15
เทวาเคลื่อนไหว
ร่างสูงก้าวยาวไปตามทางเดิน ภายในหัวคิดทบทวนภาพแผนการทั้งหมดตั้งแต่จนจบ อีกราวสิบนาทีกลุ่มแพทย์ชุดช่วงบ่ายจะปรากฏตัวที่อาคารแรก และอีกห้านาทีต่อมาพวกเขาก็จะเดินทางมาถึงอาการกลางซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้ การตรวจจะมีขึ้นที่ชั้นล่างสุดของตึกนี้
เทวาใช้เวลาในการหลบเข้าไปปลอมตัวในห้องอาบน้ำเสร็จสิ้นภายในห้าทีโดยไม่เปิดสวิตซ์ไฟ ก่อนจะออกมาพร้อมกับร่างในชุดกราว แว่นตาทรงกลม และใบหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ตัวเขาในตอนนี้อยู่ในห้องน้ำของอาจารย์ เนื่องจากอาคารกลางเป็นอาคารขนาดใหญ่สำหรับจัดกิจกรรม ประชุม และห้องเรียนรวม ดังนั้นห้องน้ำของตึกนี้จึงค่อนข้างกว้างขวาง และมีห้องอาบน้ำภายในตัว
ชายหนุ่มขยับยิ้มที่มุมปากอย่างนึกสนุก เมื่อเช้าเขายังเป็นเทวาอย่างที่เป็นตลอดมา หากแต่ภายในวันเดียวกัน เขากลับได้เป็นนักเรียนในโรงเรียนนี้ และในตอนนี้เขาก็ได้กลายเป็นแพทย์ไปแล้ว
มีข้อความหนึ่งถูกส่งเข้ามา จากกุลิน
‘อีกสามนาที ครูพยาบาลจะเข้ามาที่ห้องน้ำชั้นสาม’
เทวาหงายข้อมือขึ้นดูนาฬิกา หากเป็นตามที่กุลินว่ามา ขณะนี้ชายอีกคนซึ่งมีใบหน้าคล้ายกับตัวเขาในปัจจุบันราวกับฝาแฝดใกล้จะเข้ามาที่นี่ภายในเวลาไม่เกินสามนาที
ชายหนุ่มลดนาฬิกาลง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม มือข้างหนึ่งเอื้อมหยิบไม้ถูพื้นจากข้างตัวมาไว้ในมือ
…อีกสองนาที
ชายหนุ่มขยับซ่อนตัวทางด้านข้างของประตู
…อีกหนึ่งนาที สามสิบห้าวิ
เทวาสูดลมหายใจเข้าลึก มือหนากระชับไม้ถูพื้น
…อีกห้าวิ…สี่…สาม…สอง…
ร่างหนึ่งในเสื้อคลุมขาวปรากฏตัวเดินผ่านช่องประตูเข้ามา ก่อนที่อีกฝ่ายจะมองหาสวิตซ์ไฟเจอ และทันรู้ตัวว่ามีใครอีกคนหนึ่งแอบซ่อนอยู่ทางด้านข้างของประตู เทวาก็ลงมือฟาดไม้เข้าที่หลังคอของครูพยาบาลตัวจริงอย่างเร็วและแรง ชายหนุ่มเตรียมซ้อมกะแรงสำหรับฉากนี้มานาน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีพลาด
ไม่มีพลาดที่ว่าคือไม่ฟื้นแน่ แต่ก็ไม่ถึงกับตาย ถึงกระนั้นเพื่อให้แน่ใจ เทวาก็ตัดสินใจเข้าไปเช็คชีพจรของอีกฝ่ายดูพร้อมกับกล่าวขอโทษไปด้วย
“โทษทีนะคุณ ยาสลบมันยุ่งยากเกินไป”
ที่จริงแล้วตามแผนเขาควรใช้ยาสลบ แต่ตอนนี้ตัวเลือกที่ดีที่สุดมีแค่ยาสลบแบบฉีดซึ่งกว่าจะเข้าประชิดตัวได้อาจมีโอกาสที่อีกฝ่ายหันมาเสียก่อน อีกทั้งเหตุการณ์ค่อนข้างกะทันหันและเกิดขึ้นในเวลากระชั้นชิดจนเกินไป เทวาจึงเลือกที่จะทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง
อาจารย์เจตน์รู้เข้าคงบ่นแย่…ปิดเรื่องนี้ไว้ดีกว่า ชายหนุ่มตัดสินใจในทันที
เนื่องจากห้องน้ำเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไม่มีการติดกล้องเอาไว้ การดำเนินการทุกอย่างภายในนี้จึงค่อนข้างสะดวก เทวาใช้เวลาไม่นานในการตกแต่งข้อมูลบนตัวครูพยาบาลให้ดูเหมือนเขาราวกับแฝด ก่อนจะเริ่มต้นแบกร่างที่สลบไสลไปยังห้องพยาบาลซึ่งอยู่ชั้นสอง
มีข้อความหนึ่งถูกส่งเข้ามา แต่เขาไม่สะดวกที่จะดูในตอนนี้
“คุณเทวา! เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย!”
