ไม่เคยแสดงความเห็นในฐานะหมอเลย ใน pantip แต่อ่านข่าวใน manager 2 วันนี้ แล้วรู้สึกตะหงิดๆ ในการชันสูตรการเสียชีวิตของผู้ต้องหาคดียิงนายสุทิน ที่เสียชีวิตในเรือนจำว่าเกิดจากสาเหตุ หอบหืดกำเริบ
ขอออกตัวในฐานะแพทย์ละกันครับ คือ อยากถามคนให้ความเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นหอบหืดรุนแรงเสียชีวิต ว่าปกติแล้วคิดว่าใน term ของ Moderate or Severe Asthma ที่อาการอาจกำเริบรุนแรงจนเสียชีวิตได้ ในชีวิตประจำวันผู้ป่วยต้องใช้ยาขยายหลอดลมหลายครั้ง ทั้งช่วงกลางวัน และกลางคืน, คิดหรือครับว่าคนแบบนี้จะไม่มีประวัติรับการรักษา หรือไม่ได้ใช้ยามาก่อนเลย แล้วยังใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ จนกระทั่งมีแรงถือปืนไปไล่ยิงคนได้ หรือถ้าผู้ป่วยเป็น mild intermittent หรือ mild asthma ที่อาการเป็นไม่มาก อาจใช้ยาน้อย หรือไม่ต้องใช้ยา, ในทางกลับกัน ผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็มีโอกาสน้อยมาก ที่จะอาการหอบหืดกำเริบจนเสียชีวิต; แล้วในผู้ป่วยที่เป็นหอบหืดรุนแรงในขณะต้องขัง (และเป็นหนักขนาดที่มีโอกาสที่จะมีอาการกำเริบจนเสียชีวิตเฉียบพลัน) จะไม่สามารถนำยาเข้าไปด้วย หรือทางเรือนจำจะไม่มียา Bronchodilator ที่รักษาเบื้องต้นติดอยู่เลยเหรอครับ ?
แล้วทราบหรือไม่ครับ ว่าในทางปฏิบัติถ้าอาการหอบหืด ที่เป็นจากโรคหอบที่จัดว่าเป็นโรคเรื้อรัง ต่อให้มีอาการกำเริบจริงก็ไม่ได้ทำให้คนไข้ตายในเวลาเป็นนาทีนะครับ ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะร่างกายผู้ป่วยมีการปรับตัวในระดับนึงอยู่แล้ว (ขออนุญาตยกตัวอย่างคุณดี๋ ดอกมะดัน นะครับ, ที่เสียชีวิตหลังจากมีภาวะสมองตายจากการขาด Oxygen หลังจากหอบหืดกำเริบและนำส่งโรงพยาบาลช้าเนื่องจากรถติด ก็ยังต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง) ถ้าไม่ใช่เป็นอาการแสดงที่พบร่วมกับภาวะ Anaphylactic shock (เช่น คนแพ้ผึ้ง หรือแพ้ยา) ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน ก็ไม่น่าที่จะเป็นไปได้ที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตโดยที่ไม่มีใครสังเกต หรือให้ความช่วยเหลือได้ทันเลย
ผมไม่ขอสรุปนะครับ ว่าในรายนี้ผู้ต้องหาตายธรรมชาติ หรือตายผิดธรรมชาติ แต่ถ้าชันสูตรอย่างตรงไปตรงมาผมอยากให้แสดงผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นเนื้อปอดด้วยนะครับ, เพราะเป็นหลัฐานสำคัญเลย ถ้าจะบอกว่าผู้ป่วยเป็นหอบหืดรุนแรงเรื้อรัง (ก็ควรมีลักษณะของ chronic inflammatory process + fibrotic change) หรือต่อให้เป็นเฉียบพลันก็ต้องมีลักษณะของ acute inflammatory process อยู่; แต่ถ้าไม่มีทั้งสองอย่างเลย แล้วยังสรุปว่าตายธรรมชาติจากโรคหอบหืด โดยดูจากสภาพศพ โดยไม่ชันสูตร แล้ววินิจฉัยเนื่องจากผู้ป่วยไม่มีบาดแผลภายนอก ร่วมกับมีประวัติเป็นหอบหืดรุนแรง (แต่ไม่เคยมีประวัติรักษา + วิ่งไล่ยิงคนไหว ??)
