....การดูแลรักษารถยนต์ ถือเป็นสิ่งสำคัญของผู้ใช้รถ
เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
และยังช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยขึ้นด้วย
เนื่องจากชิ้นส่วนต่างๆในรถยนต์นั้น มีการสึกหรอตามการใช้งานอยู่แล้ว
จึงควรเปลี่ยนเมื่อครบอายุการใช้งานของมัน
....มาดูกันว่า
10 ชิ้นส่วนในรถยนต์ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด ได้แก่
...
1.น้ำมันเครื่อง และไส้กรองน้ำมันเครื่อง
....น้ำมันเครื่องถือเป็นปัจจัยหลักในการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์
ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนตามกำหนดทุกครั้ง
หรือหากตรวจพบว่าน้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
ก็สามารถเปลี่ยนก่อนกำหนดได้เลย
เพราะอาจบ่งบอกว่าน้ำมันเสื่อมสภาพแล้ว
ระยะเวลาเปลี่ยน ทุกๆ 5,000 - 10,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ประเภทน้ำมันเครื่อง)
...
2. ผ้าเบรค
....ผ้าเบรคเป็นชิ้นส่วนที่ส่งผลต่อความปลอดภัยโดยตรง
หากผ้าเบรคใกล้หมด จะมีเสียงดังเอี๊ยดเกิดขึ้นขณะเหยียบเบรค
บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนได้แล้ว
หากยังดึงดันที่จะใช้ต่อแล้วล่ะก็ อาจทำความเสียหายกับจานเบรคได้
ซึ่งมีราคาแพงกว่าผ้าเบรคหลายเท่าตัวเลยล่ะ
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 50,000 - 70,000 กิโลเมตร (หากใช้งานในเมืองอายุจะสั้นกว่า)
...
3. แบตเตอรี่
....แบตเตอรี่มีทั้งแบบแห้งและเปียก
โดยแบบแห้งไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาใดๆตลอดอายุการใช้งาน
แต่หากเป็นแบบเปียกนั้น
จำเป็นต้องมีการเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับอยู่เสมอ
เพื่อให้แบตเตอรี่สามารถเก็บประจุไฟได้อย่างเต็มที่
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 2-3 ปีแล้วแต่การใช้งาน แบตเปียกควรเช็คน้ำกลั่นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
...
4. ไส้กรองอากาศ
....เครื่องยนต์จำเป็นต้องได้รับอากาศบริสุทธิ์ในการเผาไหม้จำนวนมาก
ดังนั้น ไส้กรองอากาศจึงเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการกรองสิ่งสกปรกในอากาศก่อนเข้าไปยังเครื่องยนต์
หากมีสิ่งสกปรกอุดตันเป็นจำนวนมาก..ก็จะทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ กำลังเครื่องยนต์ก็จะลดลง
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร และเป่าทำความสะอาดทุกๆ 3,000-5,000 กิโลเมตร
...
5. น้ำมันเกียร์และไส้กรองน้ำมันเกียร์
....ระบบเกียร์มีชิ้นส่วนประกอบที่เป็นโลหะเข้าด้วยกันจำนวนมาก
ไม่ว่าจะเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบทั่วไป, แบบ CVT หรือแบบ Dual-clutch
ซึ่งมีการเคลื่อนที่ภายในห้องเกียร์ตลอดเวลา
จึงมีอัตราการสึกหรอสูง
น้ำมันเกียร์เป็นสิ่งสำคัญในการลดการสึกหรอดังกล่าว
ไม่ให้ระบบเกียร์กลับบ้านเก่าไปก่อนวัยอันควร
หากใช้ไปนานๆจะทำให้เกิดเศษโลหะในน้ำมันเกียร์ที่เป็นอันตรายต่อระบบเกียร์ได้
...ส่วนน้ำมันเกียร์แบบ Long-life นั้น
แม้ว่าผู้ผลิตจะระบุว่าสามารถใช้ได้ตลอดอายุการใช้งาน
แต่ก็ควรได้รับการเปลี่ยนถ่ายบ้าง เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานระบบเกียร์
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 20,000 - 40,000 กิโลเมตรแล้วแต่รุ่นรถ
...
6. ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
....ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงพบได้ทั้งรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล
โดยมีหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกต่างๆและน้ำ ที่มากับน้ำมันที่เราเติมตามปั๊มนั่นเอง
ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นานๆแล้ว จะทำให้ไส้กรองตัน
จนแรงดันน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ไม่พอ
ส่งผลให้ครื่องยนต์มีอาการเร่งไม่ขึ้น กระตุก หรือสตาร์ทยากได้
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 2 ปีหรือ 40,000 กิโลเมตรแล้วแต่รุ่นรถ
...
