โชคดีที่บ้านอยู่ในเมืองเลยได้ดูไม่ยาก ส่วนใครบ้านไกลก็เสียใจด้วยจริงๆครับ ฮ่าๆๆ (ตั้งกระทู้ยังไงให้โดนตบ)
เพิ่งได้ดูเรื่อง Boyhood มาครับ ดีงามมาก ชอบและประทับใจ
แต่ก็ไม่ได้ขนาดประทับใจตราตรึงอะไรมากมาย แค่รู้สึกว่ามันมีอะไรเล็กๆน้อยๆ(แต่เยอะ)มาซ้อนทับกับชีวิตเราพอดี
หนังเล่าเรื่องแบบเรียบง่าย ไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรหวือหวา ไม่มีอารมณ์แบบขึ้นสุดลงสุด แต่ก็ไม่เนือยเลย
เราจะได้เห็นพัฒนาการของเด็กชายคนนึงที่เติบโตไปสู่ช่วงวัยรุ่น เริ่มตั่งแต่ 5 ขวบ ไปจนถึงอายุ 18 ปี
พัฒนาการทั้งทางร่างกาย ความคิดจิตใจ และภาพแวดล้อมรอบๆตัวเค้า อย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ทำให้เราเห็นรายละเอียดต่างๆในช่วงชีวิตนึงของคนเรา เหตุการณ์ต่างๆ สื่อ/เพลง/ภาพยนตร์/หนังสือ หรือการเมือง
สิ่งที่เป็นสเน่ห์ของหนังเรื่องนี้จริงๆ ผมรู้สึกว่ามันคือ "ความเป็นจริง"
ในขณะที่หนัง coming of age วัยรุ่นเรื่องอื่นๆ พยายามจะสะท้อนปัญหาหรือวิถีบางด้านของวัยรุ่นอย่างซ้ำๆ
เช่น การขบถแหกกฏสังคม, การใช้ยาเสพติด, การมีเพศสัมพันธ์, ปัญหาความรัก หรือการค้นหาตัวตน
Boyhood ก็มีเรื่องพวกนี้อยู่บ้างนิดๆหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้หวือหวาเกินกว่าชีวิตปุถุชนคนนึงพึงมีนัก
เรียกได้ว่า นี่มันคือภาพสะท้อนของชีวิตเด็กครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดาๆที่ไม่ได้มีความพิเศษอะไร
ผมว่าสิ่งนี่แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้มัน
"จริง" และ
"สวยงาม" ตามอย่างชีวิตที่มันเป็น
ดูเสร็จแล้วผมเลยเข้าใจว่าทำไมต้องใช้เวลา 12 ปี เพราะ ผกก.คงอยากจะได้
ความสมจริงของช่วงเวลานั้นๆว่าเป็นอย่างไร
หลังออกจากโรงกลับมารู้สึกดีใจ shift หาย ที่ได้มีหนังสะท้อนชีวิตคนเด็กธรรมดาๆอย่างตูซะที!
ใครสามารถดูได้ก็แนะนำให้ไปดูกันครับ อย่าง แฟนฉัน / ตุ๊กแกรักแป้งมาก คือหนังวัยรำลึกของพ่อแม่เรา
แต่เรื่อง Boyhood นี่ก็เปรียบเหมือนเป็นหลักไมล์ของเด็กที่เกิดช่วง 2530 - 2540 ได้เป็นอย่างดี
ตั้งแต่เรามีแก๊งปั่นจักรยานแถวบ้าน เริ่มมี Gameboy จนไปมาถึงยุค Lady Gaga ทำให้เราคิดถึงตอนเป็นเด็กได้ไม่ยากเลยครับ
เห็นในรูปตัวอย่าง Mason ตอนเด็กๆน่ารักมาก แต่พอโตมาทำไมหน้าเหี้ยมจัง แต่พอไปดูในหนังผมรู้สึกว่าน้อง Mason นี่น่ารักดี
โตมาแล้วก็ไม่ได้แย่อย่างที่เห็น มีมุมน่ารักๆ มุมติสท์ๆ หลากหลายอยู่ในคนๆเดียว ซึ่งตรงนี้ผมชอบมาก
แต่คนที่ผมชอบมากกว่าคือตัวพี่สาว Samantha จี๊ดมาก เป็นตัวขโมยซีนเลย ตอนเด็กๆนี่แก่แดดมากน่าหยิกจริงๆ
