คือว่าอายเห็นแว็บ ๆ ว่ามีการตั้งกระทู้ข้อมูล 10 อย่างของ "ดวงอาทิตย์" ที่คุณอาจไม่รู้
ซึ่งทั้ง 10 อย่างนั้นมีที่คลาดเคลื่อนไปบ้าง และท่านเดิมที่ตั้งกระทู้ได้แจ้งลบไปแล้ว
อายจึงขอตั้งเป็นกระทู้ใหม่ขึ้นมาเลยนะคะ
หากข้อใดที่อายแก้ข้อมูลผิดไป พี่ ๆ ทุกท่านเพิ่มเติมได้นะคะ
(เนื้อหานี้ ผู้ตั้งกระทู้ท่านก่อนนำมาจาก
http://www.dek-d.com/board/view/2672715/
และที่ Dek-d ได้ให้ credit ที่นี่อีกทีหนึ่ง
http://www.singhasquare.com)
เริ่มกันเลย ....
10. ถ้าคุณมีหัวเข็มหมุดที่อุณหภูมิร้อนเท่าพระอาทิตย์ คุณจะสามารถฆ่าคนได้ด้วยรัศมี 150 กิโลเมตรแบบสบายๆ เพราะฉะนั้น
ไม่ว่าวัสดุชิ้นไหนจะมีขนาดเล็กจิ๋วเพียงใด แต่ด้วยอาณุภาพของอุณหภูมิที่มหาศาลอย่างพระอาทิตย์แล้ว เล็กแค่ไหนก็ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด -0-
- ระยะ 150 กม.นี่เกินจริงไปมากค่ะ เพราะความร้อนขนาด 6,000 องศา C ที่ใหญ่ขนาดหัวเข็มหมุดเนี่ย
แค่ 3 เมตรก็ไม่สามารถมีผลอะไรต่อเราได้แล้วค่ะ ทั้ง heat convection และ radiation
เนื่องจากพื้นที่กระจายความร้อนมันน้อยมาก แม้จะร้อนถึง 6,000 องศาก็ตาม
หรือหากหมายถึงอุณหภูมิที่สูงในระดับล้าน ๆ องศาของ Core ดวงอาทิตย์
ขนาดเท่าหัวเข็มหมุดก็ยังไม่มีพิษสงมากอยูดี เพราะที่ล้านกว่าองศานั้น
อากาศรอบ (ขนาดเข็มหมุด) จะแตกตัวเป็นสถานะ plasma ซึ่งน่าจะใหญ่กว่า
หัวเข็มหมุดออกไปแค่ 3 เท่า ดังนั้น หากเอาจริง ๆ แล้ว ห่างแค่ 3 เมตรยังเฉย ๆ เลยค่ะ
150 กิโลเมตรนั่นเกินจริงไปมาก
9. ในพระอาทิตย์มีไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นส่วนประกอบหลัก ต่างจากโลกของเราที่ก๊าซส่วนใหญ่เป็นออกซิเจนทำให้มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ได้
ก๊าซฮีเลียมที่อยู่ในดวงอาทิตย์นั้นก็เหมือนกับอากาศที่อยู่ในลูกโป่งที่ทำ ให้เสียงคุณเปลี่ยนไปแบบตลกๆนั่นแหละค่ะ นั่นหมายความว่า
ถ้าคุณขึ้นไปอยู่บนดวงอาทิตย์ เสียงคุณก็จะเปลี่ยนเป็นเสียงตลกๆแบบนั้นเลยครับ
- อันนี้ก็เป็นการเปรียบเทียบที่ว่า ในดวงอาทิตย์มีฮีเลี่ยมเยอะกว่าบนโลกเยอะ
แต่ความจริงแล้ว ฮีเลี่ยมบนดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ในความดันสูงมากค่ะ
สูงจนกระทั่งปรากฏการณ์ "เสียงเป็ด" ไม่ปรากฏออกมาเลย เสียงเป็ดที่เกิดจากฮีเลี่ยม (บนโลก) นั้น
เป็นเพราะว่าบนโลกเราฮีเลี่ยมจะมีความเบาบางกว่าอากาศประมาณ 5 เท่า
ดังนั้น จึงเสียงในกล่องเสียงเราจึงเดินทางผ่านมวลฮีเลี่ยมได้เร็วกว่า
(ความเร็วของเสียงในอากาศคือ 331 เมตร/วินาที แต่เสียงในฮีเลี่ยมจะเร็วได้ถึง 891 เมตร/วินาที)
จึงมีผลให้ resonant ของช่องทางเดินเสียง (Vocal tract) เปลี่ยนไปและก็ทำให้ formants เปลี่ยนไปด้วยค่ะ
สรุปแล้ว บนดวงอาทิตย์นั้นความกดดันจะสูงมากจนไม่มีเสียงเป็ด (เปรียบเทียบนะคะ)
