คุณความดี ไม่เกิดขึ้นกับคนที่จับผิดคนอื่น

เวลาที่เรามองใครสักคนแล้วคิดในใจว่า  "เขาแย่จัง ที่ทำตัวแบบนี้"

วินาทีนั้นเอง ที่เราทำลายคุณของเรา ด้วยการเพ่งโทษของผู้อื่น

ดังตัวอย่างในคาถาธรรมบทนี้

ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท มลวรรคที่ ๑๘
๑๑. เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ [๑๙๒]              


              ข้อความเบื้องต้น              

              พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระรูปหนึ่ง ชื่ออุชฌานสัญญี ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส" เป็นต้น.


              คุณวิเศษไม่เกิดแก่ผู้เพ่งโทษผู้อื่น              

              ได้ยินว่า พระเถระรูปนั้นเที่ยวแส่หาความผิด  ของภิกษุทั้งหลายเท่านั้นว่า "ภิกษุนี้ก็นุ่งผิดอย่างนี้ ภิกษุนีก็ห่มผิดอย่างนี้." พวกภิกษุกราบทูลแด่พระศาสดาว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเถระชื่อโน้น ชอบทำแบบนี้."


              พระศาสดาตรัสว่า

              "ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ตั้งอยู่ในข้อปฏิบัติแล้วกล่าวสอนอยู่อย่างนี้ ใครๆ ก็ไม่ควรติเตียน, ส่วนภิกษุใดแสวงหาโทษของชนเหล่าอื่น เพราะความมุ่งหมายที่จะจับผิด  พูดแบบนี้ไปอยู่, บรรดาคุณวิเศษมีฌานเป็นต้น คุณวิเศษแม้อย่างหนึ่ง ย่อมไม่เกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้น, อาสวะทั้งหลายเท่านั้น ย่อมเจริญอย่างเดียว"



              ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-

                        ๑๑. ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส     นิจฺจํ อุชฺฌานสญฺญิโน  
                         อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ     อารา โส อาสวกฺขยา.  

                         อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ผู้คอยดูความผิด  
                         ของบุคคลอื่น ผู้มีความมุ่งหมายในอันจับผิดอยู่เสมอ,  
                         บุคคลนั้น เป็นผู้ไกลจากความสิ้นไปแห่งอาสวะ.


              แก้อรรถ
              
              บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุชฺฌานสญฺญิโน ความว่า บรรดาธรรมทั้งหลายมีฌานเป็นต้น ธรรมแม้อย่างหนึ่งย่อมไม่เจริญแก่บุคคลผู้ชื่อว่ามากไปด้วยการยกโทษ เพราะความเป็นผู้แส่หาโทษของชนเหล่าอื่นว่า "ควรนุ่งอย่างนี้ ควรห่มอย่างนี้ " เป็นต้น (นี้เป็นเพียงตัวอย่าง แต่การจับผิดผู้อื่นสามารถขยายออกไปได้มากมายหลายเรื่องทีเดียว เช่น มองคนอื่นว่า เค้าควรจะพูดให้น้อย เค้าไม่ควรจะโกง เค้าไม่ควรเป็นชู้ เค้าไม่ควรเอาผลงาน เอาหน้ากับนายนะ เป็นต้น การมองคนอื่น ไม่ใช่การสร้างประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น ไม่มีประโยชน์ปัจจุบัน ประโชน์ภายหน้า และประโยชน์อย่างยิ่งเกิดขึ้น มีแต่เพียงเรา ที่เสียเวลา และส่งจิตออกนอกแต่เพียงเท่านั้น

              โดยที่แท้อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญ เพราะเหตุนั้น บุคคลนั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้อยู่ไกล คือแสนไกลจากความสิ้นไปแห่งอาสวะ กล่าวคือพระอรหัต.


              ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ จบ.              


*****************

"คนพาล มีการเพ่งโทษคนอื่นเป็นกำลัง

บัณฑิต มีการเพ่งโทษตนเองเป็นกำลัง" - พระพุทธภาษิต

เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=28&p=11
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่