ไหนๆ ก็ได้พูดเรื่อง พาหิรกา สาวกภาษิตา มาจนถึงป่านนี้แล้ว จึงเห็นสมควรว่า ต้องพูดให้จบความในคราวเดียวกันนี้เลย
ประเด็นที่จะกล่าวเพิ่มเติม ก็คือ ข้อความในอรรถกถาสุตตนิกาย ที่ได้ระบุถึง พระธรรมกถึก !
พระธรรมกถึก หมายถึงใคร ?
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ครั้งหนึ่งว่า พระธรรมกถึก หมายถึง ........
กล่าวโดยสรุป ก็คือ พระธรรมกถึก หมายถึง
ภิกษุผู้แสดงธรรม คือ ปฏิจจสมุปบาท เพื่อความหน่าย คลายกำนัด เพื่อดับชรา และ มรณะ
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ มีความหมายว่าอย่างไร ?
มันก็มีความหมายว่า เมื่อใดก็ตามที่ภิกษุทั้งหลาย แสดงธรรม คือ ปฏิจจสมุปบาท ไม่สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งย่อม (๑) มีอรรถอันลึก (๒) เป็นโลกุตตระ และที่สำคัญก็คือ (๓) ประกอบด้วยสุญญตา คือ ว่างจากตัวตนของตน
ภิกษุ และ ถ้อยคำเหล่านั้น ย่อมเป็นบุคคล และ ถ้อยคำ ที่ถูกระบุเอาไว้ในพระสูตรว่าเป็น พาหิรกา สาวกภาษิตา !
คำถามต่อมา ก็คือ สาวกภาษิต เหล่านั้น จัดเป็น คำสอนนอกแนว(พาหิรกา) ได้อย่างไร ?
ข้อความจากพระสูตร ย่อมชัดเจนแจ่มแจ้งว่า ผู้ได้ชื่อว่าเป็นพระธรรมกถึกในพระพุทธศาสนา ย่อมหมายถึง
ภิกษุผู้แสดงธรรม คือ ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งต้องประกอบด้วย สุญญตา คือ ว่างจาก สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
ในทางกลับกัน ถ้าใครก็ตาม อธิบายปฏิจจสมุปบาท อย่างไม่ประกอบด้วยสุญญตา เช่น มีสัตว์ บุคคล เวียนว่ายตายเกิด ข้ามภพข้ามชาติ
กรณีอย่างนี้ ย่อมขัดกับ แนวคำสอนของพระพุทธเจ้า และ จักกลายเป็นภัยอันร้ายแรงต่อพระพุทธศาสนาในอนาคต !
ทั้งหมดนี้ ผมสรุปความตามหลักฐานที่ปรากฏอยู่จริง นะครับ
ทีนี้ ถ้าหากใคร ต้องการแปลความหมายคำว่า พาหิรกา สาวกภาษิตา ว่าหมายถึง พวกอัญญเดียรถีย์ พวกมิจฉาทิฐิ ก็ไม่เป็นปัญหาเลย
แต่คนเหล่านั้น ต้องเข้าใจ และยอมรับตามความเป็นจริงด้วยว่า ใครก็ตาม ที่อธิบายปฏิจจสมุปบาท โดยไม่ประกอบด้วยสุญญตาธรรม
คนผู้นั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็น พวกมิจฉาทิฐิ อัญญเดียรถีย์ ตามความหมายของคำว่า พาหิรกา สาวกภาษิตา ไปด้วย อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ในกรณีนี้ พาหิรกา สาวกภาษิตา หมายถึง คนที่อธิบายปฏิจจสมุปบาท ข้ามภพข้ามชาติ แบบ ตายเข้าโลง น่ะครับ
ท่านทั้งหลาย พอจะทราบหรือไม่ว่า มีใครบ้าง ที่เชื่อและสอนปฏิจจสมุปบาทแบบนี้ ?
