เอเจนซี่ส์ - นาย เจย์ นิกซ์สัน (Jay Nixon) ผู้ว่าการรัฐมิสซูรี่ ได้ประกาศเคอร์ฟิว สถานะการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่เวลา 24.00-05.00 น. ในเมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี่ ที่เกิดเหตุซึ่ง นาย ไมเคิล บราว์น (Michael Brown) วัยรุ่นผิวสีวัย 18 ถูกยิงเสียชีวิตคาที่ ทั้งที่ยอมจำนนชูมือเปล่าเหนืออากาศในสภาพไร้อาวุธในวันที่ 9 สิงหาคม โดย นายตำรวจ ดาร์เร็น วิลสัน (Darren Wilson) วัย 28 ปี ตำรวจผิวขาวที่อ้างว่าไม่เคยมีประวัติลงโทษผู้ต้องหาเกินกว่าเหตุตลอดเวลา 4 ปี สร้างความโกรธแค้น และไม่พอใจในหมู่สังคมชาวแอฟริกันอเมริกัน ที่มองว่าเป็นเรื่องระหว่างสีผิว และลามไปสู่การออกมาประท้วงครั้งใหญ่และมีการปล้นสะดมเกิดขึ้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทีม SWAT ตอบโต้กลุ่มผู้ประท้วงด้วยอาวุธหนักเช่น แก๊สน้ำตา รถหุ้มเกราะ และปืน ร้อนถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย บารัค โอบามา ผู้นำผิวสีต้องออกแถลงการณ์ไม่ให้เหตุการณ์ลุกลาม และนำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉิน
การประกาศภาวะฉุกเฉินมีขึ้นที่ เมืองเฟอร์กูสัน 1 สัปดาห์ หลังจากที่มีการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงชาวแอฟริกันอเมริกันและผู้ที่ไม่เห็นด้วยกว่าการทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้อำนาจยิงผู้ต้องหามือเปล่าและไร้อาวุธ ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับภาพลักษณ์ของตำรวจอเมริกันผิวขาวที่ยิงผู้ที่ถูกจับกุมทั้งที่มือเปล่า หรือมีอาวุธเพียงแค่มีดปอกผลไม้ โดยเฉพาะผู้ถูกจับกุมเป็นชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ เช่น ชาวแอฟริกันอเมริกัน ชาวละตินอเมริกัน หรือแม้กระทั่ง ชาวเอเชี่ยนอเมริกัน และการประท้วงนำไปสู่การจลาจลใหญ่ที่มีการจุดไฟเผาและปล้นสะดมร้านค้าที่ทางตำรวจมิสซูรี่และหน่วย SWAT ได้ขนอาวุธหนักที่คล้ายกับกองทัพขนาดย่อมๆ มาเตรียมปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงที่ออกมา
ด้าน นาย เจย์ นิกซ์สัน (Jay Nixon) ผู้ว่าการรัฐมิสซูรีอเมริกันผิวขาว ได้ออกมาชี้แจงว่าเหตุที่ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะว่า ถึงแม้ผู้ประท้วงจะประกาศก้อง ถึงการแสดงออกอย่างสันติ แต่เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามใช้เหตุความไม่พอใจนำไปสู่การปล้นสะดมร้านค้าที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองเฟอร์กูสันต้องมัวหมอง
“เป็นอันดับแรกเราต้องยังคงรักษาความสงบเรียบร้อยไว้ นี่เป็นบททดสอบเพราะคนทั้งโลกกำลังจับจ้องมาที่รัฐมิสซูรี่อยู่ ทางรัฐมิสซูรี่จะไม่ขออดทนยอมให้การก่อหวอดความรุนแรงของคนเพียงแค่หยิบมือมาทำลายความตั้งใจดีงามเพื่อแสดงเจตจำนงของชนหมู่มาก” นายนิกซ์สันกล่าว
นอกจากนี้ ผู้ว่าการรัฐมิสซูรี่ ยังแถลงเพิ่มเติมว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) กำลังเร่งมือสอบสวนคดียิงให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ด้านรอน จอห์นสัน (Ron Johnson) ผู้บังคับตำรวจทางหลวงแห่งเมืองเฟอร์กูสัน ที่ออกแถลงการ์ณร่วมกับ นายนิกซ์สัน แถลงเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ FBI จำนวน 40 นาย จะทำการลงพื้นที่สอบถามแต่ละบ้านเพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุฆาตรกรรมครั้งนี้ คนทั้งคู่ออกแถลงการณ์ที่โบสถ์ในเมืองเฟอร์กูสันท่ามกลางเสียงโห่ไล่ แสดงความไม่พอใจของชาวเมืองเป็นระยะๆ