ครูพยาบาลฝึกสอนอุทานขึ้นหลังจากที่เขาแบกร่างของครูพยาบาลตัวจริงในคราบของตัวเองเข้ามาในห้องพยาบาล
“หน้ามืดแล้วลื่นล้มในห้องน้ำน่ะ ผมตรวจดูแล้วไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวคงฟื้น”
“แหม แต่ขนาดสลบอยู่ยังดูหล่อเลยนะคะ”
เทวาตัวจริงสำลัก เขาแค่พอจะเคยเห็นเธอผ่านๆ ตา ไม่ได้รู้จักอะไรกันด้วยซ้ำ ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาฟังคนพูดถึงตัวเองในสถานการณ์แบบนี้
“อาจารย์ว่าคุณเทวามีแฟนยังคะ”
หญิงสาวถามเสียงหวาน แววตาทอประกายด้วยความคาดหวัง
“มีแล้ว” ชายหนุ่มตอบแทบจะทันที ก่อนจะกระแอม “วันนี้ผมก็เห็นเขามาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง แหม ดูน่ารักกันทีเดียวนะ”
โทษทีกุลิน…เทวานึกขอโทษที่ดึงเอาเพื่อนหญิงมาแอบอ้างอยู่ในใจ
ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เทวาก็ตัดสินใจมองเมินใบหน้าที่แสดงอาการผิดหวังอย่างสุดซึ้งของพยาบาลสาว แล้วรีบขอตัวออกมาแทบจะทันที
ชายหนุ่มหงายข้อมือขึ้นดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามาก่อนหน้านี้
‘แพทย์ชุดสองอยู่ที่ห้องตรวจด้านล่างแล้ว’
ภายในห้องประชุมชั้นล่างสุดของอาคารกลาง ถูกจัดให้เป็นพื้นที่โล่ง และกั้นฉากด้วยม่านขาวแบ่งเป็นห้องขนาดย่อมอีกสี่ห้อง ขณะนี้นาราคงกำลังพาอชิไปหาหมอทัศนัยเพื่อทำการตรวจสอบพันธุกรรมที่เขต 12 และนำข้อมูลที่ผ่านการดัดแปลงแล้วมาใช้แทนข้อมูลที่ควรจะได้มาจากการตรวจสุขภาพประจำปีของที่นี่ ดังนั้นหน้าที่ของเทวาในตอนนี้ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้อชิไม่ต้องตรวจพันธุกรรมในการตรวจขั้นสุดท้ายของวันนี้
ตามแผนแล้วอชิจะกลับมาเผื่อรับการตรวจเป็นคิวสุดท้าย ดังนั้นช่วงระหว่างนี้จึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย
ชายหนุ่มไม่เคยทำงานพลาด ครั้งนี้ก็จะเป็นเช่นนั้น
เทวาพลิกเอกสารในมือเพื่อดูรายชื่อแพทย์คนที่จะมาตรวจพันธุกรรม ปลายนิ้วเรียวไล่มาถึงรายชื่อท้ายสุด ก่อนที่แววตาเบื้องหลังกรอบแว่นจะเบิกกว้าง เมื่อข้อความในหน้ากระดาษเอกสารปรากฏเป็นชื่อที่คุ้นเคย
‘นพ.อาณัติ’
พลันสีหน้าของชายหนุ่มกลายเป็นเคร่งขรึม นายแพทย์อาณัติเคยเป็นอาจารย์ของเขาและกุลินในสมัยที่ยังเรียนอยู่ระดับอุดมศึกษา เป็นคนฉลาดเฉลียว และไวต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างมาก เป็นหนึ่งในอาจารย์ที่เขาให้ความเคารพนับถืออยู่ไม่น้อย ที่เป็นปัญหาสำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ อาจารย์คนนี้ชอบที่จะจ้องสังเกตความประพฤติของเทวามาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว
ดูเหมือนงานนี้จะเพิ่มความยากขึ้นมาอีกหลายระดับ
“คุณเป็นแพทย์ประจำโรงเรียนนี้หรือเปล่า”
เสียงหนึ่งเอ่ยเรียกจากทางด้านหลัง เทวาในคราบของแพทย์ตัวปลอมหันมอง
