เผด็จการหัวใจ
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/32503484
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/32507791
*********************************************
แอบตะลึงกับยอดถูกใจ กับได้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ ทั้งที่หวังแค่จะมีเพื่อนๆ ตามอ่านบ้าง...
ขอบคุณทุกกำลังใจจริงๆ ครับ มันคือเชื้อเพลิงชั้นดีที่จะช่วยให้เผางานได้อย่างสม่ำเสมอ... (เผางานแหละถูกแล้วอะนิ)
ขอบคุณทุกโหวต ขอบคุณทุกกำลังถูกใจ จาก หอมมาก ถูกใจ, Inverness ถูกใจ, Echolalia ถูกใจ,
น้ำแข็งเกล็ด ถูกใจ, CAN LIVE ถูกใจ, มานีโอลา ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 816465 ถูกใจ, มาโซคิส ถูกใจ,
สมาชิกหมายเลข 1517680 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1421782, นิตยา นิรันดร์รัก ถูกใจและคุณ thezircon ถูกใจ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ ขอบคุณนักอ่านไร้เงาและทุกท่านที่ผ่านเข้ามาชิม เผด็จการหัวใจนะครับ
************************
เผด็จการหัวใจ
บทที่สาม
สกล พิทักษ์ถิ่น ยืนเข้าแถวอยู่หน้าระเบียงของสถานีตำรวจอำเภอบางบัวทอง พร้อมกับชายที่น่าจะสติเสียอีกหลายสิบคน
สายฝนยังไม่ได้กระหน่ำหนัก แต่ก็ทำให้คนที่ยืนล้นออกไปนอกชายคา เปียกโชกไปตามๆ กัน
ชายหนุ่มมีเงินสดตุงอยู่ในกระเป๋ากางเกง พร้อมที่จะจ่ายเงินประกันตัวให้กับหญิงสาว และมีข้อมูลสั้นๆ เขียนบนกระดาษที่ถูกฉีกออกมาจากถุงสีน้ำตาล พับเก็บอยู่ในกระเป๋าเสื้อ
เขาอยู่ในสภาพพร้อม... เท่าที่คิดว่าจำเป็น สำหรับการยื่นเรื่องขอลุ้นภรรยาสักคน
ไม่มีใครพูดกับสกล ไม่มีใครจะยอมรับว่า รู้จักเขาในเวลากลางวัน ส่วนในเวลากลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ยกเว้นเจ้าของร้านขายของชำและของเบ็ดเตล็ดที่มักจะพูดด้วย แต่นั่นก็เป็นเพราะเงินของเขามากกว่า เพราะชายหนุ่มแทบไม่เคยเจรจาตอบโต้อะไรถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
‘ไอ้แคว้นมันต้องบ้า ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งนั่นแหละ’
ใครอื่น มักกระซิบกันเมื่อคิดว่า เขาไม่ได้ยิน แค่ไม่พูดกันออกมาเท่านั้น ว่าเขาบ้าอย่างไร และเขาก็ไม่ติดใจจะซักถาม
แถวของผู้คนที่ยืนเบียดกันอยู่บนระเบียง เลยลงไปถึงชั้นล่าง เคลื่อนตัวช้าๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องชั้นบน แต่ละคนแสดงเงินของพวกเขา แล้วใส่ชื่อตัวเองลงในกล่องเล็กที่สารวัตรวิกรมเตรียมไว้
และมีเพียงไม่กี่คนที่แนบจดหมายหรือข้อความบางอย่าง ที่อยากจะนำเสนอให้กับว่าที่ภรรยา ถ้าหากว่าชื่อของพวกเขาถูกจับขึ้นมา
เมื่อสกลมาถึงข้างหน้า สารวัตรผู้มากวัยก็มองเขา ยิ้มๆ แล้วสั่นศีรษะ ก่อนจะรับจดหมายที่เขียนลงในเศษถุงกระดาษ และใส่ชื่อของชายหนุ่มลงในกล่อง
“พ่อแคว้นแน่ใจนะ ว่าอยากมีเมียกะเค้ามั่ง”
ชายชราหัวเราะเบาๆ
“แต่ถ้าจะมีผู้หญิงสักคนไปอยู่ด้วย พ่อแคว้นก็คงต้องพูดอะไรๆ กับเธอบ้างนะ”
ดาบทิม ผู้ช่วย หัวเราะก๊าก แล้วพึมพำทวนคำพูดของหัวหน้าตน
สกลไม่ตอบ เขาไม่เคยตอบ เขาเรียนรู้ได้นานแล้วว่า ผู้คนส่วนใหญ่แค่พูดในสิ่งที่อยากจะพูด และถามแบบมีคำตอบในใจอยู่แล้ว
ชายหนุ่มเพียงขยับไปด้านข้างเพื่อรอ พร้อมกับผู้ชายงี่เง่าคนอื่นๆ ซึ่งพวกเขาคงคิดว่าการมีเมีย น่าจะง่ายพอๆ กับการใส่ซองร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี
สารวัตรวิกรมพูดอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับความยินดี ที่ตัวเองไม่ต้องเป็นคนคัดเลือกชายที่น่าสงสารพวกนี้
“เอาละนะ! ดวงใครดวงมัน!”