7. หลอดไฟต่างๆ
....ควรตรวจเช็คหลอดไฟต่างๆรอบตัวรถ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า (ไฟต่ำ, ไฟสูง, ไฟหรี่),
ไฟเลี้ยวทั้ง 4 มุมรวมถึงด้านข้าง, ไฟท้าย, ไฟเบรค ไฟถอยหลัง, ไฟตัดหมอก ฯลฯ
ว่าติดครบทุกดวงหรือไม่
หลอดไส้แบบฮาโลเจนนั้นมีโอกาสขาดได้ง่ายกว่าแบบ Xenon และ LED มาก
การขับรถผ่านทางขรุขระบ่อยๆก็อาจทำให้หลอดขาดได้ จึงควรหมั่นตรวจสอบสม่ำเสมอ
ระยะเวลาเปลี่ยน เปลี่ยนเมื่อหลอดขาด
...
8. สายพานไทม์มิ่ง
....เครื่องยนต์ทั่วไป มีสายพานจำนวนหลายเส้นช่วยขับเคลื่อนเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์
เช่น สายพานไทม์มิ่ง, สายพานคอมแอร์, สายพานเพาเวอร์, สายพานปั๊มน้ำ ฯลฯ แล้วแต่รุ่นรถ
แต่หากสายพานไทม์มิ่งซึ่งเป็นสายพานหลักของเครื่องยนต์ขาดจะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์อย่างรุนแรง
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 100,000 กิโลเมตร
...
9. หัวเทียน
....หัวเทียนส่งผลต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์
หากหัวเทียนเก่าเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์สะดุด ทำงานได้ไม่เต็มที่
หัวเทียนแบบปกตินั้น..มีราคาไม่แพง สามารถซื้อหามาเปลี่ยนได้ง่าย
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 40,000 กิโลเมตร
...
10. ใบปัดน้ำฝน
....อากาศร้อนอบอ้าวของเมืองไทย ส่งผลให้อายุการใช้งานใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็ว
ดังนั้น หากใบปัดไม่สามารถรีดน้ำได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
จึงควรรีบเปลี่ยนทันที โดยเฉพาะเมื่อเข้าหน้าฝนแบบนี้
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 1 ปี
ขอบคุณข้อมูล : Sanook Auto
....มารู้จัก 10 อะไหล่รถ..ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุดกันครับ
เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
และยังช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยขึ้นด้วย
เนื่องจากชิ้นส่วนต่างๆในรถยนต์นั้น มีการสึกหรอตามการใช้งานอยู่แล้ว
จึงควรเปลี่ยนเมื่อครบอายุการใช้งานของมัน
....มาดูกันว่า 10 ชิ้นส่วนในรถยนต์ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุด ได้แก่
...1.น้ำมันเครื่อง และไส้กรองน้ำมันเครื่อง
....น้ำมันเครื่องถือเป็นปัจจัยหลักในการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์
ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนตามกำหนดทุกครั้ง
หรือหากตรวจพบว่าน้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
ก็สามารถเปลี่ยนก่อนกำหนดได้เลย
เพราะอาจบ่งบอกว่าน้ำมันเสื่อมสภาพแล้ว
ระยะเวลาเปลี่ยน ทุกๆ 5,000 - 10,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ประเภทน้ำมันเครื่อง)
...2. ผ้าเบรค
....ผ้าเบรคเป็นชิ้นส่วนที่ส่งผลต่อความปลอดภัยโดยตรง
หากผ้าเบรคใกล้หมด จะมีเสียงดังเอี๊ยดเกิดขึ้นขณะเหยียบเบรค
บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนได้แล้ว
หากยังดึงดันที่จะใช้ต่อแล้วล่ะก็ อาจทำความเสียหายกับจานเบรคได้
ซึ่งมีราคาแพงกว่าผ้าเบรคหลายเท่าตัวเลยล่ะ
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 50,000 - 70,000 กิโลเมตร (หากใช้งานในเมืองอายุจะสั้นกว่า)
...3. แบตเตอรี่
....แบตเตอรี่มีทั้งแบบแห้งและเปียก
โดยแบบแห้งไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาใดๆตลอดอายุการใช้งาน
แต่หากเป็นแบบเปียกนั้น
จำเป็นต้องมีการเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับอยู่เสมอ
เพื่อให้แบตเตอรี่สามารถเก็บประจุไฟได้อย่างเต็มที่
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 2-3 ปีแล้วแต่การใช้งาน แบตเปียกควรเช็คน้ำกลั่นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
