร้าง ฟาร์ อินฟราเรด :
ประมาณ 50% ของพลังงานที่สร้างขึ้นโดยร่างกายของคุณเองอยู่ในรูปของ รังสี ฟาร์ อินฟราเรด ดังนั้น ฟาร์ อินฟราเรด เป็นสิ่งที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน (J Cardiol.2008 )
ร่างกายมนุษย์สร้าง รังสี ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) ขึ้นเอง ระหว่าง 8-14 ไมครอน เมื่อร่างกายของเราร้อนจาก รังสี ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) ระดับกิจกรรมของอะตอมของเราจะเพิ่มขึ้น และความร้อนก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วย (.Albert Szent – Gyorgi)
แว่นตามองกลางคืนที่ใช้โดยทหาร ก็ใช้หลักการตรวจจับ รังสี อินฟราเรดที่เกิดจากร่างกาย เพราะร่างกายคนเราแผ่พลังงาน ฟาร์ อินฟราเรด ผ่านทางผิวหนังที่ 3-50 ไมครอน และที่แผ่ออกมามากที่สุดคือที่ความยาวคลื่น 9.4 ไมครอน ฝ่ามือของเราก็ปล่อยพลังงาน ฟาร์ อินฟราเรด ออกมาเช่นกันที่ระดับ 8-14 ไมครอน วิธีรักษาด้วยฝ่ามือตามประเพณีโบราณในประเทศจีน ก็ได้ใช้คุณสมบัติการรักษาโดยรังสี ฟาร์ อินฟราเรด มานานกว่า 3,000 ปีแล้วโยคีในอินเดียก็ใช้วิธีรักษาด้วยฝ่ามือแบบเดียวกัน และแนะนำให้ใช้ในการลดอาการปวดตาโดยเฉพาะ
ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) อุ่นร่างกายจากภายใน :
ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) เป็นช่วงความยาวคลื่นแสงที่มองไม่เห็น ที่มีความยาวกว่าคลื่นแสงที่มองเห็นทั่วไป ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับการดูแลสุขภาพตามวิถีธรรมชาติ เมื่อรังสี ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) นี้ถูกดูดซึมโดยเซลล์ของร่างกายแล้วจะทำให้เกิดความรู้สึกว่าร้อน
เมื่อร่างกายได้ดูดซับรังสี ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) มันเหมือนอยู่ท่ามกลางแสงแดด ร่างกายจะอุ่นขึ้นแล้วคุณรู้สึกดีและผ่อนคลายพลังงานร่างกาย
ประสบการณ์ อินฟราเรด - มันจะรู้สึกอย่างไร :
รังสี ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) เป็นคลื่นแสงที่มองไม่เห็นจากดวงอาทิตย์ ที่อุ่นร่างกายของเรา โดยตรงโดยไม่ต้องให้ความร้อนกับอากาศ มันแผ่ผ่านลึกลงไปในร่างกายของเรา และช่วยทำให้เรารู้สึกอบอุ่น มีพลัง และสุขภาพดี
เราสามารถสัมผัสถึง รังสี ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) ได้ในวันที่มีเมฆมาก เมื่อดวงอาทิตย์ออกมาเราจะรู้สึกอบอุ่น และเมื่อดวงอาทิตย์หายไปอีกครั้งหนึ่งที่เราจะรู้สึกเย็น อุณหภูมิของอากาศไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่เราจะรู้สึกอบอุ่นจากดวงอาทิตย์ เนื่องจากรังสี ฟาร์ อินฟราเรด (FIR)
รังสี ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) ช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นที่อุณหภูมิต่ำ แม้แต่บริเวณที่มีอุณหภูมิน้อยกว่าอุณหภูมิของร่างกายของคุณเอง ( 37 องศาเซลเซียส) นี่เป็นคุณสมบัติของ ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) คือการที่คุณยังคงสามารถมีเหงื่อออกที่อุณหภูมิต่ำได้
สัมผัสของฟาร์ อินฟราเรด (FIR) :
- ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์
- ความร้อนที่แผ่ออกโดยร่างกายเป็น ฟาร์ อินฟราเรด (FIR)
- นอนอยู่บนหาดให้ทรายปลดปล่อยรังสี ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) ออกมาช่วยให้คุณผ่อนคลายและเกิดกระบวนการล้างพิษในร่างกาย (ดีท็อกซ์)
- ความร้อนออกมาจากมือของคนที่เราสัมผัส
- ฝ่ามือของคุณจะปลดปล่อยพลังงานการบำบัด ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) ที่มีความยาวคลื่น 8-14 ไมครอน
ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) ทำงานอย่างไร :
พลังงาน ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) ถูกดูดซึมได้อย่างง่ายดายมากโดยร่างกายมนุษย์ และการบำบัดด้วย ฟาร์ อินฟราเรด ซาวน่า จะถูกรวมอยู่ในโปรแกรมการล้างพิษในร่างกาย (detoxification) จากตัวเลขการเพิ่มขึ้นของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ ทั่วโลก
เนื่องจากปัจจุบันมนุษย์มีความเครียดและมีพิษในร่างกายในระดับสูง ความสามารถตามธรรมชาติของร่างกายในการรักษาตัวเอง มักจะไม่เพียงพอจนเป็นเหตุให้ร่างกายเราเกิดอันตรายได้ คนบางส่วนมีความเครียดและ/หรือระดับที่ร่างกายเป็นพิษถึงขั้นวิกฤต และเราก็ไม่ได้มีพลังเพียงพอในการล้างพิษหรือซ่อมแซมร่างกายของเราเองได้
ร่างกายสร้างพลังงาน ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) เองได้ ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นภายในเนื้อเยื่อของเราและ มีความเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของการตอบสนองการรักษา
การรักษาด้วยความร้อนจาก ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและให้พลังงาน
ขณะนี้การดูแลสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ในประเทศญี่ปุ่น และที่อื่นๆ เช่นใน แคนาดา ได้ใช้การรักษาด้วยความร้อนจาก ฟาร์ อินฟราเรด (FIR) เพื่อฟื้นฟูและรักษาอาการของโรคต่างๆมาเป็นระยะเวลานานหลายปีแล้ว
สรุป คือ จขกท ยังไม่มีความรู้เลยว่า FIR คืออะไร เลยตีโพยตีพายว่า สินค้าตัวนี้ไปเกี่ยวได้ยังไง
น้ำแร่พลังงานตัวนี้ เกิดจากการย้ายพลังงานจากพลอย 13 ชนิด จากกว่า 2-- ชนิด ที่ทาง XXXX ค้นพบแล้วว่ามี FIR อยู่
เราจึงย้ายพลังงานดังกล่าวมาใส่ใว้ในผลิตภัณฑ์
จบน่ะครับ ประเด็นที่ 1 เรื่อง FIR ไม่รู้ว่าใครจะใส่ใครยับก่อน ""
และ=====================================================
""FIR ของ XXXX นำมาจากพลอย 13 ชนิดที่ค้นพบแล้วว่ามี FIR จึงย้ายพลังงานดังกล่าวมาใส่ไว้ในน้ำแร่ตัวนี้
ดังนั้นที่คุณสุบอกว่าต้องใช้เครื่อง จึงไม่เสมอไป เพราะในอัญมนีก็มี FIR เช่นเดียวกัน ""
และ=====================================================
""FIR ในลักษณะนี้จะมีลักษณะ คลื่นความถี่กว้าง คล้ายๆ เอาก้อนหินปาลงบนผิวน้ำ จะเกิดคลื่นกระเพื่อมๆ คลื่นตรงนี้ เมื่อฉีด hydro หรือ ทา Muscell จะไปกระทบกับของเหลวในร่างกาย ซึ่งมีอยู่ถึง 70 % ของร่างกาย จะทำให้ร่างกาย อบอุ่นและเลือดไหลเวียนได้ดี
ส่วนข้อมูลเชิงลึกกว่านี้จะหามาให้อีก
อย่าเพิ่งเอาไปโยง กับ FIR ที่สร้างโดยร่างกายมนุษย์ แล้วจึงสร้างกล้อง ir cam เพื่อมองในที่มืด มันคนละเรื่องกัน
หลักการคือ ใช้ คลื่น เพื่อกระทบกับของเหลวในร่างกายเพื่อสร้างความร้อน ""
==================================================
จขกท. กับหลายๆ ท่าน อยากทราบว่า เทคโนโลยีนาโนในส่วนของ ทองคำ เงิน อัญมณี มาเพิ่มความสวยได้จริงหรอคะ
เเล้วการที่ผู้เกี่ยวข้องกับสินค้าได้ชี้เเจงว่า สินค้าตัวนี้มี อย. ผ่านการรับรองจาก สวทช (แต่ยังไม่เคยเห็นใบนะคะ)
สินค้าตัวนี้ควรจดทะเบียนอะไรบ้างหรอคะ?? NanoTec NanoQ ?
โดยปกติเเล้ว FIR คืออะไร เเล้วนาโนคืออะไร สามารถย้าย รังสี fir ลงน้ำได้มั้ยคะแล้วควบคุมได้มั้ย อันตรายหรือเปล่า ช่วยให้หน้าสวยยังไง
สมาชิกทุกท่านที่มีความรู้ด้านนี้รบกวนด้วยนะคะ
จขกท. เป็นคนวาดรูป ไม่มีความรู้เรื่องวิทย์เชิงลึกเลยคะ
รู้เเค่ว่าการโยนหินลงน้ำเเล้วเกิดคลื่น นั้นไว้เปรียบเทียบคลื่นเสียง
คลื่นไฟฟ้า จะมีเส้นโค้งเเนวตั้งกับเเนวนอน (จำได้ ปยอ.มากเลยคะ แหะๆ)
ขอบคุณล่วงหน้าคะ