สืบเนื่องจาก ความอยากประหยัด
ด้วยการเลิกเข้าศูนย์ เนื่องจากค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งสูงมากๆ
ครั้นหาข้อมูลดู ก็พบว่าค่อนข้างกระจัดกระจาย
เลยเปิดสมุดคู่มือรถมาดู (แนะนำให้เปิดดู)
เจอวาามีบอกคร่าวๆ ว่าที่ระยะเท่าไหร่ต้องทำอะไรบ้าง?
จึงพยายามค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม + ประสบการณ์
เลยรวบรวมสรุปสิ่งที่ได้ ออกมาแชร์ตามความเข้าใจ
หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาข้อมูลอยู่นะครับ
1. รถที่เข้าศูนย์ ทำแล้วจ่ายหนักคือ
รอบ80,000โล รายการที่เราอาจตัดออกไป (เปลี่ยนรอบหน้าแทนได้ ถ้าไม่ค่อยขับน้ำมัน เน้นขับแก๊สเป็นหลัก) คือ ไส้กรองเชื้อเพลิง หรือไส้กรองเบนซิน (อยู่แถวถังน้ำมันรื้อยาก ค่าแรงเลยแพง)
วิธีการใช้งานรถที่ขับแก๊สและยืดอายุการใช้งานกรองเบนซิน คือ หมั่นขับน้ำมัน เวลาสตาร์ท-ก่อนดับเครื่อง
และเลือกเติมน้ำมันที่ผสมเอทานอลมาน้อยๆ จะยิ่งดี
2. โชคดีที่รถรุ่นใหม่ๆ ไม่ใช้สายพานไทม์มิ่ง เขาเปลี่ยนเป็นโซ่ราวลิ้นแทนแล้ว ไม่ต้องรื้อเครื่องยนต์มาเปลี่ยน ไม่งั้นที่แสนโลต้องเปลี่ยนอีก (ค่าแรงแพง)
3. พวกน้ำมันเบรก, น้ำมันพาวเวอร์+น้ำมันเกียร์ (ไม่แพง)
ปรกติไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยพอดูว่ามันเริ่มสกปรกสีเริ่มเข้มๆดำๆขึ้นก็ค่อยพิจารณาเปลี่ยน
แต่ถ้าเจอว่ามันพร่องก็เติมเอา (น้ำมันเบรกถ้าพร่องมากๆแปลว่าผ้าเบรกอาจจะหมดแล้ว ควรเปลี่ยนผ้าเบรก)
4. ไส้กรองน้ำมันเกียร์ รถใหม่ๆเดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว (ถ้ามีควรเปลี่ยนตามรอบ)
พวกเศษเหล็กของเกียร์ที่เสียดสี ก็มีโอกาสให้น้ำมันเกียร์สกปรกมากขึ้น
เพราะงั้นควรเปลี่ยนตามรอบ 80000
4. น้ำมันรักษาเครื่องยนต์ หรือพวกหัวเชื้อ ก็ไม่ต้องใช้ ไม่ค่อยช่วย
5. น้ำมันเครื่องกับ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนทุก 10,000 โล เครื่องยนต์มันเสียดสี เศษเหล็กที่หลุดออกมา จะได้เอาออกทิ้งไป ถนอมเครื่องยนต์
6. ไส้กรองอากาศ (ไม่แพง)ก็ไม่ต้องเปลี่ยนถ้าทำความสะอาด ลมเป่าแล้วมันสะอาด ไม่ดำ (ควรทำความสะอาดทุกๆ 5000โล โดยเฉพาะพวกที่ขับเจอฝุ่นเยอะๆ) อากาศที่จะเข้าไปเผาไหม้ในเครื่องยนต์จะได้สะอาดๆ เผาไหม้ดี ประหยัดน้ำมัน
7. ไส้กรองแอร์ก็ดูตามสภาพดำมากๆค่อยเปลี่ยน เราหายใจเข้าไป จะได้ไม่เป็นภูมิแพ้
8. พวกโอริง/ ปะเก็น และน็อตยึด ต่างๆ ควรเปลี่ยนใหม่เมื่อมีโอกาสเปิดออกมาทำ ราคาถูกๆ กันพวกน้ำมันรั่วตามซีลต่างๆได้
9.แอร์ ไม่ควรล้าง ถ้าแอร์ยังเย็น ปกติ เพราะการล้างอาจสร้างความเสียหายภายหลังได้ วิธีการรักษายืดอายุการใช้งานคือ ก่อนจอดรถ ปิด A/C แล้วเปิดแต่พัดลม ไล่ความเย็นออกมาเอา