เหตุความรุนแรงปะทุล่าสุดในคืนวันศุกร์ (15) เมื่อผู้บัญชาการตำรวจเมืองเฟอร์กูสัน โทมัส แจ็กสัน (Thomas Jackson) ได้เปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่ผู้ลงมือปลิดชีพ ไมเคิล บราว์น และพร้อมกับเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เป็นหลักฐานการทำความผิดของ ไมเคิล บราว์น ในวัย 18 ปี ที่ได้ขโมยซิการ์ 1 กล่องมูลค่า 50 ดอลลาร์ และข่มขู่เจ้าของร้านก่อนที่เขาจะถูกยิงเสียชีวิต และเหตุที่ นายตำรวจ ดาร์เร็น วิลสัน (Darren Wilson) วัย 28 ปี ตำรวจผิวขาวยิงวัยรุ่นผิวสีวัย 18 เสียชีวิต “ไม่ใช่เป็นเพราะทราบล่วงหน้าถึงเหตุอาชญากรรมที่ ไมเคิล บราว์น ก่อไว้” และที่ทางตำรวจต้องทำร้าย ไมเคิล บราว์น ลงไป ก็เพราะผู้ต้องหาได้ลงมือทำร้ายเจ้าหน้าที่ในรถของตำรวจ
ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รายงานว่า การให้ความเห็นของ โทมัส แจ็กสัน ที่ดูเหมือนปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชานั้น ได้ยิ่งกระพือความโกรธแค้นให้กับฝูงชนในเมืองเฟอร์กูสันมากขึ้นไปอีก
ด้านสาธุคุณ อัล แชปตั้น ผู้นำการเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและนักจัดรายการของ MSNBC เครือข่ายทีวีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ครอบครัวแจ็กสันจะนำการประท้วงอย่างสันติที่เมืองเฟอร์กูสันในวันอาทิตย์นี้ (17)
การกระทำเกินกว่าเหตุของตำรวจสหรัฐฯที่รุนแรงต่อผู้ถูกจับกุมพบได้สม่ำเสมอ และน้อยครั้งมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะถูกพิพากษาว่ามีความผิดเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯมีช่องทางกฎหมายคุ้มครองการปฎิบัติหน้าที่ และส่วนมากชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯจะถูกเจ้าหน้าที่ใช้กำลังในการจับกุม หรือยิงจนเสียชีวิต ไม่เฉพาะแต่ชาวแอฟริกันอเมริกันเท่านั้น แม้แต่กระทั่งชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย เช่น ในปี 2012 นาง Xiaojie Li วัย 44 ปี หญิงชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ถูกตำรวจรัฐแมสซาส์ชูเซต ใช้ที่ช็อตไฟฟ้ากับเธอ ถึงแม้ว่านาง Li จะเป็นเพียงผู้หญิงร่างเล็ก เมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 นาย และยังไม่หยุดใช้อุปกรณ์ช็อตไฟฟ้าถึงแม้ว่านาง Li จะล้มตัวลงไปนอนกับพื้นด้วยความเจ็บปวด และร้องไห้โหยหวนในสภาพน่าเวทนาในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯ ทั้ง 2 นายนั่งคร่อมอยู่เหนือตัวเธอใช้ที่ช็อตไฟฟ้าจ่อไปที่เธอไม่หยุด ในความผิดที่นาง Li ขอซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟน จากร้านแอปเปิ้ล สโตร์ ประจำเมืองนิวทาว์นด้วยเงินสดจำนวน 4 เครื่องเพื่อนำไปฝากญาติที่อยู่เมืองจีน และเธอปฏิเสธที่จะออกจากร้านเมื่อพนักงานปฎิเสธการขาย ทั้งนี้ลูกสาววัย 12 ปีของนาง Li ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ได้อธิบายกับนักข่าวว่า มารดาของเธอไม่ทราบว่า พนักงานร้านได้แจ้งตำรวจให้พาตัวนาง Li ออกจากร้าน เพราะมารดาของเธอไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ในช่วงนั้นทางบริษัทแอ๊ปเปิ้ลในสหรัฐฯ มีนโยบายจำกัดการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือไอโฟนให้แก่ลูกค้าแค่คนละ 2 เครื่องเท่านั้น และภายหลังทางบริษัทได้ยกเลิกนโยบายนี้ออกไป