ผมในฐานะหมออายุรกรรม (มีความรู้เล็กน้อยทางนิติเวช + พยาธิวิทยา, ตามที่เรียนมาตอนช่วงเป็น GP) ก็ขอติงหน่อยละกันครับว่า ต่อให้คนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ในเชิงลึกทางการแพทย์อาจไม่สามารถแย้งอะไรในส่วนความเห็นทางการแพทย์ได้ แต่หมอด้วยกันที่ไม่ใช่นิติเวชฟังความเห็นในข่าวแล้ว รู้สึกตะขิดตะขวงใจนะครับ ที่แพทย์เราด่วนสรุปไปแบบนั้น
สุดท้ายนี้ ผมขอเชื่อนะครับ ว่าแพทย์ทุกสาขาอาชีพของไทยเราไม่ว่าจะปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ไหน ก็ยังยึดหลักจรรยาบรรณของอาชีพเป็นหลัก โดยไม่ขึ้นกับอำนาจของฝ่ายใด ก็ขอให้แพทย์ที่มีหน้าที่ชันสูตร ช่วยแสดงหลักฐานให้สังคมทราบให้เป็นกรณีตัวอย่างทางนิติเวชใน case นี้ด้วยนะครับ
PS. หมอโรคปอดท่านใด หรือนิติเวชท่านใด มีความคิดเห็นเช่นไรเพิ่มเติมในกรณีนี้ ก็ขอให้ช่วย share ความรู้เพิ่มเติมได้ตามสะดวกนะครับ เพราะผมเองเป็น specialist ทาง Cardiology อาจจำรายละเอียดบางส่วนตกหล่นไปได้พอสมควร ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ถ้ามีความผิดพลาดในส่วนของข้อมูล
ขอความเห็นในกรณีผู้ต้องหา เสียชีวิตในห้องขัง และถูกวินิจฉัยว่าเป็นหอบหืดเฉียบพลัน แต่ไม่เคยมีประวัติการรักษาหอบหืด
ขอออกตัวในฐานะแพทย์ละกันครับ คือ อยากถามคนให้ความเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นหอบหืดรุนแรงเสียชีวิต ว่าปกติแล้วคิดว่าใน term ของ Moderate or Severe Asthma ที่อาการอาจกำเริบรุนแรงจนเสียชีวิตได้ ในชีวิตประจำวันผู้ป่วยต้องใช้ยาขยายหลอดลมหลายครั้ง ทั้งช่วงกลางวัน และกลางคืน, คิดหรือครับว่าคนแบบนี้จะไม่มีประวัติรับการรักษา หรือไม่ได้ใช้ยามาก่อนเลย แล้วยังใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ จนกระทั่งมีแรงถือปืนไปไล่ยิงคนได้ หรือถ้าผู้ป่วยเป็น mild intermittent หรือ mild asthma ที่อาการเป็นไม่มาก อาจใช้ยาน้อย หรือไม่ต้องใช้ยา, ในทางกลับกัน ผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็มีโอกาสน้อยมาก ที่จะอาการหอบหืดกำเริบจนเสียชีวิต; แล้วในผู้ป่วยที่เป็นหอบหืดรุนแรงในขณะต้องขัง (และเป็นหนักขนาดที่มีโอกาสที่จะมีอาการกำเริบจนเสียชีวิตเฉียบพลัน) จะไม่สามารถนำยาเข้าไปด้วย หรือทางเรือนจำจะไม่มียา Bronchodilator ที่รักษาเบื้องต้นติดอยู่เลยเหรอครับ ?
