ตายปริศนาคาเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หนุ่มเสื้อแดง ผู้ต้องหายิงแกนนำม็อบกคป. อธิบดีราชทัณฑ์ชี้แจงระบุมีอาการหอบหืดหายใจไม่ออก จึงส่งไปร.พ.ก่อนเสียชีวิต ยันไม่ได้ถูกทำร้าย ขณะที่ร้อยเวรเผยเพิ่งได้รับแจ้งเหตุเมื่อเที่ยงวันที่ 29 ส.ค. ทั้งที่ตายไปเมื่อเย็นวันที่ 28 ส.ค. ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย แต่มีเลือดออกในท้อง ด้านทนายความผู้ร่วมสังเกตการณ์ชันสูตรศพ ไม่เชื่อตายด้วยโรคหอบหืด พบพิรุธเลือดออกใต้เยื่อบุตา ผิวคล้ำผิดปกติ ส่วนแม่ก็ติดใจ ไปเยี่ยมล่าสุดลูกบอกถ้าไม่ได้ประกันต้องตายแน่ เพราะมีคนขู่ฆ่า เคยถูกคนในคุกใช้สิ่งของบางอย่างทุบที่ท้อง
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรกริช ชัยมงคล อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาคดียิงนายสุทิน ธราทิน แกนนำกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (กคป.) ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา
นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ได้รับรายงานจากนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่านายสุรกริชเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากอาการป่วยโรคหอบหืด หายใจไม่ออก เรือนจำจึงส่งไปรักษาที่ทัณฑสถาน ร.พ.ราชทัณฑ์ ก่อนที่นายสุรกริชจะเสียชีวิต โดยผู้ต้องหามีโรคประจำตัว คือเบาหวานและหอบหืด ยืนยันว่าไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวต่อว่า แต่เนื่องจากเป็นการตายผิดธรรมชาติ เพราะอยู่ระหว่างการควบคุมของเรือนจำ จึงต้องตรวจพิสูจน์ศพโดยพนักงานสอบสวน อัยการ แพทย์ และฝ่ายปกครอง ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ ก่อนส่งไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ เพื่อผ่าศพหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป และในส่วนของกรมราชทัณฑ์จะรอผลการสอบสวนของพนักงานสอบสวน และรอคำสั่งศาลว่าผู้ต้องหาเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ก่อนจำหน่ายคดีออกจากระบบ
ขณะที่ นายอายุตม์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่านายสุรกริชถูกส่งตัวเข้ารักษาอาการโรคประจำตัวกำเริบ มีอาการหายใจไม่ออกจากโรคหอบหืด ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 28 ส.ค. ก่อนเสียชีวิตในช่วงเย็นวันเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่นายสุรกริชมีอาการป่วยกำเริบ เพราะไม่เคยมีประวัติถูกส่งตัวเข้ารักษาระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ ยืนยันว่านายสุรกริชไม่มีปัญหากับเพื่อนผู้ต้องขัง และไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายใดๆ ทั้งสิ้น
ด้านร.ต.ท.พีระ พันธุวงศ์ พนักงานสอบ สวน สน.ประชาชื่น เปิดเผยว่าได้รับแจ้งเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 29 ส.ค. ว่านายสุรกริชเสียชีวิตเมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีอาการช็อกและหมดสติ ผู้คุมจึงนำตัวไปรักษาที่ทัณฑสถาน ร.พ.ราชทัณฑ์ ก่อนจะเสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้นายสุรกริชมีโรคประจำตัว คือเบาหวาน จากการตรวจสอบไม่พบการถูกทำร้ายร่างกาย แต่อาการที่แพทย์ตรวจพบเพิ่มเติม คือมีเลือดออกในช่องทางเดินอาหาร ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตจะผิดธรรมชาติหรือไม่ ต้องตรวจพิสูจน์ศพโดยตำรวจ อัยการ แพทย์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ และส่งศพให้กับสถาบันนิติเวชร.พ.ตำรวจ ผ่าศพหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