“ครับ? ใช่ครับ”
“แปลกจริง ทีแรกผมนึกว่าเป็นคนอื่นเสียอีก”
ร่างกายของเทวาเย็นเยียบยามสบตากับชายสูงวัยตรงหน้า เขาคือนายแพทย์อาณัติผู้ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์ที่เขาให้ความกลัวเกรง และ…เป้าหมายที่เขาจำต้องจัดการในวันนี้…
ไม่ใช่เหยื่อที่จะเคี้ยวได้ง่ายๆ เลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มยิ้มเครียดยามจ้องมองอีกฝ่ายที่มองตรงมาด้วยสายตาคมปลาบ
ช่วงเวลาเที่ยงวันเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงที่สุด และแดดจัดจ้านเป็นที่สุดของวัน นาราพาอชิควบม้าท่ามกลางแสงแดดที่แผ่ไอร้อนมาจนหยุดยืนหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะนำเธอเข้าไปในร้านและกล่าวทักทายเจ้าของอย่างสนิทสนม ภายในร้านอัดแน่นไปด้วยผู้คน มีเสียงพูดคุยเซ็งแซ่อยู่ตลอดเวลา
“กินข้าวกันก่อน”
หญิงสาวว่า อชิท้องร้องขึ้นมาพอดีเมื่อได้กลิ่นอาหารลอยออกมาจากห้องครัวร้าน ทีแรกเมื่อนาราพาเธอมาถึงหน้าร้าน เด็กสาวก็เกิดมีคำถามมากมายลอยขึ้นมาเต็มหัว แต่เมื่อท้องเริ่มโหย คำถามทุกอย่างก็ถูกปัดหล่นไป เด็กสาวจดจ่อเพียงเมนูอาหารในหัว และลงมือจัดการของกินที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงขั้นตอนจ่ายตังค์ กลับเริ่มมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“ต้องการแบบเดิมไหมครับ”
เจ้าของร้านเป็นคนเดินมาเก็บเงินด้วยตัวเองพร้อมกับเอ่ยคำถามประหลาด เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้น นาราจะต้องการอะไรหลังจากชำระค่าอาหารแล้ว หากแต่หญิงสาวกลับพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากอย่างมีเล่ห์นัย
“ฉันไม่ได้พาเธอมาร้านนี้เพื่อทานข้าวอย่างเดียวหรอกอชิ”
“พวกคุณจะทำอะไรกันคะ”
เด็กสาวถามพร้อมขมวดคิ้ว เธอรู้สึกไม่ดีเมื่อไม่อาจคาดเดาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป แม้ว่านาราจะบอกมาแล้วว่าต้องการพาเธอไปยังเขตสิบสอง กระนั้นเธอก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี
“ไปเข้าห้องน้ำกัน เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังตอนนั้น”
นาราหันมาบอกกับอชิพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู หากแต่อชิกลับยังคงความไม่สบายใจอยู่ดี หญิงสาวมักจะมีบรรยากาศรอบตัวบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจ แม้ว่าเธอจะอยู่ร่วมบ้านกับนารามาได้สักพักแล้วก็ตาม หากแต่ช่องว่างระหว่างเธอกับนาราก็ยังคงเดิม
“เธอนี่อยู่ในกรอบกว่าที่ฉันคิดนะอชิ”
นาราเปรยขึ้น ทางเดินดูจะทอดยาวไกลออกไปหลังจากที่พ้นจากห้องอาหารซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมาจนถึงพื้นที่ร้าง
“หนูอยู่ในกรอบอะไรคะ”
“พวกเราต่างอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีกรอบควบคุมอยู่ แต่ฉันหวังว่าเธอจะมีแตกต่างออกไป”