8. ไม่ครับ คุณจะไม่ตาบอดถ้ามองพระอาทิตย์เหมือนที่ผู้ใหญ่หลายๆคนบอกต่อกันมา ถึงแม้การมองดวงอาทิตย์จะเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
เพราะจะทำให้รูม่านตาคุณทำ งานหนักเกินไป แต่ก็จะไม่ถึงกับตาบอดครับ
- ข้อนี้ ตาเราจะไม่บอดจริงค่ะ
แต่เกิดจาก reflec ของสมองในส่วน Celebrum ภาค visual system ซึ่ง reflec นี้จะทำงานลดม่านตาลง
และสั่งงานปิดเปลือกตาโดยเร็วทำให้แสงจ้าไม่สามารถทำอันตรายต่อ retina ได้ค่ะ
7. แม้ว่าเวลาระบายสีตอนเด็กๆเราจะชอบระบายสีพระอาทิตย์เป็นสีเหลือง ส้ม แดง แต่แท้จริงแล้ว พระอาทิตย์นั้นสว่างมากจนมีสีขาวครับ
ที่เราเห็นมันเป็นสีส้มจากบนโลกนั้นเป็นเพราะการตัดสีกับชั้นบรรยากาศและ ก้อนเมฆต่างๆทำให้สีที่เราเห็นนั้นเปลี่ยนไปนั่นเองประหลาดใจ
- ข้อนี้ถูกต้องค่ะ สีจริงของดวงอาทิตย์คือสีขาว
เกิดจากการผสมกันของแสงสีต่าง ๆ โดยการวิเคราะห์ spectrum
จะออกมาตามภาพนี้ค่ะ คือจะ peak สุดที่สีเขียวและน้ำเงิน-ฟ้า
6. ดวงอาทิตย์นั้นจะใหญ่ขึ้นและร้อนขึ้นอีกแน่นอน มันจะร้อนขึ้นจนโลกของเรานั้นไม่สามารถมีสิ่งมีชีวิตชนิดไหนทนได้ แม้แต่แบคทีเรีย
แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ก็ใช้เวลาอีกหลายพันล้านปี นักวิทยาศาสตร์จึงเตรียมตัวคิดค้นบ้านใต้ดิน เพื่อไว้ป้องกันคุณจากรังสีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- ถูกต้องค่ะ
ช่วงขณะนี้ของดวงอาทิตย์เราจะเรียกว่า "ช่วงลำดับหลัก" คือมีความสมดุลย์ของปฏิกิริยานิวเคลียร์
กับการต้านแรงโน้มถ่วงที่พยายามดึงดวงอาทิตย์ยุบลงไป แต่เมื่อถึงอนาคตข้างหน้าอีกประมาณ 3,000 ล้านปี
ดวงอาทิตย์ก็จะเริ่ม "พองตัว" ออก แต่จะร้อนน้อยลงค่ะ (คือใหญ่ขึ้นมาก แต่พื้นผิวร้อนน้อยลง)
เมื่อถึงจุดนั้น ก็จะเป็นอวสานแน่นอน 100% ค่ะ บ้านใต้ดินก็ไม่ช่วยเราได้เลย
5. โดยเฉลี่ยแล้วพระอาทิตย์น่าจะอยู่ต่อได้อีก 6 พันล้านปีก่อนที่มันจะขยายตัวจนถึงที่สุดและระเบิดออกมาเป็นอุกกาบาต
และดาว หางที่แตกกระจายไปทั่วกาแลคซี่บนจักรวาล
- ข้อนี้ผิดค่ะ
เมื่อถึงอายุขัยสุดท้าย คือ เริ่มขยายตัวเป็นดาวยักษ์แดงแล้ว ต่อจากนั้นดวงอาทิตย์เราจะเริ่มสูญเสียมวลออกไป
และลดขนาดยุบลงไปเป็นดาวแคระขาว ไม่มีการระเบิดใด ๆ เลยค่ะ เพราะการระเบิดเป็น Supernova นั้น
จะต้องเป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 8 เท่าค่ะ (Type II supernova)
และหากดาวฤกษ์ดวงใดที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ 40 เท่าขึ้นไป ก็จะเกิด Hypernova
และดาวดวงนั้นจะยุบเป็นหลุมดำค่ะ
4. ดวงอาทิตย์นั้นมีขนาดเป็น 99.8% ของระบบสุรยิจักรวาลของเราครับ ส่วนน้ำหนักที่เหลือนั้นก็ตกอยู่ที่ดาวพฤหัสหมดแล้ว
เพราะฉะนั้นถ้าพูดกันง่ายๆก็คือ โลกเราเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กจิ๋วของระบบสุริยจักรวาลอันยิ่งใหญ่นี้
- ตัวเลข 99.8% คือ "มวล" ค่ะ
ส่วนขนาดของดวงอาทิตย์นั้น หากเทียบง่าย ๆ คือ 870,000 ไมล์ หรือ 0.00935928615 AU.