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000093652
รัฐมิสซูรี่ ประกาศเคอร์ฟิวที่เมืองเฟอร์กูสัน หลังตำรวจขน “รถหุ้มเกราะ-ปืน” ปะทะม๊อบจลาจล “วัยรุ่นผิวสีมือเปล่าถูกยิงดับ”
การประกาศภาวะฉุกเฉินมีขึ้นที่ เมืองเฟอร์กูสัน 1 สัปดาห์ หลังจากที่มีการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงชาวแอฟริกันอเมริกันและผู้ที่ไม่เห็นด้วยกว่าการทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้อำนาจยิงผู้ต้องหามือเปล่าและไร้อาวุธ ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับภาพลักษณ์ของตำรวจอเมริกันผิวขาวที่ยิงผู้ที่ถูกจับกุมทั้งที่มือเปล่า หรือมีอาวุธเพียงแค่มีดปอกผลไม้ โดยเฉพาะผู้ถูกจับกุมเป็นชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ เช่น ชาวแอฟริกันอเมริกัน ชาวละตินอเมริกัน หรือแม้กระทั่ง ชาวเอเชี่ยนอเมริกัน และการประท้วงนำไปสู่การจลาจลใหญ่ที่มีการจุดไฟเผาและปล้นสะดมร้านค้าที่ทางตำรวจมิสซูรี่และหน่วย SWAT ได้ขนอาวุธหนักที่คล้ายกับกองทัพขนาดย่อมๆ มาเตรียมปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงที่ออกมา
ด้าน นาย เจย์ นิกซ์สัน (Jay Nixon) ผู้ว่าการรัฐมิสซูรีอเมริกันผิวขาว ได้ออกมาชี้แจงว่าเหตุที่ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะว่า ถึงแม้ผู้ประท้วงจะประกาศก้อง ถึงการแสดงออกอย่างสันติ แต่เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามใช้เหตุความไม่พอใจนำไปสู่การปล้นสะดมร้านค้าที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองเฟอร์กูสันต้องมัวหมอง
“เป็นอันดับแรกเราต้องยังคงรักษาความสงบเรียบร้อยไว้ นี่เป็นบททดสอบเพราะคนทั้งโลกกำลังจับจ้องมาที่รัฐมิสซูรี่อยู่ ทางรัฐมิสซูรี่จะไม่ขออดทนยอมให้การก่อหวอดความรุนแรงของคนเพียงแค่หยิบมือมาทำลายความตั้งใจดีงามเพื่อแสดงเจตจำนงของชนหมู่มาก” นายนิกซ์สันกล่าว
นอกจากนี้ ผู้ว่าการรัฐมิสซูรี่ ยังแถลงเพิ่มเติมว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) กำลังเร่งมือสอบสวนคดียิงให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ด้านรอน จอห์นสัน (Ron Johnson) ผู้บังคับตำรวจทางหลวงแห่งเมืองเฟอร์กูสัน ที่ออกแถลงการ์ณร่วมกับ นายนิกซ์สัน แถลงเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ FBI จำนวน 40 นาย จะทำการลงพื้นที่สอบถามแต่ละบ้านเพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุฆาตรกรรมครั้งนี้ คนทั้งคู่ออกแถลงการณ์ที่โบสถ์ในเมืองเฟอร์กูสันท่ามกลางเสียงโห่ไล่ แสดงความไม่พอใจของชาวเมืองเป็นระยะๆ