“เกี่ยวกับที่พี่นาราเจอหนูในห้องสมุดหรือเปล่า”
เธอถามออกไปอย่างกล้าหาญ เธอมั่นใจมานานแล้วว่านาราจำได้ว่าเธอคือคนเดียวกับอชิระ เด็กหนุ่มที่ได้พบกับนาราครั้งแรกที่ห้องสมุดต้องห้าม ยิ่งวันนี้นาราจดจำเธอได้ทั้งๆ ที่เธอก็อยู่ในคราบของเด็กหนุ่มเช่นวันนั้นโดยไม่มีอาการประหลาดใจแต่อย่างใด ทุกอย่างก็ชัดเจนทันที
“อ้อ จริงสินะ” นาราแสร้งอุทาน ก่อนจะยิ้มขี้เล่น “เธอเป็นคนน่าสนใจเพราะอ่านมามาก แต่ฉันจะชอบมากขึ้นถ้าเธอมีความก้าวร้าวกว่านี้สักนิด”
อชิเงียบกริบ เธอไม่คิดว่าความก้าวร้าวที่นาราพูดถึงจะเป็นเรื่องดีไปได้ พลันเด็กสาวชะงักฝีเท้าเมื่อสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง
“เดี๋ยวค่ะพี่นารา” เด็กสาวร้องขึ้น “เราเดินเลยห้องน้ำมาแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“เธอรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเหรอ?” นาราเลิกคิ้วถาม
“ก็…ก็ไม่”
“ฉันจะพาเธอไปยังจุดที่เราสามารถใช้เทเลพอร์ตได้โดยไม่อยู่ในสายตาเงา”
นารายิ้มขณะทอดมองอชิอย่างสนอกสนใจ
‘คุณนาราพาอชิไปถึงจุดเทเลพอร์ตแล้ว อีกไม่นานพวกเธอจะได้เจอกับหมอทัศนัย’
ข้อความจากกุลินถูกส่งเข้ามาในนัลของเทวา ชายหนุ่มยังคงมีสีหน้าที่ไม่คลายจากความเคร่งเครียด เขาเหลือบมองไปที่แผ่นหลังของนายแพทย์สูงวัยซึ่งกำลังเดินเข้าไปในห้องตรวจอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพยายามสงบจิตสงบใจแล้วสรุปลงตามที่แผนเดิม
เขาจะใช้การ ‘สะกดจิต’
บางคนอาจลืมไปแล้วว่าเทวาเป็นนักจิตวิทยา ที่ผ่านมาเขารับแต่บทบาทที่ไม่ตรงกับความสามารถของตนเองมาโดยตลอด ดังนั้นในครั้งนี้ทิฐิที่ตัวเขามาต่อสิ่งที่เรียนมาจึงทำให้เขายิ่งพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด อชิ…เด็กสาวคนนั้นคือความหวัง คือชวาลาที่จะส่องแสงในเงามืด เทวาจะไม่ยอมให้ใครหาตะเกียงสำคัญนี้เจอ จนกว่าที่ไฟในตะเกียงจะถูกจุดติดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์
ชายหนุ่มเรียกความเชื่อมั่นในตัวเองกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นสวมบทบาทแพทย์ประจำโรงเรียนอย่างแนบเนียน โดยมีอาจารย์เจตน์และกุลินคอยทำหน้าที่เป็นแบ็คอัพให้
หน้าที่ของแพทย์ประจำโรงเรียนมีอยู่แค่ช่วยในการควบคุมดูแลนักเรียนให้เข้ารับการตรวจตามขั้นตอนต่างๆ และเก็บข้อมูลเบื้องต้น ส่วนช่วงเวลาที่เขารอคอยที่จะลงมือก็คือช่วงเวลาพักครึ่ง
เนื่องจากการตรวจที่ต่อเนื่องยาวนาน และจำนวนแพทย์ที่เข้ามาทำงานในพื้นที่เขตนี้มีอยู่น้อย ทำให้ไม่สามารถหาแพทย์มาผลัดเปลี่ยนเวรได้ เพื่อป้องการอาการล้า จึงจำเป็นต้องมีช่วงเวลาพักเข้ามาคั่นประมาณครึ่งชั่วโมง เท่ากับว่าเขามีโอกาสในการลงมือแค่เวลานี้เท่านั้น
เทวาหงายข้อมือขึ้นดูเวลา…
เวลาในการลงมือมาถึงแล้ว!