ระบบสุริยะของเราก็ประมาณ 40 AU. ดังนั้น
ดวงอาทิตย์จึงมีขนาดประมาณ 0.00374 % ของขนาดระบบสุริยะค่ะ
3. พระอาทิตย์นั้นอยู่ห่างเราไปหลายล้านไมล์ กว่าแสงจะเดินทางมาถึงเราจริงๆนั้นก็ใช้เวลายาวนานถึง 8 นาทีทีเดียวค่ะ
นั่นก็หายความว่าถ้ามีวันหนึ่งที่พระอาทิตย์ดับวูบไป จะต้องใช้เวลามากกว่า 8 นาที ที่โลกเราจะรับรู้ว่ามันดับไปแล้วนั่นเอง
- ถูกต้องค่ะ
ขอเสริมเรื่องความร้อนนิดนึง คือหากดวงอาทิตย์ดับวูบไป อีกประมาณ 8 นาทีแสงก็จะดับไป (โฟตอนหายไป)
ส่วน heat convection และ radiation จะนานกว่านั้นอีก เท่าที่หนูจำ model ได้
ก็จะนานกว่าโฟตอนประมาณ 15 % ค่ะ (ประมาณ 9.2 นาที จึงหายร้อน)
2. พระอาทิตย์มีการจัดส่วน แล้วชั้นบรรยากาศของมันไม่ต่างจากโลกเรา ดวงอาทิตย์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ก้อนกลมใหญ่ที่เผาไหม้
แต่กลับเป็นดาวดวงหนึ่งที่จัดสรรตัวเองเป็นชั้นบรรยากาศได้อย่างเหมาะสมและ สวยงามครับ
- ใช่ค่ะ
ดวงอาทิตย์จะมีชั้นต่าง ๆ ในตัวเองตามภาพนี้ค่ะ
และข้อมูลที่น่าทึ่งสุดสำหรับอาย (และทุกท่านด้วย) คือ โฟตอนที่เดินทางออกจาก Core
ผ่านชั้น convective และ radiative นั้น จะมีการสะท้อนและแทรกสอดไปมาอย่างซับซ้อน
และ
ใช้เวลาเฉลี่ยถึง 100,000 ปี ถึงจะได้หลุดออกมาจากพื้นผิว !!!
ตามภาพนี้เลยค่ะ
1. พระอาทิตย์เผาไหม้ ในแบบที่พิเศษ ด้วยก๊าซที่อยู่บนชั้นบรรยากาศของพระอาทิตย์ทำให้การเผาไหม้บนพระอาทิตย์ นั้น
ไม่เหมือนกับการจุดไฟ หรือการระเบิดของนิวเคลียร์บนโลก แท้จริงแล้วก๊าซที่ประกอบกันอยู่บนพระอาทิตย์หลอมหลวมและช่วยกันเผาไหม้ให้
ดวงอาทิตย์นั้นยังคงสุกสว่างตลอดไม่มีหยุดครับ
- ขอเพิ่มเติมว่า ดวงอาทิตย์ส่องสว่างด้วยปฏกิริยา Nuclear fusion ค่ะ
เราจะไม่ใช้คำว่า "เผาใหม้" นะคะ Nuclear fusion บนดวงอาทิตย์มาจากไฮโดรเจนจำนวนมหาศาล
โดยเกิดปฏิกิริยาตลอดเวลา
จบแล้วค่า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
ข้อมูล 10 อย่างของดวงอาทิตย์ ที่ถูกนำมาแชร์กันอย่างไม่ถูกต้อง และ ไม่ครบถ้วน
ซึ่งทั้ง 10 อย่างนั้นมีที่คลาดเคลื่อนไปบ้าง และท่านเดิมที่ตั้งกระทู้ได้แจ้งลบไปแล้ว
อายจึงขอตั้งเป็นกระทู้ใหม่ขึ้นมาเลยนะคะ
หากข้อใดที่อายแก้ข้อมูลผิดไป พี่ ๆ ทุกท่านเพิ่มเติมได้นะคะ
(เนื้อหานี้ ผู้ตั้งกระทู้ท่านก่อนนำมาจาก http://www.dek-d.com/board/view/2672715/
และที่ Dek-d ได้ให้ credit ที่นี่อีกทีหนึ่ง http://www.singhasquare.com)
เริ่มกันเลย ....