เหตุความรุนแรงปะทุล่าสุดในคืนวันศุกร์ (15) เมื่อผู้บัญชาการตำรวจเมืองเฟอร์กูสัน โทมัส แจ็กสัน (Thomas Jackson) ได้เปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่ผู้ลงมือปลิดชีพ ไมเคิล บราว์น และพร้อมกับเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เป็นหลักฐานการทำความผิดของ ไมเคิล บราว์น ในวัย 18 ปี ที่ได้ขโมยซิการ์ 1 กล่องมูลค่า 50 ดอลลาร์ และข่มขู่เจ้าของร้านก่อนที่เขาจะถูกยิงเสียชีวิต และเหตุที่ นายตำรวจ ดาร์เร็น วิลสัน (Darren Wilson) วัย 28 ปี ตำรวจผิวขาวยิงวัยรุ่นผิวสีวัย 18 เสียชีวิต “ไม่ใช่เป็นเพราะทราบล่วงหน้าถึงเหตุอาชญากรรมที่ ไมเคิล บราว์น ก่อไว้” และที่ทางตำรวจต้องทำร้าย ไมเคิล บราว์น ลงไป ก็เพราะผู้ต้องหาได้ลงมือทำร้ายเจ้าหน้าที่ในรถของตำรวจ
ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รายงานว่า การให้ความเห็นของ โทมัส แจ็กสัน ที่ดูเหมือนปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชานั้น ได้ยิ่งกระพือความโกรธแค้นให้กับฝูงชนในเมืองเฟอร์กูสันมากขึ้นไปอีก
ด้านสาธุคุณ อัล แชปตั้น ผู้นำการเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและนักจัดรายการของ MSNBC เครือข่ายทีวีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ครอบครัวแจ็กสันจะนำการประท้วงอย่างสันติที่เมืองเฟอร์กูสันในวันอาทิตย์นี้ (17)
การกระทำเกินกว่าเหตุของตำรวจสหรัฐฯที่รุนแรงต่อผู้ถูกจับกุมพบได้สม่ำเสมอ และน้อยครั้งมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะถูกพิพากษาว่ามีความผิดเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯมีช่องทางกฎหมายคุ้มครองการปฎิบัติหน้าที่ และส่วนมากชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯจะถูกเจ้าหน้าที่ใช้กำลังในการจับกุม หรือยิงจนเสียชีวิต ไม่เฉพาะแต่ชาวแอฟริกันอเมริกันเท่านั้น แม้แต่กระทั่งชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย เช่น ในปี 2012 นาง Xiaojie Li วัย 44 ปี หญิงชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ถูกตำรวจรัฐแมสซาส์ชูเซต ใช้ที่ช็อตไฟฟ้ากับเธอ ถึงแม้ว่านาง Li จะเป็นเพียงผู้หญิงร่างเล็ก เมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 นาย และยังไม่หยุดใช้อุปกรณ์ช็อตไฟฟ้าถึงแม้ว่านาง Li จะล้มตัวลงไปนอนกับพื้นด้วยความเจ็บปวด และร้องไห้โหยหวนในสภาพน่าเวทนาในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯ ทั้ง 2 นายนั่งคร่อมอยู่เหนือตัวเธอใช้ที่ช็อตไฟฟ้าจ่อไปที่เธอไม่หยุด ในความผิดที่นาง Li ขอซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟน จากร้านแอปเปิ้ล สโตร์ ประจำเมืองนิวทาว์นด้วยเงินสดจำนวน 4 เครื่องเพื่อนำไปฝากญาติที่อยู่เมืองจีน และเธอปฏิเสธที่จะออกจากร้านเมื่อพนักงานปฎิเสธการขาย ทั้งนี้ลูกสาววัย 12 ปีของนาง Li ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ได้อธิบายกับนักข่าวว่า มารดาของเธอไม่ทราบว่า พนักงานร้านได้แจ้งตำรวจให้พาตัวนาง Li ออกจากร้าน เพราะมารดาของเธอไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ในช่วงนั้นทางบริษัทแอ๊ปเปิ้ลในสหรัฐฯ มีนโยบายจำกัดการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือไอโฟนให้แก่ลูกค้าแค่คนละ 2 เครื่องเท่านั้น และภายหลังทางบริษัทได้ยกเลิกนโยบายนี้ออกไป
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000093652