ชวาลา ตอนที่ ๑๕ เทวาเคลื่อนไหว
เทวาเคลื่อนไหว
ร่างสูงก้าวยาวไปตามทางเดิน ภายในหัวคิดทบทวนภาพแผนการทั้งหมดตั้งแต่จนจบ อีกราวสิบนาทีกลุ่มแพทย์ชุดช่วงบ่ายจะปรากฏตัวที่อาคารแรก และอีกห้านาทีต่อมาพวกเขาก็จะเดินทางมาถึงอาการกลางซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้ การตรวจจะมีขึ้นที่ชั้นล่างสุดของตึกนี้
เทวาใช้เวลาในการหลบเข้าไปปลอมตัวในห้องอาบน้ำเสร็จสิ้นภายในห้าทีโดยไม่เปิดสวิตซ์ไฟ ก่อนจะออกมาพร้อมกับร่างในชุดกราว แว่นตาทรงกลม และใบหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ตัวเขาในตอนนี้อยู่ในห้องน้ำของอาจารย์ เนื่องจากอาคารกลางเป็นอาคารขนาดใหญ่สำหรับจัดกิจกรรม ประชุม และห้องเรียนรวม ดังนั้นห้องน้ำของตึกนี้จึงค่อนข้างกว้างขวาง และมีห้องอาบน้ำภายในตัว
ชายหนุ่มขยับยิ้มที่มุมปากอย่างนึกสนุก เมื่อเช้าเขายังเป็นเทวาอย่างที่เป็นตลอดมา หากแต่ภายในวันเดียวกัน เขากลับได้เป็นนักเรียนในโรงเรียนนี้ และในตอนนี้เขาก็ได้กลายเป็นแพทย์ไปแล้ว
มีข้อความหนึ่งถูกส่งเข้ามา จากกุลิน
‘อีกสามนาที ครูพยาบาลจะเข้ามาที่ห้องน้ำชั้นสาม’
เทวาหงายข้อมือขึ้นดูนาฬิกา หากเป็นตามที่กุลินว่ามา ขณะนี้ชายอีกคนซึ่งมีใบหน้าคล้ายกับตัวเขาในปัจจุบันราวกับฝาแฝดใกล้จะเข้ามาที่นี่ภายในเวลาไม่เกินสามนาที
ชายหนุ่มลดนาฬิกาลง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม มือข้างหนึ่งเอื้อมหยิบไม้ถูพื้นจากข้างตัวมาไว้ในมือ
…อีกสองนาที
ชายหนุ่มขยับซ่อนตัวทางด้านข้างของประตู
…อีกหนึ่งนาที สามสิบห้าวิ
เทวาสูดลมหายใจเข้าลึก มือหนากระชับไม้ถูพื้น
…อีกห้าวิ…สี่…สาม…สอง…
ร่างหนึ่งในเสื้อคลุมขาวปรากฏตัวเดินผ่านช่องประตูเข้ามา ก่อนที่อีกฝ่ายจะมองหาสวิตซ์ไฟเจอ และทันรู้ตัวว่ามีใครอีกคนหนึ่งแอบซ่อนอยู่ทางด้านข้างของประตู เทวาก็ลงมือฟาดไม้เข้าที่หลังคอของครูพยาบาลตัวจริงอย่างเร็วและแรง ชายหนุ่มเตรียมซ้อมกะแรงสำหรับฉากนี้มานาน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีพลาด
ไม่มีพลาดที่ว่าคือไม่ฟื้นแน่ แต่ก็ไม่ถึงกับตาย ถึงกระนั้นเพื่อให้แน่ใจ เทวาก็ตัดสินใจเข้าไปเช็คชีพจรของอีกฝ่ายดูพร้อมกับกล่าวขอโทษไปด้วย
“โทษทีนะคุณ ยาสลบมันยุ่งยากเกินไป”
ที่จริงแล้วตามแผนเขาควรใช้ยาสลบ แต่ตอนนี้ตัวเลือกที่ดีที่สุดมีแค่ยาสลบแบบฉีดซึ่งกว่าจะเข้าประชิดตัวได้อาจมีโอกาสที่อีกฝ่ายหันมาเสียก่อน อีกทั้งเหตุการณ์ค่อนข้างกะทันหันและเกิดขึ้นในเวลากระชั้นชิดจนเกินไป เทวาจึงเลือกที่จะทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง
อาจารย์เจตน์รู้เข้าคงบ่นแย่…ปิดเรื่องนี้ไว้ดีกว่า ชายหนุ่มตัดสินใจในทันที
เนื่องจากห้องน้ำเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไม่มีการติดกล้องเอาไว้ การดำเนินการทุกอย่างภายในนี้จึงค่อนข้างสะดวก เทวาใช้เวลาไม่นานในการตกแต่งข้อมูลบนตัวครูพยาบาลให้ดูเหมือนเขาราวกับแฝด ก่อนจะเริ่มต้นแบกร่างที่สลบไสลไปยังห้องพยาบาลซึ่งอยู่ชั้นสอง
มีข้อความหนึ่งถูกส่งเข้ามา แต่เขาไม่สะดวกที่จะดูในตอนนี้
“คุณเทวา! เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย!”
