ปัจจุบันเจ้าของกระทู้ไม่ได้ทำกาแฟแล้ว แต่มีเพื่อนๆหลายคนสนใจในประสบการณ์ของเรา เลยเอามาเล่าในห้องนี้น่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ
จขกท มาเรียนที่ออสเตรเลียช่วงปี 2002 มาแรกๆก็สมัครงานร้านไทยตามสเต็ป 555 ทำร้านไทยได้ประมาณเกือบสองดือน ช่วงเวลาที่เดินผ่านร้านกาแฟต่างๆตอนไปรร.
จะสังเกตุเห็นว่า ร้านกาแฟบางร้านเป็นมุมเล็กๆแต่ลูกค้ารอคิวแน่นเลย ทั้งๆที่ร้านถัดไปก็เป็นร้านกาแฟเหมือนกันแต่คนน้อยกว่า เริ่มสนใจที่อยากจะลองรสชาติ
และอยากจะลองสมัครทำงานร้านกาแฟดูบ้าง
@ ประสบการณ์ทำกาแฟครั้งแรกในชีวิต @
ตอนที่ออกจากร้านไทยมาได้งานเป็นร้านกาแฟเล็กๆอยู่ในฟูดคอร์ท เน้นขายอาหารแต่มีขายกาแฟด้วย เจ้าของร้านเป็นจีนฮ่องกง ที่ร้านก็จะสอนหลักง่ายๆ
ว่ากาแฟอะไร ทำยังไง และส่งเราไปอบรม 2 วัน
กลับมาจากอบรม ฮึกเหิม มากกกก ช้านนน อยากทำกาแฟ!!!!!!!
หลังเลิกเรียน เลยเดินไปตามร้านกาแฟต่างๆที่มีคนมาต่อคิวเยอะๆเอา resume เราไปทิ้งไว้สองสามร้าน ไม่เคยมีใครเรียกเลย 555
จนวันนึงเห็นร้านอยู่ร้านนึง คนเยอะมาก เราก็รอจนร้านเริ่มเงียบคนเริ่มน้อย ก็เดินเข้าไปบอกที่ร้านว่า มาสมัครทำกาแฟ
@ ประสบการณ์ ครั้งแรก ในการสมัคร Barista ( ชั้นมีใบประกาศนะว้อย )
ที่ร้านก็เรียกเจ้าของร้านออกมาเลย ถ้าถามว่าเราอายมั้ย ก็อายนะ แต่อยากทำกาแฟ อยากเท่ห์ ยืนสั่งคนนั้นคนนี้ 555 ( เดี๋ยวค่อยเล่ารายละเอียดในร้านต่อๆไปนะคะ ว่าเท่ห์ยังไง )
เจ้าของร้านดูประวัติเราแล้วมองหน้าถามว่าเธอทำกาแฟเป็นเหรอ ตอบแบบมั่นใจ ไม่เป็น 555
แต่ตอบเจ้าของร้านเค้าไปว่า ชั้นไปเรียน และไปอบรมมา มีความสนใจจะทำกาแฟจริงๆ ถ้าเธอให้โอกาสชั้น จะตั้งใจทำให้เต็มที่
พอบอกเจ้าของร้านแบบนั้น พี่แกกวักมือเชพ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนแกออกมาเลย ออกมาดูเรา ขำกันใหญ่ เชพออกมาคนเดียวไม่พอ เอาลูกมือเชพอีกคนมามองดูเราด้วย ขำกันคิกๆคัก
( ขำอะไรกัน....ว๊ะ? )
เจ้าของร้านเรียกเราให้เข้าไปในร้านเลย ว่าเธอมานี่ เธอลองเสริฟที่เคาท์เตอร์ให้ชั้นดูก่อน ถ้าเธอทำได้เดี๋ยวชั้นรับ เค้าก็ให้รับลูกค้าเรียกออร์เดอร์ก่อนเลย ทำไปซักสองชม.