...4. ไส้กรองอากาศ
....เครื่องยนต์จำเป็นต้องได้รับอากาศบริสุทธิ์ในการเผาไหม้จำนวนมาก
ดังนั้น ไส้กรองอากาศจึงเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการกรองสิ่งสกปรกในอากาศก่อนเข้าไปยังเครื่องยนต์
หากมีสิ่งสกปรกอุดตันเป็นจำนวนมาก..ก็จะทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ กำลังเครื่องยนต์ก็จะลดลง
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร และเป่าทำความสะอาดทุกๆ 3,000-5,000 กิโลเมตร
...5. น้ำมันเกียร์และไส้กรองน้ำมันเกียร์
....ระบบเกียร์มีชิ้นส่วนประกอบที่เป็นโลหะเข้าด้วยกันจำนวนมาก
ไม่ว่าจะเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบทั่วไป, แบบ CVT หรือแบบ Dual-clutch
ซึ่งมีการเคลื่อนที่ภายในห้องเกียร์ตลอดเวลา
จึงมีอัตราการสึกหรอสูง
น้ำมันเกียร์เป็นสิ่งสำคัญในการลดการสึกหรอดังกล่าว
ไม่ให้ระบบเกียร์กลับบ้านเก่าไปก่อนวัยอันควร
หากใช้ไปนานๆจะทำให้เกิดเศษโลหะในน้ำมันเกียร์ที่เป็นอันตรายต่อระบบเกียร์ได้
...ส่วนน้ำมันเกียร์แบบ Long-life นั้น
แม้ว่าผู้ผลิตจะระบุว่าสามารถใช้ได้ตลอดอายุการใช้งาน
แต่ก็ควรได้รับการเปลี่ยนถ่ายบ้าง เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานระบบเกียร์
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 20,000 - 40,000 กิโลเมตรแล้วแต่รุ่นรถ
...6. ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
....ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงพบได้ทั้งรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล
โดยมีหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกต่างๆและน้ำ ที่มากับน้ำมันที่เราเติมตามปั๊มนั่นเอง
ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นานๆแล้ว จะทำให้ไส้กรองตัน
จนแรงดันน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ไม่พอ
ส่งผลให้ครื่องยนต์มีอาการเร่งไม่ขึ้น กระตุก หรือสตาร์ทยากได้
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 2 ปีหรือ 40,000 กิโลเมตรแล้วแต่รุ่นรถ
...7. หลอดไฟต่างๆ
....ควรตรวจเช็คหลอดไฟต่างๆรอบตัวรถ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า (ไฟต่ำ, ไฟสูง, ไฟหรี่),
ไฟเลี้ยวทั้ง 4 มุมรวมถึงด้านข้าง, ไฟท้าย, ไฟเบรค ไฟถอยหลัง, ไฟตัดหมอก ฯลฯ
ว่าติดครบทุกดวงหรือไม่
หลอดไส้แบบฮาโลเจนนั้นมีโอกาสขาดได้ง่ายกว่าแบบ Xenon และ LED มาก
การขับรถผ่านทางขรุขระบ่อยๆก็อาจทำให้หลอดขาดได้ จึงควรหมั่นตรวจสอบสม่ำเสมอ
ระยะเวลาเปลี่ยน เปลี่ยนเมื่อหลอดขาด
...8. สายพานไทม์มิ่ง
....เครื่องยนต์ทั่วไป มีสายพานจำนวนหลายเส้นช่วยขับเคลื่อนเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์
เช่น สายพานไทม์มิ่ง, สายพานคอมแอร์, สายพานเพาเวอร์, สายพานปั๊มน้ำ ฯลฯ แล้วแต่รุ่นรถ
แต่หากสายพานไทม์มิ่งซึ่งเป็นสายพานหลักของเครื่องยนต์ขาดจะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์อย่างรุนแรง
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 100,000 กิโลเมตร
...9. หัวเทียน
....หัวเทียนส่งผลต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์
หากหัวเทียนเก่าเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์สะดุด ทำงานได้ไม่เต็มที่
หัวเทียนแบบปกตินั้น..มีราคาไม่แพง สามารถซื้อหามาเปลี่ยนได้ง่าย
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 40,000 กิโลเมตร
...10. ใบปัดน้ำฝน
....อากาศร้อนอบอ้าวของเมืองไทย ส่งผลให้อายุการใช้งานใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็ว
ดังนั้น หากใบปัดไม่สามารถรีดน้ำได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
จึงควรรีบเปลี่ยนทันที โดยเฉพาะเมื่อเข้าหน้าฝนแบบนี้
ระยะเวลาเปลี่ยน ประมาณ 1 ปี
ขอบคุณข้อมูล : Sanook Auto