หลักฐานอีกประการหนึ่ง ซึ่งผมได้นำมาแสดงบ่อยมาก แต่ก็ต้องนำมาแสดงซ้ำอีก ก็คือ
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้หลายครั้งว่า ปฏิจจสมุปบาทของพระองค์ ต้องปราศจาก
สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ในฐานะ ผู้เสพ ผู้เสวย ผู้เกิด ผู้ตาย ผู้ผัสสะ ฯลฯ โดยตรัสว่า .......
การที่ใครบางคน เกิดความคิด ความสงสัย ในทำนองว่า ใครเป็นผู้เกิดผู้ตาย ฯลฯ ในปฏิจจสมุปบาท
นั่นเป็นการตั้งคำถามผิด และเป็นที่มาของมิจฉาทิฐิสุดโต่ง ไม่เป็นไปเพื่อความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ !
สุดท้ายนี้ ถ้าหาก ชาวพุทธชายขอบทั้งหลาย ผู้สมาทาน ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งไม่ประกอบด้วยสุญญตาธรรม
กล่าวคือ เป็นปฏิจจสมุปบาท ที่อุดมไปด้วย ผีสาง นางไม้ สัตว์ บุคคล ฯลฯ ในฐานะผู้เวียนว่ายตายเกิด ข้ามภพข้ามชาติ
แต่ยังต้องการยืนยันว่า ทิฐิลามกแบบนี้ เป็นสัมมาทิฐิในพระพุทธศาสนา โดยมิใช่คำสอนนอกแนว(พาหิรกา)
มิใช่คำสอนของ "สาวกภายนอกพระพุทธศาสนา" ตามคำอธิบายจาก อรรถกถาอังคุตตรนิกาย
ก็จงออกมาแสดง เหตุผล และ หลักฐาน ยืนยัน ข้อเท็จจริง ให้เห็นอย่างชัดแจ้งด้วย
ทั้งนี้ ก็เพื่อประโยชน์ในทาง(เจริญ)สติปัญญา แก่เพื่อนชาวพุทธเถรวาททั้งหลาย ในโต๊ะศาสนาแห่งนี้
ขอขอบคุณล่วงหน้า
สวัสดี
พระธรรมกถึก ในพระพุทธศาสนา
ประเด็นที่จะกล่าวเพิ่มเติม ก็คือ ข้อความในอรรถกถาสุตตนิกาย ที่ได้ระบุถึง พระธรรมกถึก !
พระธรรมกถึก หมายถึงใคร ?
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ครั้งหนึ่งว่า พระธรรมกถึก หมายถึง ........
กล่าวโดยสรุป ก็คือ พระธรรมกถึก หมายถึง
ภิกษุผู้แสดงธรรม คือ ปฏิจจสมุปบาท เพื่อความหน่าย คลายกำนัด เพื่อดับชรา และ มรณะ
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ มีความหมายว่าอย่างไร ?
มันก็มีความหมายว่า เมื่อใดก็ตามที่ภิกษุทั้งหลาย แสดงธรรม คือ ปฏิจจสมุปบาท ไม่สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งย่อม (๑) มีอรรถอันลึก (๒) เป็นโลกุตตระ และที่สำคัญก็คือ (๓) ประกอบด้วยสุญญตา คือ ว่างจากตัวตนของตน
ภิกษุ และ ถ้อยคำเหล่านั้น ย่อมเป็นบุคคล และ ถ้อยคำ ที่ถูกระบุเอาไว้ในพระสูตรว่าเป็น พาหิรกา สาวกภาษิตา !
คำถามต่อมา ก็คือ สาวกภาษิต เหล่านั้น จัดเป็น คำสอนนอกแนว(พาหิรกา) ได้อย่างไร ?