เค้าก็เรียกไปนั่งข้างๆร้านบอกว่าชั้นรับเธอเข้าทำงานแต่ !!! แต่ชั้นยังไม่ให้เธอทำกาแฟประมาณ 3เดือน ถ้าดูว่าเธอมีแวว ชั้นถึงจะเรียกมาเป็นผู้ช่วย
เพราะกาแฟร้านนี้ใช้ เมล็ดกาแฟประมาณ 6 กก.ต่อวันค่อนข้างยุ่งพอสมควร ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำ 1. เราต้องจำชื่อลูกค้าให้ได้ 2. ลูกค้าคนนี้กินอะไร 3. คนนี้วันนึงมาสั่งกี่รอบ
เราก็ตอบตกลง
**ตอนมาออสเตรเลียใหม่ๆ ช่วงนั้นกาแฟส่วนใหญ่ในออสเตรเลียจะได้รับวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของอิตตาลีเป็นหลัก และกาแฟสมัยก่อน capuchino ด้านบนยังเป็นฟองฟ่อด เนื้อของกาแฟ
ยังไม่เนียนมากเหมือนกับสมัยปัจจุบัน แต่ร้านนี้เริ่มเป็นกาแฟสมัยใหม่ เนื้อกาแฟจะเนียนนนุ่มไม่มีฟอง เวลาดื่มรสชาติของกาแฟจะกล่อมกล่อม ไม่แบ่งแยกระหว่าง ตัวกาแฟกับชั้นของนม
หลังจากช่วยที่ร้านเสริฟได้ไม่ถึงสองเดือน เจ้าของร้าน ก็เรียกให้ไปช่วย ถือเหยือกนม และสอนวิธี การตีนมยังไง ให้ละเอียดไม่เป็นฟอง สอนเทคนิคต่างๆ และบอกกับเราว่า ถ้าเธออกจากร้านฉันไปแล้วรับรองได้
ว่าเธอไปสมัครงานร้านไหนๆ เธอไม่ต้องกลัวเค้ารับเธอแน่ ซึ่งก็จริงตามที่เค้าพูดเอาไว้
หลังๆเจ้าของมีแอบไปดูบอลโลกตอนนั้นปล่อยให้ราทำกาแฟเดี่ยว
การทำกาแฟสิ่งที่ได้เรียนรู้จากร้านเเรกคือ เรื่อง เวลา และความเร็ว และการจำลูกค้า แต่ ถามว่าบางครั้งเรามีพลาดมั้ยมีแน่นอน เพราะ ร้านเป็นแบบร้านเปิดโล่ง เพราะฉะนั้น อุณหภูมิ
สภาพดินฟ้าอากาศ เป็นตัวแปร ในการตั้งค่าของเครื่องบด และ ตัวเครื่องทำกาแฟ ( เดี๋ยวเล่าต่อ จากร้านต่อๆไปนะคะ )
ทำร้านนี้ได้ประมาณ 8 เดือน เจ้าของประกาศขายร้าน เตรียมชิ่ง พราะ พนงทั้งตึกเกือบสองพันคน ย้ายสำนักงาน ตึกร้างหลายชั้น จำนวนลูกค้าลดลง
@ ร้านที่ 3 ทำงานกับร้านกาแฟอยู่ในสำนักงานใหญ่ของแบงค์ ( แมคควอรี่ แบงค์ )
สมัครรร้านนี้ได้ตามหนังสือพิมพ์เค้าเรียกสัมภาษณ์ สองวันหลังจากสัมภาษณ์ โทรมาบอกให้เริ่มงานวันจันทร์
ร้านนี้ทำงานด้วยไม่นาน เค้ารับสมัคร Barista โดยตรง แต่มีเรื่องขัดอกขัดใจ เพราะตอนนั้นจขก. เพิ่งเป็นแบบ Barista เดี่ยวๆ ไม่ได้เป็นผู้ช่วยหรือลูกมือเจ้าของแบบแต่ก่อน
แต่ มีคนที่ทำรอบบ่าย ที่จะเข้ากะช่วงเช้า ซึ่งเค้ามาถึงก็จะชอบมาแย่งเราทำกาแฟ ไล่เราให้ไปทำอย่างอื่นแทน เช่นรับออร์เดอร์ รึ เสริฟแทน เพราะ Barista ส่วนใหญ่จะยื่นอยู่ที่เครื่องตลอดไม่ต้องออกไปเสริฟ