ครูพยาบาลฝึกสอนอุทานขึ้นหลังจากที่เขาแบกร่างของครูพยาบาลตัวจริงในคราบของตัวเองเข้ามาในห้องพยาบาล
“หน้ามืดแล้วลื่นล้มในห้องน้ำน่ะ ผมตรวจดูแล้วไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวคงฟื้น”
“แหม แต่ขนาดสลบอยู่ยังดูหล่อเลยนะคะ”
เทวาตัวจริงสำลัก เขาแค่พอจะเคยเห็นเธอผ่านๆ ตา ไม่ได้รู้จักอะไรกันด้วยซ้ำ ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาฟังคนพูดถึงตัวเองในสถานการณ์แบบนี้
“อาจารย์ว่าคุณเทวามีแฟนยังคะ”
หญิงสาวถามเสียงหวาน แววตาทอประกายด้วยความคาดหวัง
“มีแล้ว” ชายหนุ่มตอบแทบจะทันที ก่อนจะกระแอม “วันนี้ผมก็เห็นเขามาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง แหม ดูน่ารักกันทีเดียวนะ”
โทษทีกุลิน…เทวานึกขอโทษที่ดึงเอาเพื่อนหญิงมาแอบอ้างอยู่ในใจ
ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เทวาก็ตัดสินใจมองเมินใบหน้าที่แสดงอาการผิดหวังอย่างสุดซึ้งของพยาบาลสาว แล้วรีบขอตัวออกมาแทบจะทันที
ชายหนุ่มหงายข้อมือขึ้นดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามาก่อนหน้านี้
‘แพทย์ชุดสองอยู่ที่ห้องตรวจด้านล่างแล้ว’
ภายในห้องประชุมชั้นล่างสุดของอาคารกลาง ถูกจัดให้เป็นพื้นที่โล่ง และกั้นฉากด้วยม่านขาวแบ่งเป็นห้องขนาดย่อมอีกสี่ห้อง ขณะนี้นาราคงกำลังพาอชิไปหาหมอทัศนัยเพื่อทำการตรวจสอบพันธุกรรมที่เขต 12 และนำข้อมูลที่ผ่านการดัดแปลงแล้วมาใช้แทนข้อมูลที่ควรจะได้มาจากการตรวจสุขภาพประจำปีของที่นี่ ดังนั้นหน้าที่ของเทวาในตอนนี้ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้อชิไม่ต้องตรวจพันธุกรรมในการตรวจขั้นสุดท้ายของวันนี้
ตามแผนแล้วอชิจะกลับมาเผื่อรับการตรวจเป็นคิวสุดท้าย ดังนั้นช่วงระหว่างนี้จึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย
ชายหนุ่มไม่เคยทำงานพลาด ครั้งนี้ก็จะเป็นเช่นนั้น
เทวาพลิกเอกสารในมือเพื่อดูรายชื่อแพทย์คนที่จะมาตรวจพันธุกรรม ปลายนิ้วเรียวไล่มาถึงรายชื่อท้ายสุด ก่อนที่แววตาเบื้องหลังกรอบแว่นจะเบิกกว้าง เมื่อข้อความในหน้ากระดาษเอกสารปรากฏเป็นชื่อที่คุ้นเคย
‘นพ.อาณัติ’
พลันสีหน้าของชายหนุ่มกลายเป็นเคร่งขรึม นายแพทย์อาณัติเคยเป็นอาจารย์ของเขาและกุลินในสมัยที่ยังเรียนอยู่ระดับอุดมศึกษา เป็นคนฉลาดเฉลียว และไวต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างมาก เป็นหนึ่งในอาจารย์ที่เขาให้ความเคารพนับถืออยู่ไม่น้อย ที่เป็นปัญหาสำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ อาจารย์คนนี้ชอบที่จะจ้องสังเกตความประพฤติของเทวามาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว
ดูเหมือนงานนี้จะเพิ่มความยากขึ้นมาอีกหลายระดับ
“คุณเป็นแพทย์ประจำโรงเรียนนี้หรือเปล่า”
เสียงหนึ่งเอ่ยเรียกจากทางด้านหลัง เทวาในคราบของแพทย์ตัวปลอมหันมอง
“ครับ? ใช่ครับ”
“แปลกจริง ทีแรกผมนึกว่าเป็นคนอื่นเสียอีก”