10. ถ้าคุณมีหัวเข็มหมุดที่อุณหภูมิร้อนเท่าพระอาทิตย์ คุณจะสามารถฆ่าคนได้ด้วยรัศมี 150 กิโลเมตรแบบสบายๆ เพราะฉะนั้น
ไม่ว่าวัสดุชิ้นไหนจะมีขนาดเล็กจิ๋วเพียงใด แต่ด้วยอาณุภาพของอุณหภูมิที่มหาศาลอย่างพระอาทิตย์แล้ว เล็กแค่ไหนก็ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด -0-
- ระยะ 150 กม.นี่เกินจริงไปมากค่ะ เพราะความร้อนขนาด 6,000 องศา C ที่ใหญ่ขนาดหัวเข็มหมุดเนี่ย
แค่ 3 เมตรก็ไม่สามารถมีผลอะไรต่อเราได้แล้วค่ะ ทั้ง heat convection และ radiation
เนื่องจากพื้นที่กระจายความร้อนมันน้อยมาก แม้จะร้อนถึง 6,000 องศาก็ตาม
หรือหากหมายถึงอุณหภูมิที่สูงในระดับล้าน ๆ องศาของ Core ดวงอาทิตย์
ขนาดเท่าหัวเข็มหมุดก็ยังไม่มีพิษสงมากอยูดี เพราะที่ล้านกว่าองศานั้น
อากาศรอบ (ขนาดเข็มหมุด) จะแตกตัวเป็นสถานะ plasma ซึ่งน่าจะใหญ่กว่า
หัวเข็มหมุดออกไปแค่ 3 เท่า ดังนั้น หากเอาจริง ๆ แล้ว ห่างแค่ 3 เมตรยังเฉย ๆ เลยค่ะ
150 กิโลเมตรนั่นเกินจริงไปมาก
9. ในพระอาทิตย์มีไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นส่วนประกอบหลัก ต่างจากโลกของเราที่ก๊าซส่วนใหญ่เป็นออกซิเจนทำให้มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ได้
ก๊าซฮีเลียมที่อยู่ในดวงอาทิตย์นั้นก็เหมือนกับอากาศที่อยู่ในลูกโป่งที่ทำ ให้เสียงคุณเปลี่ยนไปแบบตลกๆนั่นแหละค่ะ นั่นหมายความว่า
ถ้าคุณขึ้นไปอยู่บนดวงอาทิตย์ เสียงคุณก็จะเปลี่ยนเป็นเสียงตลกๆแบบนั้นเลยครับ
- อันนี้ก็เป็นการเปรียบเทียบที่ว่า ในดวงอาทิตย์มีฮีเลี่ยมเยอะกว่าบนโลกเยอะ
แต่ความจริงแล้ว ฮีเลี่ยมบนดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ในความดันสูงมากค่ะ
สูงจนกระทั่งปรากฏการณ์ "เสียงเป็ด" ไม่ปรากฏออกมาเลย เสียงเป็ดที่เกิดจากฮีเลี่ยม (บนโลก) นั้น
เป็นเพราะว่าบนโลกเราฮีเลี่ยมจะมีความเบาบางกว่าอากาศประมาณ 5 เท่า
ดังนั้น จึงเสียงในกล่องเสียงเราจึงเดินทางผ่านมวลฮีเลี่ยมได้เร็วกว่า
(ความเร็วของเสียงในอากาศคือ 331 เมตร/วินาที แต่เสียงในฮีเลี่ยมจะเร็วได้ถึง 891 เมตร/วินาที)
จึงมีผลให้ resonant ของช่องทางเดินเสียง (Vocal tract) เปลี่ยนไปและก็ทำให้ formants เปลี่ยนไปด้วยค่ะ
สรุปแล้ว บนดวงอาทิตย์นั้นความกดดันจะสูงมากจนไม่มีเสียงเป็ด (เปรียบเทียบนะคะ)
8. ไม่ครับ คุณจะไม่ตาบอดถ้ามองพระอาทิตย์เหมือนที่ผู้ใหญ่หลายๆคนบอกต่อกันมา ถึงแม้การมองดวงอาทิตย์จะเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
เพราะจะทำให้รูม่านตาคุณทำ งานหนักเกินไป แต่ก็จะไม่ถึงกับตาบอดครับ
- ข้อนี้ ตาเราจะไม่บอดจริงค่ะ