10. น้ำยาหล่อเย็น ควรหมั่นเช็ค บดไปนิดหน่อยเติมน้ำได้ เพราะพวกนี้เขาผสมน้ำมาให้เราอยู่แล้ว แต่ไม่ควรเติมน้ำเพียวๆ มีโอกาสเกิดตะกรัน หรือสนิมภายในหม้อน้ำได้
พวกนี้ที่ ระยะ 160,000โล ค่อยเปลี่ยนใหม่สักที
11. ผ้าเบรกตามสภาพการใช้ปกติจะมีอัตราการเปลี่ยนผ้าเบรกหลัง 2 ครั้ง ค่อยเปลี่ยน ผ้าเบรกหน้า 1 ครั้ง เมื่อเปลี่ยนผ้าเบรกควรเจียรจานเบรกด้วย เพื่อให้ผ้าเบรกทำงานมีประสิทธิภาพ และไม่เป็นรอยง่าย
12. โช้ค ลูกหมาก ยางหุ้มต่างๆ ช่วงล่างควรหมั่นตรวจสอบเป็นระยะ เสียหรือเริ่ม รั่วซึม ปริขาด ก็บำรุงรักษาตามสภาพ (อัดจารบี อัดโช้คไปได้)
ถ้าอาการหนักก็เปลี่ยนใหม่
13.สลับยาง ทุกๆ 10,000โล โดยสลับ หน้า-หลัง ผลัดเปลี่ยนกับการ สลับไขว้กากบาท ทำวนไปเรื่อยๆ ยางทุกเส้นจะได้สึกหรอพอๆกัน นอกจากนี้การหมั่นเติมลมยางทุกๆ3-4 สัปดาห์ ก็จะช่วยลดการสึกหรอที่ไม่จำเป็นออกไปได้
ยางถ้ามีรอยแตกลายงา, ดอกยางเริ่มหมด, แข็งๆ ยิ่งจอดตากแดดบ่อย ควรเปลี่ยนใหม่ ไวขึ้น ปกติสัก 40,000-60,000ก็ควรพิจารณาเปลี่ยนละ
14. น้ำกลั่นแบตเตอรี่ ควรหมั่นเช็ค ใช้เป็นแบตน้ำจะทนที่สุด แต่ก็ต้องคอยเติมบ่อย ถ้าขับในเมืองก็ทุก 1-2 เดือน ขับทางไกล ก็อาจจะ2-3 เดือน เติมที
15. หัวเทียนเปลี่ยนตามรอบไป (ราคาไม่แพง)
หวังว่าจะพอนำไปปรับใช้กับรถยนต์ของแต่ละท่านได้บ้าง
หากมีข้อมูลตรงไหนผิดพลาด รบกวนชี้แนะด้วยครับ^^
รวมคำตอบ เลิกเอารถเข้าศูนย์!! ต้องทำอะไรเมื่อไหร่?
ด้วยการเลิกเข้าศูนย์ เนื่องจากค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งสูงมากๆ
ครั้นหาข้อมูลดู ก็พบว่าค่อนข้างกระจัดกระจาย
เลยเปิดสมุดคู่มือรถมาดู (แนะนำให้เปิดดู)
เจอวาามีบอกคร่าวๆ ว่าที่ระยะเท่าไหร่ต้องทำอะไรบ้าง?
จึงพยายามค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม + ประสบการณ์
เลยรวบรวมสรุปสิ่งที่ได้ ออกมาแชร์ตามความเข้าใจ
หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาข้อมูลอยู่นะครับ
1. รถที่เข้าศูนย์ ทำแล้วจ่ายหนักคือ
รอบ80,000โล รายการที่เราอาจตัดออกไป (เปลี่ยนรอบหน้าแทนได้ ถ้าไม่ค่อยขับน้ำมัน เน้นขับแก๊สเป็นหลัก) คือ ไส้กรองเชื้อเพลิง หรือไส้กรองเบนซิน (อยู่แถวถังน้ำมันรื้อยาก ค่าแรงเลยแพง)
วิธีการใช้งานรถที่ขับแก๊สและยืดอายุการใช้งานกรองเบนซิน คือ หมั่นขับน้ำมัน เวลาสตาร์ท-ก่อนดับเครื่อง
และเลือกเติมน้ำมันที่ผสมเอทานอลมาน้อยๆ จะยิ่งดี
2. โชคดีที่รถรุ่นใหม่ๆ ไม่ใช้สายพานไทม์มิ่ง เขาเปลี่ยนเป็นโซ่ราวลิ้นแทนแล้ว ไม่ต้องรื้อเครื่องยนต์มาเปลี่ยน ไม่งั้นที่แสนโลต้องเปลี่ยนอีก (ค่าแรงแพง)
3. พวกน้ำมันเบรก, น้ำมันพาวเวอร์+น้ำมันเกียร์ (ไม่แพง)
ปรกติไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยพอดูว่ามันเริ่มสกปรกสีเริ่มเข้มๆดำๆขึ้นก็ค่อยพิจารณาเปลี่ยน