#แก้ไขครั้งที่ 1 เติมภาพ
Boyhood เรียบง่ายแต่ดีงาม สมกับความพยายามของ 12 ปี
เพิ่งได้ดูเรื่อง Boyhood มาครับ ดีงามมาก ชอบและประทับใจ
แต่ก็ไม่ได้ขนาดประทับใจตราตรึงอะไรมากมาย แค่รู้สึกว่ามันมีอะไรเล็กๆน้อยๆ(แต่เยอะ)มาซ้อนทับกับชีวิตเราพอดี
หนังเล่าเรื่องแบบเรียบง่าย ไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรหวือหวา ไม่มีอารมณ์แบบขึ้นสุดลงสุด แต่ก็ไม่เนือยเลย
เราจะได้เห็นพัฒนาการของเด็กชายคนนึงที่เติบโตไปสู่ช่วงวัยรุ่น เริ่มตั่งแต่ 5 ขวบ ไปจนถึงอายุ 18 ปี
พัฒนาการทั้งทางร่างกาย ความคิดจิตใจ และภาพแวดล้อมรอบๆตัวเค้า อย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ทำให้เราเห็นรายละเอียดต่างๆในช่วงชีวิตนึงของคนเรา เหตุการณ์ต่างๆ สื่อ/เพลง/ภาพยนตร์/หนังสือ หรือการเมือง
สิ่งที่เป็นสเน่ห์ของหนังเรื่องนี้จริงๆ ผมรู้สึกว่ามันคือ "ความเป็นจริง"
ในขณะที่หนัง coming of age วัยรุ่นเรื่องอื่นๆ พยายามจะสะท้อนปัญหาหรือวิถีบางด้านของวัยรุ่นอย่างซ้ำๆ
เช่น การขบถแหกกฏสังคม, การใช้ยาเสพติด, การมีเพศสัมพันธ์, ปัญหาความรัก หรือการค้นหาตัวตน
Boyhood ก็มีเรื่องพวกนี้อยู่บ้างนิดๆหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้หวือหวาเกินกว่าชีวิตปุถุชนคนนึงพึงมีนัก
เรียกได้ว่า นี่มันคือภาพสะท้อนของชีวิตเด็กครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดาๆที่ไม่ได้มีความพิเศษอะไร
ผมว่าสิ่งนี่แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้มัน "จริง" และ "สวยงาม" ตามอย่างชีวิตที่มันเป็น
ดูเสร็จแล้วผมเลยเข้าใจว่าทำไมต้องใช้เวลา 12 ปี เพราะ ผกก.คงอยากจะได้ความสมจริงของช่วงเวลานั้นๆว่าเป็นอย่างไร
หลังออกจากโรงกลับมารู้สึกดีใจ shift หาย ที่ได้มีหนังสะท้อนชีวิตคนเด็กธรรมดาๆอย่างตูซะที!
ใครสามารถดูได้ก็แนะนำให้ไปดูกันครับ อย่าง แฟนฉัน / ตุ๊กแกรักแป้งมาก คือหนังวัยรำลึกของพ่อแม่เรา
แต่เรื่อง Boyhood นี่ก็เปรียบเหมือนเป็นหลักไมล์ของเด็กที่เกิดช่วง 2530 - 2540 ได้เป็นอย่างดี
ตั้งแต่เรามีแก๊งปั่นจักรยานแถวบ้าน เริ่มมี Gameboy จนไปมาถึงยุค Lady Gaga ทำให้เราคิดถึงตอนเป็นเด็กได้ไม่ยากเลยครับ
เห็นในรูปตัวอย่าง Mason ตอนเด็กๆน่ารักมาก แต่พอโตมาทำไมหน้าเหี้ยมจัง แต่พอไปดูในหนังผมรู้สึกว่าน้อง Mason นี่น่ารักดี
โตมาแล้วก็ไม่ได้แย่อย่างที่เห็น มีมุมน่ารักๆ มุมติสท์ๆ หลากหลายอยู่ในคนๆเดียว ซึ่งตรงนี้ผมชอบมาก
แต่คนที่ผมชอบมากกว่าคือตัวพี่สาว Samantha จี๊ดมาก เป็นตัวขโมยซีนเลย ตอนเด็กๆนี่แก่แดดมากน่าหยิกจริงๆ
#แก้ไขครั้งที่ 1 เติมภาพ