แต่เกิดจาก reflec ของสมองในส่วน Celebrum ภาค visual system ซึ่ง reflec นี้จะทำงานลดม่านตาลง
และสั่งงานปิดเปลือกตาโดยเร็วทำให้แสงจ้าไม่สามารถทำอันตรายต่อ retina ได้ค่ะ
7. แม้ว่าเวลาระบายสีตอนเด็กๆเราจะชอบระบายสีพระอาทิตย์เป็นสีเหลือง ส้ม แดง แต่แท้จริงแล้ว พระอาทิตย์นั้นสว่างมากจนมีสีขาวครับ
ที่เราเห็นมันเป็นสีส้มจากบนโลกนั้นเป็นเพราะการตัดสีกับชั้นบรรยากาศและ ก้อนเมฆต่างๆทำให้สีที่เราเห็นนั้นเปลี่ยนไปนั่นเองประหลาดใจ
- ข้อนี้ถูกต้องค่ะ สีจริงของดวงอาทิตย์คือสีขาว
เกิดจากการผสมกันของแสงสีต่าง ๆ โดยการวิเคราะห์ spectrum
จะออกมาตามภาพนี้ค่ะ คือจะ peak สุดที่สีเขียวและน้ำเงิน-ฟ้า
6. ดวงอาทิตย์นั้นจะใหญ่ขึ้นและร้อนขึ้นอีกแน่นอน มันจะร้อนขึ้นจนโลกของเรานั้นไม่สามารถมีสิ่งมีชีวิตชนิดไหนทนได้ แม้แต่แบคทีเรีย
แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ก็ใช้เวลาอีกหลายพันล้านปี นักวิทยาศาสตร์จึงเตรียมตัวคิดค้นบ้านใต้ดิน เพื่อไว้ป้องกันคุณจากรังสีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- ถูกต้องค่ะ
ช่วงขณะนี้ของดวงอาทิตย์เราจะเรียกว่า "ช่วงลำดับหลัก" คือมีความสมดุลย์ของปฏิกิริยานิวเคลียร์
กับการต้านแรงโน้มถ่วงที่พยายามดึงดวงอาทิตย์ยุบลงไป แต่เมื่อถึงอนาคตข้างหน้าอีกประมาณ 3,000 ล้านปี
ดวงอาทิตย์ก็จะเริ่ม "พองตัว" ออก แต่จะร้อนน้อยลงค่ะ (คือใหญ่ขึ้นมาก แต่พื้นผิวร้อนน้อยลง)
เมื่อถึงจุดนั้น ก็จะเป็นอวสานแน่นอน 100% ค่ะ บ้านใต้ดินก็ไม่ช่วยเราได้เลย
5. โดยเฉลี่ยแล้วพระอาทิตย์น่าจะอยู่ต่อได้อีก 6 พันล้านปีก่อนที่มันจะขยายตัวจนถึงที่สุดและระเบิดออกมาเป็นอุกกาบาต
และดาว หางที่แตกกระจายไปทั่วกาแลคซี่บนจักรวาล
- ข้อนี้ผิดค่ะ
เมื่อถึงอายุขัยสุดท้าย คือ เริ่มขยายตัวเป็นดาวยักษ์แดงแล้ว ต่อจากนั้นดวงอาทิตย์เราจะเริ่มสูญเสียมวลออกไป
และลดขนาดยุบลงไปเป็นดาวแคระขาว ไม่มีการระเบิดใด ๆ เลยค่ะ เพราะการระเบิดเป็น Supernova นั้น
จะต้องเป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 8 เท่าค่ะ (Type II supernova)
และหากดาวฤกษ์ดวงใดที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ 40 เท่าขึ้นไป ก็จะเกิด Hypernova
และดาวดวงนั้นจะยุบเป็นหลุมดำค่ะ
4. ดวงอาทิตย์นั้นมีขนาดเป็น 99.8% ของระบบสุรยิจักรวาลของเราครับ ส่วนน้ำหนักที่เหลือนั้นก็ตกอยู่ที่ดาวพฤหัสหมดแล้ว
เพราะฉะนั้นถ้าพูดกันง่ายๆก็คือ โลกเราเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กจิ๋วของระบบสุริยจักรวาลอันยิ่งใหญ่นี้
- ตัวเลข 99.8% คือ "มวล" ค่ะ
ส่วนขนาดของดวงอาทิตย์นั้น หากเทียบง่าย ๆ คือ 870,000 ไมล์ หรือ 0.00935928615 AU.