ข้อความจากพระสูตร ย่อมชัดเจนแจ่มแจ้งว่า ผู้ได้ชื่อว่าเป็นพระธรรมกถึกในพระพุทธศาสนา ย่อมหมายถึง
ภิกษุผู้แสดงธรรม คือ ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งต้องประกอบด้วย สุญญตา คือ ว่างจาก สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
ในทางกลับกัน ถ้าใครก็ตาม อธิบายปฏิจจสมุปบาท อย่างไม่ประกอบด้วยสุญญตา เช่น มีสัตว์ บุคคล เวียนว่ายตายเกิด ข้ามภพข้ามชาติ
กรณีอย่างนี้ ย่อมขัดกับ แนวคำสอนของพระพุทธเจ้า และ จักกลายเป็นภัยอันร้ายแรงต่อพระพุทธศาสนาในอนาคต !
ทั้งหมดนี้ ผมสรุปความตามหลักฐานที่ปรากฏอยู่จริง นะครับ
ทีนี้ ถ้าหากใคร ต้องการแปลความหมายคำว่า พาหิรกา สาวกภาษิตา ว่าหมายถึง พวกอัญญเดียรถีย์ พวกมิจฉาทิฐิ ก็ไม่เป็นปัญหาเลย
แต่คนเหล่านั้น ต้องเข้าใจ และยอมรับตามความเป็นจริงด้วยว่า ใครก็ตาม ที่อธิบายปฏิจจสมุปบาท โดยไม่ประกอบด้วยสุญญตาธรรม
คนผู้นั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็น พวกมิจฉาทิฐิ อัญญเดียรถีย์ ตามความหมายของคำว่า พาหิรกา สาวกภาษิตา ไปด้วย อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ในกรณีนี้ พาหิรกา สาวกภาษิตา หมายถึง คนที่อธิบายปฏิจจสมุปบาท ข้ามภพข้ามชาติ แบบ ตายเข้าโลง น่ะครับ
ท่านทั้งหลาย พอจะทราบหรือไม่ว่า มีใครบ้าง ที่เชื่อและสอนปฏิจจสมุปบาทแบบนี้ ?
หลักฐานอีกประการหนึ่ง ซึ่งผมได้นำมาแสดงบ่อยมาก แต่ก็ต้องนำมาแสดงซ้ำอีก ก็คือ
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้หลายครั้งว่า ปฏิจจสมุปบาทของพระองค์ ต้องปราศจาก
สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ในฐานะ ผู้เสพ ผู้เสวย ผู้เกิด ผู้ตาย ผู้ผัสสะ ฯลฯ โดยตรัสว่า .......
การที่ใครบางคน เกิดความคิด ความสงสัย ในทำนองว่า ใครเป็นผู้เกิดผู้ตาย ฯลฯ ในปฏิจจสมุปบาท
นั่นเป็นการตั้งคำถามผิด และเป็นที่มาของมิจฉาทิฐิสุดโต่ง ไม่เป็นไปเพื่อความอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ !
สุดท้ายนี้ ถ้าหาก ชาวพุทธชายขอบทั้งหลาย ผู้สมาทาน ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งไม่ประกอบด้วยสุญญตาธรรม
กล่าวคือ เป็นปฏิจจสมุปบาท ที่อุดมไปด้วย ผีสาง นางไม้ สัตว์ บุคคล ฯลฯ ในฐานะผู้เวียนว่ายตายเกิด ข้ามภพข้ามชาติ
แต่ยังต้องการยืนยันว่า ทิฐิลามกแบบนี้ เป็นสัมมาทิฐิในพระพุทธศาสนา โดยมิใช่คำสอนนอกแนว(พาหิรกา)
มิใช่คำสอนของ "สาวกภายนอกพระพุทธศาสนา" ตามคำอธิบายจาก อรรถกถาอังคุตตรนิกาย
ก็จงออกมาแสดง เหตุผล และ หลักฐาน ยืนยัน ข้อเท็จจริง ให้เห็นอย่างชัดแจ้งด้วย
ทั้งนี้ ก็เพื่อประโยชน์ในทาง(เจริญ)สติปัญญา แก่เพื่อนชาวพุทธเถรวาททั้งหลาย ในโต๊ะศาสนาแห่งนี้
ขอขอบคุณล่วงหน้า
สวัสดี