เสียงของผู้มากวัยดังขึ้นจนได้ยินกันทั่ว
“และบนบานศาลกล่าวกันไว้ให้ดีด้วยล่ะ ว่าพอพวกเธอเห็นหน้าพวกคุณเข้าแล้ว จะไม่ตกใจ เป็นลมตายไปเสียก่อน”
สายตาของคนพูด ประสานเข้ากับการจ้องมองเขม็งของสกล นั่นทำให้ชายหนุ่มไม่ต้องเดาว่า คนพูดกำลังหมายถึงใคร
สกลกลืนเสียงสบถลงในลำคอ เขาไม่ใช่วัวควาย ที่จะมาพูดเล่น ราวกับว่าเขาไม่สามารถจะได้ยิน หรือเข้าใจคำพูดพวกนั้นได้
ถึงแม้จะไม่เคยมีใครสอนเรื่องการสบถออกมาดังๆ แต่เขาก็สันนิษฐานได้ว่า มันน่าจะเป็นการไม่สุภาพ ดังนั้น สกลจึงทำแค่เพียงจ้องตาตอบชายชรา จนอีกฝ่ายเบือนสายตาหนีไปเอง
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ความคิดเรื่องการแต่งงาน ยังไม่เคยเข้ามาแผ้วพานในจิตใจของสกล ถึงจะมีบ้างที่ผู้ชายสักคนจะฝัน แต่ก็คงไม่ใช่ฝันตอนกลางวันแสกๆ โดยเฉพาะกับเขา คนที่คอยระมัดระวัง และควบคุมตัวเองอยู่แทบตลอดเวลา
บางครั้งผู้ชายบางคนอาจกลับมาจากการแสวงโชค ณ แดนไกล พร้อมกับได้ภรรยามาคนหนึ่ง แต่สกลไม่รู้จักใคร และไม่รู้จักที่ไหนนอกจากที่นี่ รวมทั้งชาวอำเภอนี้ก็ไม่เคยแนะนำให้เขารู้จักกับผู้หญิงคนใด
สกลเคยได้ยินเรื่องการประกาศหาคู่ลงหนังสือพิมพ์ แต่เขาคิดว่านั่นมันเป็นการสิ้นไร้ไม้ตอกมากเกินไป
ส่วนวิธีนี้ อย่างน้อยที่สุดถ้าที่ถูกจับขึ้นมาเป็นชื่อของเขา เธอก็ยังจะได้เห็นหน้าเขา ก่อนที่จะพูดว่า “ตกลง... ยอมรับค่ะ” พอๆ กับที่จะมีโอกาสร้องกรี๊ด แล้ววิ่งหนีกลับไปซุกอยู่ในมุมห้องขัง แล้วพร่ำรำพันว่า ขอติดคุกเสียดีกว่าจะต้องแต่งงานกับเขา
แม้รัฐบาลจะตัดถนนได้หลายสาย แต่การขนผลไม้จากสวนมาส่ง สกลก็ยังใช้การล่องมาด้วยเรือมาดลำใหญ่ เช่นเดียวกับเมื่อตอนบ่ายวันนี้ หลังจากขนผลผลิตของตน ขึ้นไปพักไว้ในโกดังชายน้ำของลุงสมาน อย่างที่ทำเป็นประจำ
การค้าของสกล ถูกเอาเปรียบจากนายสมานเสอมมา ตั้งแต่การโกงน้ำหนัก การให้ราคาต่ำอย่างที่เคยเป็นมาตลอดสิบปี แต่เขาก็ยังได้เห็นเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในบัญชีเงินฝากธนาคารของตนเอง
นายสมานมักยืนอยู่ตรงหัวสะพานท่าน้ำ พูดคุยขณะที่สกลทยอยขนผลไม้ขึ้นชั่งและถ่ายใส่ลังเพื่อไปซ้อนไว้ในโกดัง โดยชายชราเจ้าของร้ายขายส่งผักผลไม้ที่มีอยู่แห่งเดียวในอำเภอ มักสานเสวนาเกี่ยวกับความเป็นไปที่เกิดขึ้นในพระนคร โดยพ่วงคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนเข้าไปด้วยเสมอ
และที่จริงแล้ว สกลเพียงแค่ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เมื่อชายเจ้าของร้านเล่าถึงผู้หญิงสามคน ที่โซซัดโซเซมาถึงที่นี่ แล้วถูกตั้งข้อหาว่าเป็นฆาตกร
“บริสุทธิ์ผุดผ่อง”
ชายแก่หัวเราะเบาๆ เมื่อพูดคำนี้ออกมา
“คิดดูสิ เขาว่าเรามีสาวๆ ที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเข้ามาอยู่ในอำเภอ”