"อาการเลือดออกในช่องทางเดินอาหารที่พบเพิ่มเติมนั้น อาจจะเกิดจากการได้รับสารบางอย่างในอาหารที่ได้รับ แต่ทางตำรวจยังไม่ขอสรุปผล เพราะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์อย่างชัดเจน ในวันจันทร์ที่ 1 ก.ย.นี้ จะเข้าไปตรวจสอบและสอบปากคำ ผู้คุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อีกครั้ง" ร.ต.ท.พีระกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพนายสุรกริชส่งมายังสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อให้แพทย์ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แน่ชัด โดย พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวว่าแพทย์จากสถาบันนิติเวชวิทยาไปตรวจพิสูจน์ศพเบื้องต้นที่ร.พ.ราช ทัณฑ์ เป็นการตรวจสอบสภาพศพเพียงภายนอกเท่านั้น และจะนำผลตรวจเบื้องต้นส่งให้สถาบันนิติเวชเพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง คาดว่าจะทราบผลในช่วงก่อนเวลา 12.00 น. ของวันที่ 30 ส.ค.นี้
"หากพบว่ามีการทำร้ายร่างกายจริง ก็จะปรากฏร่องรอย ถ้าเป็นการเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติก็จะผ่าพิสูจน์อย่างละเอียด รวมทั้งตรวจค้นประวัติว่ามีโรคประจำตัวใดหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบผลชันสูตร การเสียชีวิตของนักโทษในเรือนจำนั้น อาจเกิดจากโรคประจำตัวที่ไม่ได้รับการรักษา หรือดูแลอย่างใกล้ชิดเท่าที่ควร รวมถึงสภาพแวดล้อมที่แออัด จึงทำให้เสียชีวิต และส่งศพนักโทษมาตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยาบ่อยครั้ง" ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยากล่าว
ขณะเดียวกัน น.ส.เสาวลักษณ์ โพธิ์งาม ทนายความ กล่าวว่าได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ชันสูตรพลิกศพนายสุรกริช ที่ทัณฑสถาน ร.พ.ราชทัณฑ์ โดยมีตัวแทนเป็นญาติผู้ตาย พนักงานสอบสวน ทนายความ อัยการ และแพทย์ จากการพิสูจน์ศพเบื้องต้น ทราบจาก นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ ผอ.ทัณฑสถาน ร.พ.ราชทัณฑ์ ว่าสาเหตุการตายไม่น่าจะมาจากอาการหอบหืด เพราะพบมีเลือดออกใต้เยื่อบุตาขวา ผิวตัวคล้ำผิดปกติ เกล็ดเลือดต่ำมาก และมีเลือดออกในช่องท้องมาก ส่วนสาเหตุการตายที่แท้จริง ต้องรอการยืนยันการชันสูตรพลิกศพจากแพทย์นิติเวชอีกครั้ง
น.ส.เสาวลักษณ์กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ตายถูกจับในคดีครอบครองอาวุธปืน ซึ่งเป็นปืนมีทะเบียน และศาลสั่งปรับเป็นเงิน 3,500 บาท และให้รอลงอาญา 2 ปี ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากสอบสวนพบว่าเป็นปืนที่ใช้ยิงนาย สุทิน แกนนำ กปท. จึงขอฝากขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แม้ผู้ตายจะสารภาพว่าเป็นปืนของตัวเองจริง แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนายสุทิน จึงยื่นประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาต และเสียชีวิตก่อนเริ่มกระบวนการพิจารณาคดีในฐานะจำเลย
ส่วนนางอารีย์ ชัยมงคล อายุ 55 ปี แม่นายสุรกริช กล่าวว่าทราบข่าวเมื่อเช้าวันที่ 29 ส.ค.นี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ไปร่วมงานศพคนในหมู่บ้าน แล้วเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์โทรศัพท์มาที่บ้าน แต่ไม่โทรศัพท์เข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของตน และติดใจเรื่องการเสียชีวิตของลูกชาย เพราะไม่เชื่อจะเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว
"เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ไปเยี่ยมลูกที่เรือนจำ ขณะนั้นยังอยู่ที่แดน 1 แต่กำลังจะถูกย้ายไปที่แดน 4 ลูกบอกว่าถ้ายื่นประกันตัว 2 รอบยังไม่ได้ สงสัยคงไม่ได้ออกไป ต้องตายอยู่ในคุกแน่ เพราะตอนที่อยู่ในห้องมืด มีคนมาข่มขู่ว่าถ้าคนไหนเป็นเสื้อแดง จะฆ่าตายให้หมด แล้วบังคับให้ยอมรับสารภาพว่าใครเป็นคนสนับสนุนอยู่ ลูกบอกอีกว่าเคยถูกทุบที่ท้อง แต่ไม่ทราบว่าใช้อะไรทุบ ลักษณะเป็นของนุ่มๆ จึงไม่มีบาดแผลภายนอก" แม่นายสุรกริชกล่าว
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd09UTTRNams0Tmc9PQ%253D%253D§ionid
+++โปรดใช้วิจารนญาณ ในการเสพข้อมูลครับ +++
ผู้ต้องหาเสื้อแดง-ตายปริศนาคาคุก โดนคดียิงสุทิน พบเลือดในท้อง
ตายปริศนาคาเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หนุ่มเสื้อแดง ผู้ต้องหายิงแกนนำม็อบกคป. อธิบดีราชทัณฑ์ชี้แจงระบุมีอาการหอบหืดหายใจไม่ออก จึงส่งไปร.พ.ก่อนเสียชีวิต ยันไม่ได้ถูกทำร้าย ขณะที่ร้อยเวรเผยเพิ่งได้รับแจ้งเหตุเมื่อเที่ยงวันที่ 29 ส.ค. ทั้งที่ตายไปเมื่อเย็นวันที่ 28 ส.ค. ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย แต่มีเลือดออกในท้อง ด้านทนายความผู้ร่วมสังเกตการณ์ชันสูตรศพ ไม่เชื่อตายด้วยโรคหอบหืด พบพิรุธเลือดออกใต้เยื่อบุตา ผิวคล้ำผิดปกติ ส่วนแม่ก็ติดใจ ไปเยี่ยมล่าสุดลูกบอกถ้าไม่ได้ประกันต้องตายแน่ เพราะมีคนขู่ฆ่า เคยถูกคนในคุกใช้สิ่งของบางอย่างทุบที่ท้อง
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรกริช ชัยมงคล อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาคดียิงนายสุทิน ธราทิน แกนนำกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (กคป.) ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา
นายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ได้รับรายงานจากนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่านายสุรกริชเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากอาการป่วยโรคหอบหืด หายใจไม่ออก เรือนจำจึงส่งไปรักษาที่ทัณฑสถาน ร.พ.ราชทัณฑ์ ก่อนที่นายสุรกริชจะเสียชีวิต โดยผู้ต้องหามีโรคประจำตัว คือเบาหวานและหอบหืด ยืนยันว่าไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวต่อว่า แต่เนื่องจากเป็นการตายผิดธรรมชาติ เพราะอยู่ระหว่างการควบคุมของเรือนจำ จึงต้องตรวจพิสูจน์ศพโดยพนักงานสอบสวน อัยการ แพทย์ และฝ่ายปกครอง ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ ก่อนส่งไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ เพื่อผ่าศพหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป และในส่วนของกรมราชทัณฑ์จะรอผลการสอบสวนของพนักงานสอบสวน และรอคำสั่งศาลว่าผู้ต้องหาเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ก่อนจำหน่ายคดีออกจากระบบ
ขณะที่ นายอายุตม์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่านายสุรกริชถูกส่งตัวเข้ารักษาอาการโรคประจำตัวกำเริบ มีอาการหายใจไม่ออกจากโรคหอบหืด ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 28 ส.ค. ก่อนเสียชีวิตในช่วงเย็นวันเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่นายสุรกริชมีอาการป่วยกำเริบ เพราะไม่เคยมีประวัติถูกส่งตัวเข้ารักษาระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ ยืนยันว่านายสุรกริชไม่มีปัญหากับเพื่อนผู้ต้องขัง และไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายใดๆ ทั้งสิ้น
ด้านร.ต.ท.พีระ พันธุวงศ์ พนักงานสอบ สวน สน.ประชาชื่น เปิดเผยว่าได้รับแจ้งเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 29 ส.ค. ว่านายสุรกริชเสียชีวิตเมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีอาการช็อกและหมดสติ ผู้คุมจึงนำตัวไปรักษาที่ทัณฑสถาน ร.พ.ราชทัณฑ์ ก่อนจะเสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้นายสุรกริชมีโรคประจำตัว คือเบาหวาน จากการตรวจสอบไม่พบการถูกทำร้ายร่างกาย แต่อาการที่แพทย์ตรวจพบเพิ่มเติม คือมีเลือดออกในช่องทางเดินอาหาร ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตจะผิดธรรมชาติหรือไม่ ต้องตรวจพิสูจน์ศพโดยตำรวจ อัยการ แพทย์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ และส่งศพให้กับสถาบันนิติเวชร.พ.ตำรวจ ผ่าศพหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