แล้วทราบหรือไม่ครับ ว่าในทางปฏิบัติถ้าอาการหอบหืด ที่เป็นจากโรคหอบที่จัดว่าเป็นโรคเรื้อรัง ต่อให้มีอาการกำเริบจริงก็ไม่ได้ทำให้คนไข้ตายในเวลาเป็นนาทีนะครับ ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะร่างกายผู้ป่วยมีการปรับตัวในระดับนึงอยู่แล้ว (ขออนุญาตยกตัวอย่างคุณดี๋ ดอกมะดัน นะครับ, ที่เสียชีวิตหลังจากมีภาวะสมองตายจากการขาด Oxygen หลังจากหอบหืดกำเริบและนำส่งโรงพยาบาลช้าเนื่องจากรถติด ก็ยังต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง) ถ้าไม่ใช่เป็นอาการแสดงที่พบร่วมกับภาวะ Anaphylactic shock (เช่น คนแพ้ผึ้ง หรือแพ้ยา) ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน ก็ไม่น่าที่จะเป็นไปได้ที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตโดยที่ไม่มีใครสังเกต หรือให้ความช่วยเหลือได้ทันเลย
ผมไม่ขอสรุปนะครับ ว่าในรายนี้ผู้ต้องหาตายธรรมชาติ หรือตายผิดธรรมชาติ แต่ถ้าชันสูตรอย่างตรงไปตรงมาผมอยากให้แสดงผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นเนื้อปอดด้วยนะครับ, เพราะเป็นหลัฐานสำคัญเลย ถ้าจะบอกว่าผู้ป่วยเป็นหอบหืดรุนแรงเรื้อรัง (ก็ควรมีลักษณะของ chronic inflammatory process + fibrotic change) หรือต่อให้เป็นเฉียบพลันก็ต้องมีลักษณะของ acute inflammatory process อยู่; แต่ถ้าไม่มีทั้งสองอย่างเลย แล้วยังสรุปว่าตายธรรมชาติจากโรคหอบหืด โดยดูจากสภาพศพ โดยไม่ชันสูตร แล้ววินิจฉัยเนื่องจากผู้ป่วยไม่มีบาดแผลภายนอก ร่วมกับมีประวัติเป็นหอบหืดรุนแรง (แต่ไม่เคยมีประวัติรักษา + วิ่งไล่ยิงคนไหว ??)
ผมในฐานะหมออายุรกรรม (มีความรู้เล็กน้อยทางนิติเวช + พยาธิวิทยา, ตามที่เรียนมาตอนช่วงเป็น GP) ก็ขอติงหน่อยละกันครับว่า ต่อให้คนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ในเชิงลึกทางการแพทย์อาจไม่สามารถแย้งอะไรในส่วนความเห็นทางการแพทย์ได้ แต่หมอด้วยกันที่ไม่ใช่นิติเวชฟังความเห็นในข่าวแล้ว รู้สึกตะขิดตะขวงใจนะครับ ที่แพทย์เราด่วนสรุปไปแบบนั้น
สุดท้ายนี้ ผมขอเชื่อนะครับ ว่าแพทย์ทุกสาขาอาชีพของไทยเราไม่ว่าจะปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ไหน ก็ยังยึดหลักจรรยาบรรณของอาชีพเป็นหลัก โดยไม่ขึ้นกับอำนาจของฝ่ายใด ก็ขอให้แพทย์ที่มีหน้าที่ชันสูตร ช่วยแสดงหลักฐานให้สังคมทราบให้เป็นกรณีตัวอย่างทางนิติเวชใน case นี้ด้วยนะครับ
PS. หมอโรคปอดท่านใด หรือนิติเวชท่านใด มีความคิดเห็นเช่นไรเพิ่มเติมในกรณีนี้ ก็ขอให้ช่วย share ความรู้เพิ่มเติมได้ตามสะดวกนะครับ เพราะผมเองเป็น specialist ทาง Cardiology อาจจำรายละเอียดบางส่วนตกหล่นไปได้พอสมควร ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ถ้ามีความผิดพลาดในส่วนของข้อมูล