ไม่ต้องพูดถึงข้อหาฆาตกร เพราะทุกคนในประเทศของรัฐบาลขณะนี้ ประชากรครึ่งหนึ่งต้องเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่แล้ว
สกลเงยขึ้นมองหน้าคนพูด เขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ และนั่นคือความสำเร็จของชายชรา
“ที่ฟังๆ มา หนึ่งในนั้นน่าจะยังไม่ได้เป็นสาวเต็มตัว แต่ก็เป็นผู้หญิงเต็มที่แล้วละ ส่วนอีกคน ก็ท่าทางอ่อนแอ เผลอๆ จะไม่รอดไปพ้นสงกรานต์ แต่ก็สวยอย่างกับนางละคร กับอีกคน น่าจะอายุมากที่สุด อาจจะสักยี่สิบห้า เบญจเพสพอดี ว่างั้นเถอะ”
นายสมานยิ้มจนเห็นฟันทองหลายซี่
“ถ้าหากลุงอายุน้อยกว่านี้สักสี่สิบปีละก้อ... กะว่าจะลองเสี่ยงดวงดูเหมือนกัน พ่อแคว้นรู้ไหม ไม่มีอะไรจะดีกว่าไป กว่ามีผู้หญิงสักคนไว้นอนกอด เวลาหนาวๆ อย่างนี้”
เมื่อชายหนุ่มเลิกคิ้วเข้มหนาขึ้นข้างหนึ่ง คนพูดจึงเสริมว่า
“ไม่ใช่สิ มันต้องไม่ใช่นังช็อกกะรีในร้านเหล้านั่น ไม่ใช่ว่าพวกนั้นไม่ดีหรอกนะ แต่คิดดูสิ ผู้หญิงดีๆ สักคน ต้องมีความหมายกับชีวิตเรามากกว่านังพวกนั้นอยู่แล้ว คือ... อย่างน้อยๆ พวกเธอก็จะทำให้ เราๆ อยากทำตัวให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ไงล่ะ”
อนลหวังว่าหนวดเคราที่รกครึ้มของตัวเอง คนซ่อนรอยแสยะยิ้มของตนเอาไว้ได้ เขาคิดไม่ออกว่า ชายชราจะเคยมีโอกาสเข้าใกล้ ‘ผู้หญิงดีๆ’ สักครั้งหรือไม่ในชีวิต และสาวๆ แถวนี้ก็มักถูกแปะยี่ห้อว่ายังเป็นสาวใสไร้เดียงสา จนกว่าพวกหล่อนจะนับนิ้วไม่ถูกนั่นละว่า เคยมีชิ้นมีอันมาแล้วกับผู้ชายกี่คน
“พ่อแคว้นน่าจะไปลองดูกับเขาเสียหน่อยนะ”
นายสมานยุส่ง
“พ่อแคว้นน่ะ ถึงวัยต้องมีครอบครัว เผื่อว่า จะได้มีผู้หญิงสักคน มาช่วยใช้เงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้นทุกวันๆ ก่อนที่รัฐบาลจะยึดธนาคารนั้นไปเสียก่อนไงล่ะ”
ชายชรามองหน้าสกล แบบที่รู้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้รับคำตอบใดๆ แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนของย่านบางบัวทอง ที่เคยได้ยินเสียงพูดของสกล แม้นั่นจะนานมาแล้ว และไม่แน่ใจว่าเป็นการตั้งใจจะเอ่ยออกมา หรือแค่การพึมพำกับตัวเอง
ทุกครั้งที่สกลเข้ามาในตัวอำเภอ ชายหนุ่มมักจะสั่งซื้ออะไรๆ โดยการเขียนเสมอ
“ที่ต้องทำก็คือจ่ายค่าประกันตัวให้ จากนั้น หนึ่งในพวกเธอก็จะเป็นของพ่อแคว้น”
ชายชราทำเสียงให้ฟังว่า ที่พูดมานั่น เป็นเรื่องง่ายดายเหลือแสน
“กับอีกอย่างคือ สารวัตรเค้าให้เขียนจดหมายน้อยถึงเธอได้ด้วย บอกเธอว่าชอบอะไร หวังว่าจะได้อะไร หรืออยากได้อะไรจากเธอ จากนั้นก็จะมีการจับรายชื่อ แต่ถ้าเธอไม่ชอบ หรือไม่ตกลงกับสิ่งที่เขียนบอกไป สารวัตรจะยอมให้จับใหม่...