อิตาแมททิวนี่ เข้างานตอน11 โมงเมื่อไร จะชอบบอกชั้นรู้ว่าเธอทำกาแฟเก่ง แต่ฉั้นอยากให้เธอไปทำอย่างอื่นบ้าง
แน่ะมาสั่งตรู ได้ไง เราเลยเข้าไปคุยกับผจก. ว่าตกลงเธอรับชั้นมาทำตำแหน่งอะไรกันแน่ ทำไมแมทธิวนี่มาสั่งชั้นให้ทำนู่นนี่ตลอด ไม่ใช่ว่าชั้นทำอย่างอื่นไม่ได้นะ
แต่ อย่า!!! อย่ามาสั่งชั้นให้ทำนู่นทำนี่และมาเบียดชั้นออกจากเครื่องตลอด
ได้ผลเป็นอย่างดี แมทธิวโดนเรียกไปตักเตือนว่าอย่ามาจุ้นกับเรา 555 ขัดแข้งขัดขากันเล็กน้อย หลังๆเราเป็นเพื่อนซี้กับผจก. ร้าน (ต่อเนื่องกับร้านที่ 5)
@ ร้านที่ 4 ทำงานกับร้านกาแฟอยู่ในสำนักงานใหญ่ของแบงค์ ( แมคควอรี่ แบงค์ ) กับเซแลป คนดัง
ช่วงเวลาที่ร้านที่ 3 หมดสัญญากับทางแบงค์ ทางแบงค์ได้เปิดประมูลให้ร้านต่างๆเสนอราคา และคนที่ชนะประมูลก็คือ George Gregan กับตันทีมชาติออสเตรเลีย รักบี้ ขณะนั้น
นี่เราจะได้ทำงานกับคนดังของออสรึนี่ 555 เค้ามีกำลังเงินมากกว่าเจ้าของเดิม แต่เค้าไม่ต้องการพนงงานเดิมที่มีอยู่ ทั้งหมด
เค้ามีทีมงานของเค้าเอง เพราะตอนนั้น ค้ามีร้านทั้งหมด 8 สาขา เค้าต้องการพนง. เดิมแค่ 3 คน จาก 11 คน เค้าก็เรียกไปสอบสัมภาษณ์ทีละคน และก็บอกมาว่าเราได้ ร้านนี้เหมือนจะดี
มีปาร์ตี้ สนุกสนานเฮฮา แต่เจ้าของไม่ได้มาทุกวัน ผจก. เป็นฝรั่งอ้วน ขี้หลี เมียมีแล้วแต่ชอบมา จิ๊จ๊ะกับพนง.เสริฟ ใช้กาแฟวันละ 8-10 กก. พนง.งานสำนักงานในตึก3,000 - 4,000 คน มาซื้อกาแฟกันคนละ 3-4 แก้วต่อวัน
ช่วงนี้ ผจก.ที่เคยอยู่ร้านที่ 3 ด้วยกัน โทรมาชวนบ่อยๆ ให้ไปสมัครงานร้านที่เค้าทำ
แกไขพิมพ์ผิดมากมายค่ะ
เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009
จขกท มาเรียนที่ออสเตรเลียช่วงปี 2002 มาแรกๆก็สมัครงานร้านไทยตามสเต็ป 555 ทำร้านไทยได้ประมาณเกือบสองดือน ช่วงเวลาที่เดินผ่านร้านกาแฟต่างๆตอนไปรร.
จะสังเกตุเห็นว่า ร้านกาแฟบางร้านเป็นมุมเล็กๆแต่ลูกค้ารอคิวแน่นเลย ทั้งๆที่ร้านถัดไปก็เป็นร้านกาแฟเหมือนกันแต่คนน้อยกว่า เริ่มสนใจที่อยากจะลองรสชาติ
และอยากจะลองสมัครทำงานร้านกาแฟดูบ้าง
@ ประสบการณ์ทำกาแฟครั้งแรกในชีวิต @
ตอนที่ออกจากร้านไทยมาได้งานเป็นร้านกาแฟเล็กๆอยู่ในฟูดคอร์ท เน้นขายอาหารแต่มีขายกาแฟด้วย เจ้าของร้านเป็นจีนฮ่องกง ที่ร้านก็จะสอนหลักง่ายๆ
ว่ากาแฟอะไร ทำยังไง และส่งเราไปอบรม 2 วัน
กลับมาจากอบรม ฮึกเหิม มากกกก ช้านนน อยากทำกาแฟ!!!!!!!
