แด่....คุณ อานันท์ ปันยารชุน ด้วยดวงใจ



ก็เพราะคุณไม่เคยปล่อยให้ระบบประชาธิปไตยพัฒนาไปด้วยตัวมันเอง   ยังไงหล่ะครับ
เลยต้องมาถามวนเวียน  ซํ้าซากอยู่อย่างนี้

คุณเหมือนจะบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ประเทศนี้โง่  คิดเองไม่เป็น
แต่ทุกครั้งคุณก็ไม่เคยปล่อยให้ประชาชน   ได้รับบทเรียนจากความโง่เขลาของตัวเอง
ไม่ต่างอะไรกับประชาชนกําลังตักข้าวใส่ปาก    แล้วคุณก็ไปปัดชัดช้อนทิ้งเสียทุกครั้ง
อย่างนี้   ประชาชนเขาจะเรียนรู้ได้อย่างไรเล่าครับ  ว่าข้าวที่กําลังตักใส่ปากมันดี หรือ  ไม่ดีอย่างไร
ก็คุณเล่นคิดให้เอง    ตัดสินใจให้เอง   เสียเสร็จสรรพ

แล้วก็อ้างเหตุผลข้างๆคูๆ    เพราะประชาชนยังโง่  ยังไม่พร้อม
ถึงประชาชนจะโง่  แต่โทษที   เขาก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะไม่เชื่ออะไรง่ายๆหรอกครับ
(  ถ้าประชาชนโง่จริง เขาคงเชื่อคุณ อานันท์ ไปแล้ว )

ประชาธิปไตย  คงไม่ใช่บะหมี่สําเร็จรูป  ที่คุณอานันท์   และพวก  จะผลิตออกมาขายให้ชาวบ้าน
แล้วซื้อไปต้มกับนํ้าร้อนรับประทานกันได้เลยทันที    มันต้องอาศัยการเรียนรู้ครับ

ก็ควรปล่อยให้ประชาชน  เขาได้เรียนรู้กันเอง   อย่างหลายๆประเทศที่เป็นแม่แบบ
ผิดพลาดบ้างถือว่าเป็นบทเรียน   
ยิ่งจ่ายแพงเท่าไหร่   มันจะกลายเป็นบทเรียนที่ทรงคุณค่าสําหรับประเทศ  สําหรับประชาชนเท่านั้น
ไม่ใช่เอะอะก็หาทางล้มระบบ   เพื่อมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่
แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรที่ว่าผิดพลาด   มันผิดพลาดจริงๆ
หรือ   จุดที่คุณจะเริ่มนับหนึ่งใหม่    มันจะไม่ถอยหลังกลับไปอีกจนไกลสุดกู่

แน่นอนว่า   ประชาธิปไตยแบบไทยๆ  กับของฝรั่ง อาจมีความแตกต่างกันบ้าง  ตามวิถีชีวิต
อุปนิสัย  และ สภาพวัฒนธรรมของแต่ละเชื้อชาติ  ซึ่งมันก็เป็นแค่รายละเอียดปลีกย่อย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน   คือสาระสําคัญ ของระบบประชาธิปไตย  ที่ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่

แค่สาระสําคัญของระบบ  คุณยังไม่เคารพ
แล้วคุณยังมาถามคนอื่นเราเคยเป็นประชาธิปไตยหรือไม่   ผมว่ามันเป็นเรื่องน่าขํามาก

แต่ผมเข้าใจว่าลึกๆแล้ว คุณ ต่อต้านตัวบุคคลมากกว่า  เลยพาลไปยังระบบ
คุณบอกว่าการเลือกตั้งไม่ยุติธรรม  มีการซื้อสิทธิขายเสียง   แล้วก็เข้ามาโกงกิน  แสวงหาอํานาจ
ถ้าคิดวนเวียนอยู่แค่นี้   ก็คงเป็นเรื่องที่น่าขบขําซํ้าสอง

รู้มั้ย  วิธีคิดของคุณแบบนี้  มันไม่ใช่เป็นวิธีคืดที่สร้างสรรค์เพื่อนําไปสู่การแก้ปัญหา ของประเทศ
แต่กลับจะนําไปสู่ปมปัญหาใหม่อยู่เรื่อยๆ   ไม่สิ้นสุด

บางทีคนเราไม่พัฒนาความคิดตัวเอง    เลยมองเหมือนคนอื่นไม่พัฒนา   

ผมเป็นคนที่เชื่อในกฏของการวิวัฒนาการ
ปัญหาบางอย่างแม้เราไม่เข้าไปแก้มันเลยที่สุดมันก็จะแก้ด้วยตัวมันเอง   ตามการวิวัฒนาการของโลก

หรือแม้แต่ ผมประโยชน์ทับซ้อน  การคอรัปชั่นเชิงนโยบายอะไรนั่น  ผมก็มองแค่วาทะกรรม  ที่นํามาล้างสมอง
ทําไมต้องไปกลัวกันเกินเหตุครับ
ในโลกการค้าเสรี  โลกทุนนิยม  และ   การพัฒนาการรับรู้ทางด้านข้อมูลข่าวสาร  อย่างรวดเร็ว
เหล่านี้ก็คือเครื่องมือ  หรือ กลไก  ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาโดยตัวมันเองอยู่แล้ว

คุณไม่สามารถไปเอื้อประโยขน์ให้กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด  โดยที่อีกฝ่ายทนนิ่งอยู่เฉยได้หรอกครับ
เพราะขึ้นชือว่าการแข่งขัน  โดยเฉพาะยิ่งโลกการค้าเสรีด้วยแล้ว   ยิ่งอ่อนไหวกับการได้เปรียบ เสียเปรียบเป็นพิเศษ
และในสมัย ทักษิณ  ก็ส่งเสริมนโยบายนี้กันมาโดยตลอด

การค้าแบบโบราณสิครับ  กลับจะน่ามีปัญหามากกว่า
เพราะเป็นเรื่องสัมปทาน  ค่าต๋ง   เรื่องผูกขาดทางการค้า   ซึ่งเหล่านี้เมื่อมันปราศจากการแข่งขัน
ก็ปราศจากการตรวจสอบกันเองจากคู่แข่ง
มันย่อมเอื้อให้เกิด  ผลประโยชน์ทับซ้อน  หรือ คอรัปชั่นเชิงนโยบาย  มากกว่าหรือไม่

นักธุรกิจ อย่างคุณ อานันท์ ปันยารชุน  ทําไมไม่เก็บไปคิดหละครับ

หรือถ้าชอบธุรกิจผูกขาด    แบบเสื้อนอนกิน   กลัวการแข่งขัน   โดยคิดจะเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างไรก็ได้
ถ้าเป็นอย่างนี้   ก็คงไม่ต้องคิดก็ได้ครับ

ก็เชิญ   เดินหน้าต่อต้านระบบทุนนิยมแบบเสรี    ในคราบนักประชาธิปไตยจอมปลอมต่อไปได้เลยครับ

****ด้วยยรัก........จากลูกพ่อแม้ว

      ------------------------------------------------------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่