เรื่องส้นย่อหน้าเดียว : ตัวประกัน

เวลาที่ชาวหัวก้าวหน้ามารวมตัวเหมือนเวลาจะเดินอย่างเร็วรี่ เพราะหัวข้อสนทนาและความคิดเห็นจะพรั่งพรูราวน้ำป่าหลาก หากแต่การถูกห้ามทุกคนเปิดปากพูด ไม่ว่าจะพวกเดียวกันหรือต่างฝักต่างฝ่ายซ้ำยังต้องนั่งในห้องเดียวกันแบบนี้ เวลาแต่ละเข็มวินาทีกระดิกก็ดูจะเชื่องช้าราวกับแสนหมื่นวันในอเวจีเลยเชียว เสธ.เทือง ชื่อฉายาของนายทหารยศพันเอก ผู้บังคับบัญชากองพันพันทหารราบพิเศษ ผู้มีอำนาจเต็ม แหวกม่านสีน้ำตาลแก่ช้าๆ เพื่อดูสถานการณ์ภายในห้อง ที่มีนักศึกษาชายหญิงนั่งอยู่บนโซฟาหวายคนล่ะฝั่ง ตรงกลางเป็นหญิงวัยกลางคนเกล้าผมเรียบร้อยนั่งอยู่เงียบๆ “สมน้ำหน้า ถ้าแกรับข้อเสนอของฉันเรื่องนี้ก็จบไปแล้ว” เด็กสาวถลึงตาใส่เด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีเทาเพ๊นท์ข้อความบ่งบอกสถาบัน “อีหน้าโง่ เอ๊ย แกคิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายดาย หรือตบตาคนบนโลกโซเชี่ยลได้สักกี่วัน แค่อยากเกิด สมน้ำหน้า” เด็กหนุ่มทำปากเบ้เยาะเย้ยสาววัยไล่เลี่ยกันตรงข้าม หญิงสูงวัยที่นั่งอยู่ตรงกลางมองกริยาที่แปลเป็นการสื่อสารของทั้งสองฝ่ายแล้ว นึกแปลกใจที่ดูเข้าใจตรงกัน เธอเองก็เข้าใจในแก่นของมันกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ สังคมสมัยนี้ความขัดแย้งมันบานปลายได้ว่องไวเพราะความคิดอ่านที่ไม่ได้ตริตรองถูกส่งผ่านได้เร็วชั่วนิ้วมือคลิก สารมันถูกนิยามและแปรเปลี่ยนความหมาย บวกความสับสนปนเปเข้าไปอย่างห้ามได้ยาก เธอดีใจที่ถูกจำกัดเสรีภาพบนเครื่องมืออุปกรณ์ที่จะสื่อสารกับโลกภายนอก ในฐานะผู้อาวุโสที่มีวัยวุฒิสูงกว่า เธอส่งสายตาบอกไปยังคนหนุ่มสาวทั้งสองว่า “ใจเย็นๆ เราต่างตกเป็นตัวประกันของกันและกัน เราก็ต่างผิดในข้อหาที่เราต่างดิ้นรนปฏิเสธ” อะอื้ม เธอกระแอมในลำคอเรียกความสนใจต่อเนื่อง “ฉันไม่รู้จักโลกเสมือนของพวกเธอ แค่อยากให้เธอพูดคุยกับฉันบ้าง” หนุ่มสาวทั้งสองจ้องหน้าเธอครู่หนึ่งแล้วก้มหน้ามองพื้นกระดาน ห้องนั้นเงียบงัน แววตาหญิงผมเกล้ามวยบอกว่า“อยากคุยกับฉันไหมล่ะ ไปกราบขอโทษพ่อเธอเสีย เราจะได้นั่งกินข้าวเย็นพร้อมหน้ากัน”

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่