“ลุงว่าถ้าเป็นพ่อแคล้ว ก็คงคล้ายๆ ตอนนางรจนาเสี่ยงพวงมาลัยนั่นละ”
จากนั้นนายสมานก็หัวเราะ
“ไอ้เสือวิกรมมันก็มีลูกสาวนะ ทิ้งให้อยู่กับเมียแถวคลองใหญ่ ทางตราดโน่นแน่ะ เขาบอกว่า ยุคนี้มันประชาธิปไตยเต็มใบ ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกผู้ชาย ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีข้อหาฆาตกรพ่วงหางมาด้วยก็เถอะ”
ห้าชั่วโมงต่อมา คำพูดของเจ้าของร้านขายส่งผักผลไม้ ยังคงดังวนเวียนอยู่ในหัวของชายหนุ่ม เขาเขียนสิ่งที่ตนเองต้องการจากหญิงสักคน ลงบนถุงกระดาษ และมอบมันให้สารวัตรไปแล้ว
ทว่า ทั้งหมดที่อยู่ในใจของสกลตอนนี้ก็คือ ไปขอเอาจดหมายน้อยนั้นกลับคืนมา และกลับไปบ้าน ก่อนที่ความเพ้อพกนี้ จะกลายเป็นฝันร้าย
จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า ทันทีที่หนึ่งในสามสาวจับชื่อของตนขึ้นมา แล้วก็คงจะขอจับใหม่ทันที ที่เห็นหน้าเขา
สารวัตรวิกรมออกมาไล่ให้ทุกคนถอยลงไปรวมตัวกันที่ลานหน้าทางขึ้นสถานี ไฟฟ้าไม่สว่างพอ ณ ตรงนั้น ทำให้ต้องเพิ่มตะเกียงเจ้าพายุอีกสองใบ บนหัวเสาเชิงบันได จากนั้นก็ผู้จัดการเสี่ยงทาย ก็หายกลับขึ้นไปข้างบน พร้อมกล่องใส่รายชื่อ
นั่นเป็นสัญญาณว่า แม่รจนา กำลังจะเริ่มพิธีการเสี่ยงพวงมาลัยแล้วจริงๆ
เมื่อกลับออกมาอีกครั้ง และมีการขานชื่อของชายคนแรก... ร่างสูงๆ ของชายผู้หนึ่งที่แต่งตัวมิดชิดด้วยเสื้อผ้าสีดำทั้งตัว แถมด้วยเสื้อคลุมดำยาวอีกตัว พร้อมด้วยหมวกไหมพรมที่ถูกดึงลงจนคลุมถึงต้นคอ ก็เดินผ่านหน้าทุกคนขึ้นไปสู่ชั้นบน
คนที่เหลือยังนิ่งเงียบ สกลขยับเข้าใกล้บันไดขึ้นอีกสองก้าว บอกตัวเองว่า น่าจะฉุดลุงสารวัตรเอาไว้ก่อน ถ้าชายชราเดินลงมาใกล้พอ แล้วขอถอนตัวออกจากการจับสลาก ก่อนที่อีกชื่อจะถูกจับขึ้นมา
ชายหนุ่มโชคดีที่พลาดไปแล้วในครั้งแรก แต่ใครจะรู้ เขาอาจไม่โชคดีเป็นครั้งที่สอง
แต่สกลก็ยังลังเล เพราะการถอนตัวอาจทำให้เขาต้องพูดออกมา ซึ่งไม่ใช่แค่การพูดกับลุงวิกรม แต่หมายถึงต้องพูดต่อหน้าคนเกือบครึ่งอำเภอ...
...นิ้วมือของสกลเริ่มขยับไปมาอยู่ที่ข้างลำตัว...
ชายในชุดสีดำเป็นคนแปลกหน้า ตอนนี้เสื้อคลุมตัวนอกของเขา ถอดคลุมกันฝนให้ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ผิวพรรณส่วนที่โผล่พ้นออกมา นวลเนียนสะอาดละออ
ชายคนนั้นแข็งแรงจนสามารถรวบแขนข้างหนึ่งที่ห้อยตกของเธอ แล้วกระชับทั้งร่างไว้ด้วยการโอบอุ้มอย่างมิดชิด พาตรงไปขึ้นรถจี๊ปสีขี้ม้าที่จอดรออยู่
ในอึดใจหนึ่งก่อนที่ผู้หญิงคนนั้น จะหายเข้าไปในที่นั่งข้างคนขับ หล่อนเหลียวไปที่สารวัตร ดวงตาของใบหน้าซีดเซียวเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่หล่อนก็ไม่ได้ร้องขอที่จะกลับคืนมา สกลคิดว่า หล่อนคงพร้อมแล้ว สำหรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น
ทุกคนต่างเฝ้ามอง และทำท่าว่า พร้อมจะช่วยเหลือ หากผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่ร้องขอ แต่หล่อนก็ไม่ทำ คนทางด้านหลังของสกล กระซิบกระซาบกันว่า แม่นางละคร ถูกเลือกไปแล้ว
(มีต่อ)
เผด็จการหัวใจ บทที่ 3
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/32503484
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/32507791
*********************************************
แอบตะลึงกับยอดถูกใจ กับได้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ ทั้งที่หวังแค่จะมีเพื่อนๆ ตามอ่านบ้าง...