ระบบสุริยะของเราก็ประมาณ 40 AU. ดังนั้นดวงอาทิตย์จึงมีขนาดประมาณ 0.00374 % ของขนาดระบบสุริยะค่ะ
3. พระอาทิตย์นั้นอยู่ห่างเราไปหลายล้านไมล์ กว่าแสงจะเดินทางมาถึงเราจริงๆนั้นก็ใช้เวลายาวนานถึง 8 นาทีทีเดียวค่ะ
นั่นก็หายความว่าถ้ามีวันหนึ่งที่พระอาทิตย์ดับวูบไป จะต้องใช้เวลามากกว่า 8 นาที ที่โลกเราจะรับรู้ว่ามันดับไปแล้วนั่นเอง
- ถูกต้องค่ะ
ขอเสริมเรื่องความร้อนนิดนึง คือหากดวงอาทิตย์ดับวูบไป อีกประมาณ 8 นาทีแสงก็จะดับไป (โฟตอนหายไป)
ส่วน heat convection และ radiation จะนานกว่านั้นอีก เท่าที่หนูจำ model ได้
ก็จะนานกว่าโฟตอนประมาณ 15 % ค่ะ (ประมาณ 9.2 นาที จึงหายร้อน)
2. พระอาทิตย์มีการจัดส่วน แล้วชั้นบรรยากาศของมันไม่ต่างจากโลกเรา ดวงอาทิตย์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ก้อนกลมใหญ่ที่เผาไหม้
แต่กลับเป็นดาวดวงหนึ่งที่จัดสรรตัวเองเป็นชั้นบรรยากาศได้อย่างเหมาะสมและ สวยงามครับ
- ใช่ค่ะ
ดวงอาทิตย์จะมีชั้นต่าง ๆ ในตัวเองตามภาพนี้ค่ะ
และข้อมูลที่น่าทึ่งสุดสำหรับอาย (และทุกท่านด้วย) คือ โฟตอนที่เดินทางออกจาก Core
ผ่านชั้น convective และ radiative นั้น จะมีการสะท้อนและแทรกสอดไปมาอย่างซับซ้อน
และใช้เวลาเฉลี่ยถึง 100,000 ปี ถึงจะได้หลุดออกมาจากพื้นผิว !!!
ตามภาพนี้เลยค่ะ
1. พระอาทิตย์เผาไหม้ ในแบบที่พิเศษ ด้วยก๊าซที่อยู่บนชั้นบรรยากาศของพระอาทิตย์ทำให้การเผาไหม้บนพระอาทิตย์ นั้น
ไม่เหมือนกับการจุดไฟ หรือการระเบิดของนิวเคลียร์บนโลก แท้จริงแล้วก๊าซที่ประกอบกันอยู่บนพระอาทิตย์หลอมหลวมและช่วยกันเผาไหม้ให้
ดวงอาทิตย์นั้นยังคงสุกสว่างตลอดไม่มีหยุดครับ
- ขอเพิ่มเติมว่า ดวงอาทิตย์ส่องสว่างด้วยปฏกิริยา Nuclear fusion ค่ะ
เราจะไม่ใช้คำว่า "เผาใหม้" นะคะ Nuclear fusion บนดวงอาทิตย์มาจากไฮโดรเจนจำนวนมหาศาล
โดยเกิดปฏิกิริยาตลอดเวลา
จบแล้วค่า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