"อาการเลือดออกในช่องทางเดินอาหารที่พบเพิ่มเติมนั้น อาจจะเกิดจากการได้รับสารบางอย่างในอาหารที่ได้รับ แต่ทางตำรวจยังไม่ขอสรุปผล เพราะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์อย่างชัดเจน ในวันจันทร์ที่ 1 ก.ย.นี้ จะเข้าไปตรวจสอบและสอบปากคำ ผู้คุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อีกครั้ง" ร.ต.ท.พีระกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพนายสุรกริชส่งมายังสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อให้แพทย์ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แน่ชัด โดย พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวว่าแพทย์จากสถาบันนิติเวชวิทยาไปตรวจพิสูจน์ศพเบื้องต้นที่ร.พ.ราช ทัณฑ์ เป็นการตรวจสอบสภาพศพเพียงภายนอกเท่านั้น และจะนำผลตรวจเบื้องต้นส่งให้สถาบันนิติเวชเพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง คาดว่าจะทราบผลในช่วงก่อนเวลา 12.00 น. ของวันที่ 30 ส.ค.นี้
"หากพบว่ามีการทำร้ายร่างกายจริง ก็จะปรากฏร่องรอย ถ้าเป็นการเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติก็จะผ่าพิสูจน์อย่างละเอียด รวมทั้งตรวจค้นประวัติว่ามีโรคประจำตัวใดหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบผลชันสูตร การเสียชีวิตของนักโทษในเรือนจำนั้น อาจเกิดจากโรคประจำตัวที่ไม่ได้รับการรักษา หรือดูแลอย่างใกล้ชิดเท่าที่ควร รวมถึงสภาพแวดล้อมที่แออัด จึงทำให้เสียชีวิต และส่งศพนักโทษมาตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยาบ่อยครั้ง" ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยากล่าว
ขณะเดียวกัน น.ส.เสาวลักษณ์ โพธิ์งาม ทนายความ กล่าวว่าได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ชันสูตรพลิกศพนายสุรกริช ที่ทัณฑสถาน ร.พ.ราชทัณฑ์ โดยมีตัวแทนเป็นญาติผู้ตาย พนักงานสอบสวน ทนายความ อัยการ และแพทย์ จากการพิสูจน์ศพเบื้องต้น ทราบจาก นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ ผอ.ทัณฑสถาน ร.พ.ราชทัณฑ์ ว่าสาเหตุการตายไม่น่าจะมาจากอาการหอบหืด เพราะพบมีเลือดออกใต้เยื่อบุตาขวา ผิวตัวคล้ำผิดปกติ เกล็ดเลือดต่ำมาก และมีเลือดออกในช่องท้องมาก ส่วนสาเหตุการตายที่แท้จริง ต้องรอการยืนยันการชันสูตรพลิกศพจากแพทย์นิติเวชอีกครั้ง
น.ส.เสาวลักษณ์กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ตายถูกจับในคดีครอบครองอาวุธปืน ซึ่งเป็นปืนมีทะเบียน และศาลสั่งปรับเป็นเงิน 3,500 บาท และให้รอลงอาญา 2 ปี ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากสอบสวนพบว่าเป็นปืนที่ใช้ยิงนาย สุทิน แกนนำ กปท. จึงขอฝากขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แม้ผู้ตายจะสารภาพว่าเป็นปืนของตัวเองจริง แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนายสุทิน จึงยื่นประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาต และเสียชีวิตก่อนเริ่มกระบวนการพิจารณาคดีในฐานะจำเลย
ส่วนนางอารีย์ ชัยมงคล อายุ 55 ปี แม่นายสุรกริช กล่าวว่าทราบข่าวเมื่อเช้าวันที่ 29 ส.ค.นี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ไปร่วมงานศพคนในหมู่บ้าน แล้วเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์โทรศัพท์มาที่บ้าน แต่ไม่โทรศัพท์เข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของตน และติดใจเรื่องการเสียชีวิตของลูกชาย เพราะไม่เชื่อจะเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว
"เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ไปเยี่ยมลูกที่เรือนจำ ขณะนั้นยังอยู่ที่แดน 1 แต่กำลังจะถูกย้ายไปที่แดน 4 ลูกบอกว่าถ้ายื่นประกันตัว 2 รอบยังไม่ได้ สงสัยคงไม่ได้ออกไป ต้องตายอยู่ในคุกแน่ เพราะตอนที่อยู่ในห้องมืด มีคนมาข่มขู่ว่าถ้าคนไหนเป็นเสื้อแดง จะฆ่าตายให้หมด แล้วบังคับให้ยอมรับสารภาพว่าใครเป็นคนสนับสนุนอยู่ ลูกบอกอีกว่าเคยถูกทุบที่ท้อง แต่ไม่ทราบว่าใช้อะไรทุบ ลักษณะเป็นของนุ่มๆ จึงไม่มีบาดแผลภายนอก" แม่นายสุรกริชกล่าว
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd09UTTRNams0Tmc9PQ%253D%253D§ionid
+++โปรดใช้วิจารนญาณ ในการเสพข้อมูลครับ +++