ขอบคุณทุกกำลังใจจริงๆ ครับ มันคือเชื้อเพลิงชั้นดีที่จะช่วยให้เผางานได้อย่างสม่ำเสมอ... (เผางานแหละถูกแล้วอะนิ)
ขอบคุณทุกโหวต ขอบคุณทุกกำลังถูกใจ จาก หอมมาก ถูกใจ, Inverness ถูกใจ, Echolalia ถูกใจ,
น้ำแข็งเกล็ด ถูกใจ, CAN LIVE ถูกใจ, มานีโอลา ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 816465 ถูกใจ, มาโซคิส ถูกใจ,
สมาชิกหมายเลข 1517680 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1421782, นิตยา นิรันดร์รัก ถูกใจและคุณ thezircon ถูกใจ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ ขอบคุณนักอ่านไร้เงาและทุกท่านที่ผ่านเข้ามาชิม เผด็จการหัวใจนะครับ
************************
เผด็จการหัวใจ
บทที่สาม
สกล พิทักษ์ถิ่น ยืนเข้าแถวอยู่หน้าระเบียงของสถานีตำรวจอำเภอบางบัวทอง พร้อมกับชายที่น่าจะสติเสียอีกหลายสิบคน
สายฝนยังไม่ได้กระหน่ำหนัก แต่ก็ทำให้คนที่ยืนล้นออกไปนอกชายคา เปียกโชกไปตามๆ กัน
ชายหนุ่มมีเงินสดตุงอยู่ในกระเป๋ากางเกง พร้อมที่จะจ่ายเงินประกันตัวให้กับหญิงสาว และมีข้อมูลสั้นๆ เขียนบนกระดาษที่ถูกฉีกออกมาจากถุงสีน้ำตาล พับเก็บอยู่ในกระเป๋าเสื้อ
เขาอยู่ในสภาพพร้อม... เท่าที่คิดว่าจำเป็น สำหรับการยื่นเรื่องขอลุ้นภรรยาสักคน
ไม่มีใครพูดกับสกล ไม่มีใครจะยอมรับว่า รู้จักเขาในเวลากลางวัน ส่วนในเวลากลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ยกเว้นเจ้าของร้านขายของชำและของเบ็ดเตล็ดที่มักจะพูดด้วย แต่นั่นก็เป็นเพราะเงินของเขามากกว่า เพราะชายหนุ่มแทบไม่เคยเจรจาตอบโต้อะไรถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
‘ไอ้แคว้นมันต้องบ้า ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งนั่นแหละ’
ใครอื่น มักกระซิบกันเมื่อคิดว่า เขาไม่ได้ยิน แค่ไม่พูดกันออกมาเท่านั้น ว่าเขาบ้าอย่างไร และเขาก็ไม่ติดใจจะซักถาม
แถวของผู้คนที่ยืนเบียดกันอยู่บนระเบียง เลยลงไปถึงชั้นล่าง เคลื่อนตัวช้าๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องชั้นบน แต่ละคนแสดงเงินของพวกเขา แล้วใส่ชื่อตัวเองลงในกล่องเล็กที่สารวัตรวิกรมเตรียมไว้
และมีเพียงไม่กี่คนที่แนบจดหมายหรือข้อความบางอย่าง ที่อยากจะนำเสนอให้กับว่าที่ภรรยา ถ้าหากว่าชื่อของพวกเขาถูกจับขึ้นมา
เมื่อสกลมาถึงข้างหน้า สารวัตรผู้มากวัยก็มองเขา ยิ้มๆ แล้วสั่นศีรษะ ก่อนจะรับจดหมายที่เขียนลงในเศษถุงกระดาษ และใส่ชื่อของชายหนุ่มลงในกล่อง
“พ่อแคว้นแน่ใจนะ ว่าอยากมีเมียกะเค้ามั่ง”
ชายชราหัวเราะเบาๆ
“แต่ถ้าจะมีผู้หญิงสักคนไปอยู่ด้วย พ่อแคว้นก็คงต้องพูดอะไรๆ กับเธอบ้างนะ”
ดาบทิม ผู้ช่วย หัวเราะก๊าก แล้วพึมพำทวนคำพูดของหัวหน้าตน
สกลไม่ตอบ เขาไม่เคยตอบ เขาเรียนรู้ได้นานแล้วว่า ผู้คนส่วนใหญ่แค่พูดในสิ่งที่อยากจะพูด และถามแบบมีคำตอบในใจอยู่แล้ว
ชายหนุ่มเพียงขยับไปด้านข้างเพื่อรอ พร้อมกับผู้ชายงี่เง่าคนอื่นๆ ซึ่งพวกเขาคงคิดว่าการมีเมีย น่าจะง่ายพอๆ กับการใส่ซองร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี
สารวัตรวิกรมพูดอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับความยินดี ที่ตัวเองไม่ต้องเป็นคนคัดเลือกชายที่น่าสงสารพวกนี้
“เอาละนะ! ดวงใครดวงมัน!”