หลังเลิกเรียน เลยเดินไปตามร้านกาแฟต่างๆที่มีคนมาต่อคิวเยอะๆเอา resume เราไปทิ้งไว้สองสามร้าน ไม่เคยมีใครเรียกเลย 555
จนวันนึงเห็นร้านอยู่ร้านนึง คนเยอะมาก เราก็รอจนร้านเริ่มเงียบคนเริ่มน้อย ก็เดินเข้าไปบอกที่ร้านว่า มาสมัครทำกาแฟ
@ ประสบการณ์ ครั้งแรก ในการสมัคร Barista ( ชั้นมีใบประกาศนะว้อย )
ที่ร้านก็เรียกเจ้าของร้านออกมาเลย ถ้าถามว่าเราอายมั้ย ก็อายนะ แต่อยากทำกาแฟ อยากเท่ห์ ยืนสั่งคนนั้นคนนี้ 555 ( เดี๋ยวค่อยเล่ารายละเอียดในร้านต่อๆไปนะคะ ว่าเท่ห์ยังไง )
เจ้าของร้านดูประวัติเราแล้วมองหน้าถามว่าเธอทำกาแฟเป็นเหรอ ตอบแบบมั่นใจ ไม่เป็น 555
แต่ตอบเจ้าของร้านเค้าไปว่า ชั้นไปเรียน และไปอบรมมา มีความสนใจจะทำกาแฟจริงๆ ถ้าเธอให้โอกาสชั้น จะตั้งใจทำให้เต็มที่
พอบอกเจ้าของร้านแบบนั้น พี่แกกวักมือเชพ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนแกออกมาเลย ออกมาดูเรา ขำกันใหญ่ เชพออกมาคนเดียวไม่พอ เอาลูกมือเชพอีกคนมามองดูเราด้วย ขำกันคิกๆคัก
( ขำอะไรกัน....ว๊ะ? )
เจ้าของร้านเรียกเราให้เข้าไปในร้านเลย ว่าเธอมานี่ เธอลองเสริฟที่เคาท์เตอร์ให้ชั้นดูก่อน ถ้าเธอทำได้เดี๋ยวชั้นรับ เค้าก็ให้รับลูกค้าเรียกออร์เดอร์ก่อนเลย ทำไปซักสองชม.
เค้าก็เรียกไปนั่งข้างๆร้านบอกว่าชั้นรับเธอเข้าทำงานแต่ !!! แต่ชั้นยังไม่ให้เธอทำกาแฟประมาณ 3เดือน ถ้าดูว่าเธอมีแวว ชั้นถึงจะเรียกมาเป็นผู้ช่วย
เพราะกาแฟร้านนี้ใช้ เมล็ดกาแฟประมาณ 6 กก.ต่อวันค่อนข้างยุ่งพอสมควร ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำ 1. เราต้องจำชื่อลูกค้าให้ได้ 2. ลูกค้าคนนี้กินอะไร 3. คนนี้วันนึงมาสั่งกี่รอบ
เราก็ตอบตกลง
**ตอนมาออสเตรเลียใหม่ๆ ช่วงนั้นกาแฟส่วนใหญ่ในออสเตรเลียจะได้รับวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของอิตตาลีเป็นหลัก และกาแฟสมัยก่อน capuchino ด้านบนยังเป็นฟองฟ่อด เนื้อของกาแฟ
ยังไม่เนียนมากเหมือนกับสมัยปัจจุบัน แต่ร้านนี้เริ่มเป็นกาแฟสมัยใหม่ เนื้อกาแฟจะเนียนนนุ่มไม่มีฟอง เวลาดื่มรสชาติของกาแฟจะกล่อมกล่อม ไม่แบ่งแยกระหว่าง ตัวกาแฟกับชั้นของนม
หลังจากช่วยที่ร้านเสริฟได้ไม่ถึงสองเดือน เจ้าของร้าน ก็เรียกให้ไปช่วย ถือเหยือกนม และสอนวิธี การตีนมยังไง ให้ละเอียดไม่เป็นฟอง สอนเทคนิคต่างๆ และบอกกับเราว่า ถ้าเธออกจากร้านฉันไปแล้วรับรองได้
ว่าเธอไปสมัครงานร้านไหนๆ เธอไม่ต้องกลัวเค้ารับเธอแน่ ซึ่งก็จริงตามที่เค้าพูดเอาไว้
หลังๆเจ้าของมีแอบไปดูบอลโลกตอนนั้นปล่อยให้ราทำกาแฟเดี่ยว
การทำกาแฟสิ่งที่ได้เรียนรู้จากร้านเเรกคือ เรื่อง เวลา และความเร็ว และการจำลูกค้า แต่ ถามว่าบางครั้งเรามีพลาดมั้ยมีแน่นอน เพราะ ร้านเป็นแบบร้านเปิดโล่ง เพราะฉะนั้น อุณหภูมิ