แต่ถ้าเจอว่ามันพร่องก็เติมเอา (น้ำมันเบรกถ้าพร่องมากๆแปลว่าผ้าเบรกอาจจะหมดแล้ว ควรเปลี่ยนผ้าเบรก)
4. ไส้กรองน้ำมันเกียร์ รถใหม่ๆเดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว (ถ้ามีควรเปลี่ยนตามรอบ)
พวกเศษเหล็กของเกียร์ที่เสียดสี ก็มีโอกาสให้น้ำมันเกียร์สกปรกมากขึ้น
เพราะงั้นควรเปลี่ยนตามรอบ 80000
4. น้ำมันรักษาเครื่องยนต์ หรือพวกหัวเชื้อ ก็ไม่ต้องใช้ ไม่ค่อยช่วย
5. น้ำมันเครื่องกับ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนทุก 10,000 โล เครื่องยนต์มันเสียดสี เศษเหล็กที่หลุดออกมา จะได้เอาออกทิ้งไป ถนอมเครื่องยนต์
6. ไส้กรองอากาศ (ไม่แพง)ก็ไม่ต้องเปลี่ยนถ้าทำความสะอาด ลมเป่าแล้วมันสะอาด ไม่ดำ (ควรทำความสะอาดทุกๆ 5000โล โดยเฉพาะพวกที่ขับเจอฝุ่นเยอะๆ) อากาศที่จะเข้าไปเผาไหม้ในเครื่องยนต์จะได้สะอาดๆ เผาไหม้ดี ประหยัดน้ำมัน
7. ไส้กรองแอร์ก็ดูตามสภาพดำมากๆค่อยเปลี่ยน เราหายใจเข้าไป จะได้ไม่เป็นภูมิแพ้
8. พวกโอริง/ ปะเก็น และน็อตยึด ต่างๆ ควรเปลี่ยนใหม่เมื่อมีโอกาสเปิดออกมาทำ ราคาถูกๆ กันพวกน้ำมันรั่วตามซีลต่างๆได้
9.แอร์ ไม่ควรล้าง ถ้าแอร์ยังเย็น ปกติ เพราะการล้างอาจสร้างความเสียหายภายหลังได้ วิธีการรักษายืดอายุการใช้งานคือ ก่อนจอดรถ ปิด A/C แล้วเปิดแต่พัดลม ไล่ความเย็นออกมาเอา
10. น้ำยาหล่อเย็น ควรหมั่นเช็ค บดไปนิดหน่อยเติมน้ำได้ เพราะพวกนี้เขาผสมน้ำมาให้เราอยู่แล้ว แต่ไม่ควรเติมน้ำเพียวๆ มีโอกาสเกิดตะกรัน หรือสนิมภายในหม้อน้ำได้
พวกนี้ที่ ระยะ 160,000โล ค่อยเปลี่ยนใหม่สักที
11. ผ้าเบรกตามสภาพการใช้ปกติจะมีอัตราการเปลี่ยนผ้าเบรกหลัง 2 ครั้ง ค่อยเปลี่ยน ผ้าเบรกหน้า 1 ครั้ง เมื่อเปลี่ยนผ้าเบรกควรเจียรจานเบรกด้วย เพื่อให้ผ้าเบรกทำงานมีประสิทธิภาพ และไม่เป็นรอยง่าย
12. โช้ค ลูกหมาก ยางหุ้มต่างๆ ช่วงล่างควรหมั่นตรวจสอบเป็นระยะ เสียหรือเริ่ม รั่วซึม ปริขาด ก็บำรุงรักษาตามสภาพ (อัดจารบี อัดโช้คไปได้)
ถ้าอาการหนักก็เปลี่ยนใหม่
13.สลับยาง ทุกๆ 10,000โล โดยสลับ หน้า-หลัง ผลัดเปลี่ยนกับการ สลับไขว้กากบาท ทำวนไปเรื่อยๆ ยางทุกเส้นจะได้สึกหรอพอๆกัน นอกจากนี้การหมั่นเติมลมยางทุกๆ3-4 สัปดาห์ ก็จะช่วยลดการสึกหรอที่ไม่จำเป็นออกไปได้
ยางถ้ามีรอยแตกลายงา, ดอกยางเริ่มหมด, แข็งๆ ยิ่งจอดตากแดดบ่อย ควรเปลี่ยนใหม่ ไวขึ้น ปกติสัก 40,000-60,000ก็ควรพิจารณาเปลี่ยนละ
14. น้ำกลั่นแบตเตอรี่ ควรหมั่นเช็ค ใช้เป็นแบตน้ำจะทนที่สุด แต่ก็ต้องคอยเติมบ่อย ถ้าขับในเมืองก็ทุก 1-2 เดือน ขับทางไกล ก็อาจจะ2-3 เดือน เติมที
15. หัวเทียนเปลี่ยนตามรอบไป (ราคาไม่แพง)
หวังว่าจะพอนำไปปรับใช้กับรถยนต์ของแต่ละท่านได้บ้าง
หากมีข้อมูลตรงไหนผิดพลาด รบกวนชี้แนะด้วยครับ^^