เสียงของผู้มากวัยดังขึ้นจนได้ยินกันทั่ว
“และบนบานศาลกล่าวกันไว้ให้ดีด้วยล่ะ ว่าพอพวกเธอเห็นหน้าพวกคุณเข้าแล้ว จะไม่ตกใจ เป็นลมตายไปเสียก่อน”
สายตาของคนพูด ประสานเข้ากับการจ้องมองเขม็งของสกล นั่นทำให้ชายหนุ่มไม่ต้องเดาว่า คนพูดกำลังหมายถึงใคร
สกลกลืนเสียงสบถลงในลำคอ เขาไม่ใช่วัวควาย ที่จะมาพูดเล่น ราวกับว่าเขาไม่สามารถจะได้ยิน หรือเข้าใจคำพูดพวกนั้นได้
ถึงแม้จะไม่เคยมีใครสอนเรื่องการสบถออกมาดังๆ แต่เขาก็สันนิษฐานได้ว่า มันน่าจะเป็นการไม่สุภาพ ดังนั้น สกลจึงทำแค่เพียงจ้องตาตอบชายชรา จนอีกฝ่ายเบือนสายตาหนีไปเอง
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ความคิดเรื่องการแต่งงาน ยังไม่เคยเข้ามาแผ้วพานในจิตใจของสกล ถึงจะมีบ้างที่ผู้ชายสักคนจะฝัน แต่ก็คงไม่ใช่ฝันตอนกลางวันแสกๆ โดยเฉพาะกับเขา คนที่คอยระมัดระวัง และควบคุมตัวเองอยู่แทบตลอดเวลา
บางครั้งผู้ชายบางคนอาจกลับมาจากการแสวงโชค ณ แดนไกล พร้อมกับได้ภรรยามาคนหนึ่ง แต่สกลไม่รู้จักใคร และไม่รู้จักที่ไหนนอกจากที่นี่ รวมทั้งชาวอำเภอนี้ก็ไม่เคยแนะนำให้เขารู้จักกับผู้หญิงคนใด
สกลเคยได้ยินเรื่องการประกาศหาคู่ลงหนังสือพิมพ์ แต่เขาคิดว่านั่นมันเป็นการสิ้นไร้ไม้ตอกมากเกินไป
ส่วนวิธีนี้ อย่างน้อยที่สุดถ้าที่ถูกจับขึ้นมาเป็นชื่อของเขา เธอก็ยังจะได้เห็นหน้าเขา ก่อนที่จะพูดว่า “ตกลง... ยอมรับค่ะ” พอๆ กับที่จะมีโอกาสร้องกรี๊ด แล้ววิ่งหนีกลับไปซุกอยู่ในมุมห้องขัง แล้วพร่ำรำพันว่า ขอติดคุกเสียดีกว่าจะต้องแต่งงานกับเขา
แม้รัฐบาลจะตัดถนนได้หลายสาย แต่การขนผลไม้จากสวนมาส่ง สกลก็ยังใช้การล่องมาด้วยเรือมาดลำใหญ่ เช่นเดียวกับเมื่อตอนบ่ายวันนี้ หลังจากขนผลผลิตของตน ขึ้นไปพักไว้ในโกดังชายน้ำของลุงสมาน อย่างที่ทำเป็นประจำ
การค้าของสกล ถูกเอาเปรียบจากนายสมานเสอมมา ตั้งแต่การโกงน้ำหนัก การให้ราคาต่ำอย่างที่เคยเป็นมาตลอดสิบปี แต่เขาก็ยังได้เห็นเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในบัญชีเงินฝากธนาคารของตนเอง
นายสมานมักยืนอยู่ตรงหัวสะพานท่าน้ำ พูดคุยขณะที่สกลทยอยขนผลไม้ขึ้นชั่งและถ่ายใส่ลังเพื่อไปซ้อนไว้ในโกดัง โดยชายชราเจ้าของร้ายขายส่งผักผลไม้ที่มีอยู่แห่งเดียวในอำเภอ มักสานเสวนาเกี่ยวกับความเป็นไปที่เกิดขึ้นในพระนคร โดยพ่วงคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนเข้าไปด้วยเสมอ
และที่จริงแล้ว สกลเพียงแค่ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เมื่อชายเจ้าของร้านเล่าถึงผู้หญิงสามคน ที่โซซัดโซเซมาถึงที่นี่ แล้วถูกตั้งข้อหาว่าเป็นฆาตกร
“บริสุทธิ์ผุดผ่อง”
ชายแก่หัวเราะเบาๆ เมื่อพูดคำนี้ออกมา
“คิดดูสิ เขาว่าเรามีสาวๆ ที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเข้ามาอยู่ในอำเภอ”