สภาพดินฟ้าอากาศ เป็นตัวแปร ในการตั้งค่าของเครื่องบด และ ตัวเครื่องทำกาแฟ ( เดี๋ยวเล่าต่อ จากร้านต่อๆไปนะคะ )
ทำร้านนี้ได้ประมาณ 8 เดือน เจ้าของประกาศขายร้าน เตรียมชิ่ง พราะ พนงทั้งตึกเกือบสองพันคน ย้ายสำนักงาน ตึกร้างหลายชั้น จำนวนลูกค้าลดลง
@ ร้านที่ 3 ทำงานกับร้านกาแฟอยู่ในสำนักงานใหญ่ของแบงค์ ( แมคควอรี่ แบงค์ )
สมัครรร้านนี้ได้ตามหนังสือพิมพ์เค้าเรียกสัมภาษณ์ สองวันหลังจากสัมภาษณ์ โทรมาบอกให้เริ่มงานวันจันทร์
ร้านนี้ทำงานด้วยไม่นาน เค้ารับสมัคร Barista โดยตรง แต่มีเรื่องขัดอกขัดใจ เพราะตอนนั้นจขก. เพิ่งเป็นแบบ Barista เดี่ยวๆ ไม่ได้เป็นผู้ช่วยหรือลูกมือเจ้าของแบบแต่ก่อน
แต่ มีคนที่ทำรอบบ่าย ที่จะเข้ากะช่วงเช้า ซึ่งเค้ามาถึงก็จะชอบมาแย่งเราทำกาแฟ ไล่เราให้ไปทำอย่างอื่นแทน เช่นรับออร์เดอร์ รึ เสริฟแทน เพราะ Barista ส่วนใหญ่จะยื่นอยู่ที่เครื่องตลอดไม่ต้องออกไปเสริฟ
อิตาแมททิวนี่ เข้างานตอน11 โมงเมื่อไร จะชอบบอกชั้นรู้ว่าเธอทำกาแฟเก่ง แต่ฉั้นอยากให้เธอไปทำอย่างอื่นบ้าง
แน่ะมาสั่งตรู ได้ไง เราเลยเข้าไปคุยกับผจก. ว่าตกลงเธอรับชั้นมาทำตำแหน่งอะไรกันแน่ ทำไมแมทธิวนี่มาสั่งชั้นให้ทำนู่นนี่ตลอด ไม่ใช่ว่าชั้นทำอย่างอื่นไม่ได้นะ
แต่ อย่า!!! อย่ามาสั่งชั้นให้ทำนู่นทำนี่และมาเบียดชั้นออกจากเครื่องตลอด
ได้ผลเป็นอย่างดี แมทธิวโดนเรียกไปตักเตือนว่าอย่ามาจุ้นกับเรา 555 ขัดแข้งขัดขากันเล็กน้อย หลังๆเราเป็นเพื่อนซี้กับผจก. ร้าน (ต่อเนื่องกับร้านที่ 5)
@ ร้านที่ 4 ทำงานกับร้านกาแฟอยู่ในสำนักงานใหญ่ของแบงค์ ( แมคควอรี่ แบงค์ ) กับเซแลป คนดัง
ช่วงเวลาที่ร้านที่ 3 หมดสัญญากับทางแบงค์ ทางแบงค์ได้เปิดประมูลให้ร้านต่างๆเสนอราคา และคนที่ชนะประมูลก็คือ George Gregan กับตันทีมชาติออสเตรเลีย รักบี้ ขณะนั้น
นี่เราจะได้ทำงานกับคนดังของออสรึนี่ 555 เค้ามีกำลังเงินมากกว่าเจ้าของเดิม แต่เค้าไม่ต้องการพนงงานเดิมที่มีอยู่ ทั้งหมด
เค้ามีทีมงานของเค้าเอง เพราะตอนนั้น ค้ามีร้านทั้งหมด 8 สาขา เค้าต้องการพนง. เดิมแค่ 3 คน จาก 11 คน เค้าก็เรียกไปสอบสัมภาษณ์ทีละคน และก็บอกมาว่าเราได้ ร้านนี้เหมือนจะดี
มีปาร์ตี้ สนุกสนานเฮฮา แต่เจ้าของไม่ได้มาทุกวัน ผจก. เป็นฝรั่งอ้วน ขี้หลี เมียมีแล้วแต่ชอบมา จิ๊จ๊ะกับพนง.เสริฟ ใช้กาแฟวันละ 8-10 กก. พนง.งานสำนักงานในตึก3,000 - 4,000 คน มาซื้อกาแฟกันคนละ 3-4 แก้วต่อวัน
ช่วงนี้ ผจก.ที่เคยอยู่ร้านที่ 3 ด้วยกัน โทรมาชวนบ่อยๆ ให้ไปสมัครงานร้านที่เค้าทำ
แกไขพิมพ์ผิดมากมายค่ะ