ไม่ต้องพูดถึงข้อหาฆาตกร เพราะทุกคนในประเทศของรัฐบาลขณะนี้ ประชากรครึ่งหนึ่งต้องเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่แล้ว
สกลเงยขึ้นมองหน้าคนพูด เขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ และนั่นคือความสำเร็จของชายชรา
“ที่ฟังๆ มา หนึ่งในนั้นน่าจะยังไม่ได้เป็นสาวเต็มตัว แต่ก็เป็นผู้หญิงเต็มที่แล้วละ ส่วนอีกคน ก็ท่าทางอ่อนแอ เผลอๆ จะไม่รอดไปพ้นสงกรานต์ แต่ก็สวยอย่างกับนางละคร กับอีกคน น่าจะอายุมากที่สุด อาจจะสักยี่สิบห้า เบญจเพสพอดี ว่างั้นเถอะ”
นายสมานยิ้มจนเห็นฟันทองหลายซี่
“ถ้าหากลุงอายุน้อยกว่านี้สักสี่สิบปีละก้อ... กะว่าจะลองเสี่ยงดวงดูเหมือนกัน พ่อแคว้นรู้ไหม ไม่มีอะไรจะดีกว่าไป กว่ามีผู้หญิงสักคนไว้นอนกอด เวลาหนาวๆ อย่างนี้”
เมื่อชายหนุ่มเลิกคิ้วเข้มหนาขึ้นข้างหนึ่ง คนพูดจึงเสริมว่า
“ไม่ใช่สิ มันต้องไม่ใช่นังช็อกกะรีในร้านเหล้านั่น ไม่ใช่ว่าพวกนั้นไม่ดีหรอกนะ แต่คิดดูสิ ผู้หญิงดีๆ สักคน ต้องมีความหมายกับชีวิตเรามากกว่านังพวกนั้นอยู่แล้ว คือ... อย่างน้อยๆ พวกเธอก็จะทำให้ เราๆ อยากทำตัวให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ไงล่ะ”
อนลหวังว่าหนวดเคราที่รกครึ้มของตัวเอง คนซ่อนรอยแสยะยิ้มของตนเอาไว้ได้ เขาคิดไม่ออกว่า ชายชราจะเคยมีโอกาสเข้าใกล้ ‘ผู้หญิงดีๆ’ สักครั้งหรือไม่ในชีวิต และสาวๆ แถวนี้ก็มักถูกแปะยี่ห้อว่ายังเป็นสาวใสไร้เดียงสา จนกว่าพวกหล่อนจะนับนิ้วไม่ถูกนั่นละว่า เคยมีชิ้นมีอันมาแล้วกับผู้ชายกี่คน
“พ่อแคว้นน่าจะไปลองดูกับเขาเสียหน่อยนะ”
นายสมานยุส่ง
“พ่อแคว้นน่ะ ถึงวัยต้องมีครอบครัว เผื่อว่า จะได้มีผู้หญิงสักคน มาช่วยใช้เงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้นทุกวันๆ ก่อนที่รัฐบาลจะยึดธนาคารนั้นไปเสียก่อนไงล่ะ”
ชายชรามองหน้าสกล แบบที่รู้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้รับคำตอบใดๆ แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนของย่านบางบัวทอง ที่เคยได้ยินเสียงพูดของสกล แม้นั่นจะนานมาแล้ว และไม่แน่ใจว่าเป็นการตั้งใจจะเอ่ยออกมา หรือแค่การพึมพำกับตัวเอง
ทุกครั้งที่สกลเข้ามาในตัวอำเภอ ชายหนุ่มมักจะสั่งซื้ออะไรๆ โดยการเขียนเสมอ
“ที่ต้องทำก็คือจ่ายค่าประกันตัวให้ จากนั้น หนึ่งในพวกเธอก็จะเป็นของพ่อแคว้น”
ชายชราทำเสียงให้ฟังว่า ที่พูดมานั่น เป็นเรื่องง่ายดายเหลือแสน
“กับอีกอย่างคือ สารวัตรเค้าให้เขียนจดหมายน้อยถึงเธอได้ด้วย บอกเธอว่าชอบอะไร หวังว่าจะได้อะไร หรืออยากได้อะไรจากเธอ จากนั้นก็จะมีการจับรายชื่อ แต่ถ้าเธอไม่ชอบ หรือไม่ตกลงกับสิ่งที่เขียนบอกไป สารวัตรจะยอมให้จับใหม่...
“ลุงว่าถ้าเป็นพ่อแคล้ว ก็คงคล้ายๆ ตอนนางรจนาเสี่ยงพวงมาลัยนั่นละ”
จากนั้นนายสมานก็หัวเราะ
“ไอ้เสือวิกรมมันก็มีลูกสาวนะ ทิ้งให้อยู่กับเมียแถวคลองใหญ่ ทางตราดโน่นแน่ะ เขาบอกว่า ยุคนี้มันประชาธิปไตยเต็มใบ ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกผู้ชาย ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีข้อหาฆาตกรพ่วงหางมาด้วยก็เถอะ”
ห้าชั่วโมงต่อมา คำพูดของเจ้าของร้านขายส่งผักผลไม้ ยังคงดังวนเวียนอยู่ในหัวของชายหนุ่ม เขาเขียนสิ่งที่ตนเองต้องการจากหญิงสักคน ลงบนถุงกระดาษ และมอบมันให้สารวัตรไปแล้ว
ทว่า ทั้งหมดที่อยู่ในใจของสกลตอนนี้ก็คือ ไปขอเอาจดหมายน้อยนั้นกลับคืนมา และกลับไปบ้าน ก่อนที่ความเพ้อพกนี้ จะกลายเป็นฝันร้าย
จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า ทันทีที่หนึ่งในสามสาวจับชื่อของตนขึ้นมา แล้วก็คงจะขอจับใหม่ทันที ที่เห็นหน้าเขา
สารวัตรวิกรมออกมาไล่ให้ทุกคนถอยลงไปรวมตัวกันที่ลานหน้าทางขึ้นสถานี ไฟฟ้าไม่สว่างพอ ณ ตรงนั้น ทำให้ต้องเพิ่มตะเกียงเจ้าพายุอีกสองใบ บนหัวเสาเชิงบันได จากนั้นก็ผู้จัดการเสี่ยงทาย ก็หายกลับขึ้นไปข้างบน พร้อมกล่องใส่รายชื่อ
นั่นเป็นสัญญาณว่า แม่รจนา กำลังจะเริ่มพิธีการเสี่ยงพวงมาลัยแล้วจริงๆ
เมื่อกลับออกมาอีกครั้ง และมีการขานชื่อของชายคนแรก... ร่างสูงๆ ของชายผู้หนึ่งที่แต่งตัวมิดชิดด้วยเสื้อผ้าสีดำทั้งตัว แถมด้วยเสื้อคลุมดำยาวอีกตัว พร้อมด้วยหมวกไหมพรมที่ถูกดึงลงจนคลุมถึงต้นคอ ก็เดินผ่านหน้าทุกคนขึ้นไปสู่ชั้นบน
คนที่เหลือยังนิ่งเงียบ สกลขยับเข้าใกล้บันไดขึ้นอีกสองก้าว บอกตัวเองว่า น่าจะฉุดลุงสารวัตรเอาไว้ก่อน ถ้าชายชราเดินลงมาใกล้พอ แล้วขอถอนตัวออกจากการจับสลาก ก่อนที่อีกชื่อจะถูกจับขึ้นมา
ชายหนุ่มโชคดีที่พลาดไปแล้วในครั้งแรก แต่ใครจะรู้ เขาอาจไม่โชคดีเป็นครั้งที่สอง
แต่สกลก็ยังลังเล เพราะการถอนตัวอาจทำให้เขาต้องพูดออกมา ซึ่งไม่ใช่แค่การพูดกับลุงวิกรม แต่หมายถึงต้องพูดต่อหน้าคนเกือบครึ่งอำเภอ...
...นิ้วมือของสกลเริ่มขยับไปมาอยู่ที่ข้างลำตัว...
ชายในชุดสีดำเป็นคนแปลกหน้า ตอนนี้เสื้อคลุมตัวนอกของเขา ถอดคลุมกันฝนให้ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ผิวพรรณส่วนที่โผล่พ้นออกมา นวลเนียนสะอาดละออ
ชายคนนั้นแข็งแรงจนสามารถรวบแขนข้างหนึ่งที่ห้อยตกของเธอ แล้วกระชับทั้งร่างไว้ด้วยการโอบอุ้มอย่างมิดชิด พาตรงไปขึ้นรถจี๊ปสีขี้ม้าที่จอดรออยู่
ในอึดใจหนึ่งก่อนที่ผู้หญิงคนนั้น จะหายเข้าไปในที่นั่งข้างคนขับ หล่อนเหลียวไปที่สารวัตร ดวงตาของใบหน้าซีดเซียวเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่หล่อนก็ไม่ได้ร้องขอที่จะกลับคืนมา สกลคิดว่า หล่อนคงพร้อมแล้ว สำหรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น
ทุกคนต่างเฝ้ามอง และทำท่าว่า พร้อมจะช่วยเหลือ หากผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่ร้องขอ แต่หล่อนก็ไม่ทำ คนทางด้านหลังของสกล กระซิบกระซาบกันว่า แม่นางละคร ถูกเลือกไปแล้ว