ร่างกายของเทวาเย็นเยียบยามสบตากับชายสูงวัยตรงหน้า เขาคือนายแพทย์อาณัติผู้ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์ที่เขาให้ความกลัวเกรง และ…เป้าหมายที่เขาจำต้องจัดการในวันนี้…
ไม่ใช่เหยื่อที่จะเคี้ยวได้ง่ายๆ เลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มยิ้มเครียดยามจ้องมองอีกฝ่ายที่มองตรงมาด้วยสายตาคมปลาบ
ช่วงเวลาเที่ยงวันเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงที่สุด และแดดจัดจ้านเป็นที่สุดของวัน นาราพาอชิควบม้าท่ามกลางแสงแดดที่แผ่ไอร้อนมาจนหยุดยืนหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะนำเธอเข้าไปในร้านและกล่าวทักทายเจ้าของอย่างสนิทสนม ภายในร้านอัดแน่นไปด้วยผู้คน มีเสียงพูดคุยเซ็งแซ่อยู่ตลอดเวลา
“กินข้าวกันก่อน”
หญิงสาวว่า อชิท้องร้องขึ้นมาพอดีเมื่อได้กลิ่นอาหารลอยออกมาจากห้องครัวร้าน ทีแรกเมื่อนาราพาเธอมาถึงหน้าร้าน เด็กสาวก็เกิดมีคำถามมากมายลอยขึ้นมาเต็มหัว แต่เมื่อท้องเริ่มโหย คำถามทุกอย่างก็ถูกปัดหล่นไป เด็กสาวจดจ่อเพียงเมนูอาหารในหัว และลงมือจัดการของกินที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงขั้นตอนจ่ายตังค์ กลับเริ่มมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“ต้องการแบบเดิมไหมครับ”
เจ้าของร้านเป็นคนเดินมาเก็บเงินด้วยตัวเองพร้อมกับเอ่ยคำถามประหลาด เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้น นาราจะต้องการอะไรหลังจากชำระค่าอาหารแล้ว หากแต่หญิงสาวกลับพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากอย่างมีเล่ห์นัย
“ฉันไม่ได้พาเธอมาร้านนี้เพื่อทานข้าวอย่างเดียวหรอกอชิ”
“พวกคุณจะทำอะไรกันคะ”
เด็กสาวถามพร้อมขมวดคิ้ว เธอรู้สึกไม่ดีเมื่อไม่อาจคาดเดาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป แม้ว่านาราจะบอกมาแล้วว่าต้องการพาเธอไปยังเขตสิบสอง กระนั้นเธอก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี
“ไปเข้าห้องน้ำกัน เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังตอนนั้น”
นาราหันมาบอกกับอชิพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู หากแต่อชิกลับยังคงความไม่สบายใจอยู่ดี หญิงสาวมักจะมีบรรยากาศรอบตัวบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจ แม้ว่าเธอจะอยู่ร่วมบ้านกับนารามาได้สักพักแล้วก็ตาม หากแต่ช่องว่างระหว่างเธอกับนาราก็ยังคงเดิม
“เธอนี่อยู่ในกรอบกว่าที่ฉันคิดนะอชิ”
นาราเปรยขึ้น ทางเดินดูจะทอดยาวไกลออกไปหลังจากที่พ้นจากห้องอาหารซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมาจนถึงพื้นที่ร้าง
“หนูอยู่ในกรอบอะไรคะ”
“พวกเราต่างอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีกรอบควบคุมอยู่ แต่ฉันหวังว่าเธอจะมีแตกต่างออกไป”
“เกี่ยวกับที่พี่นาราเจอหนูในห้องสมุดหรือเปล่า”
เธอถามออกไปอย่างกล้าหาญ เธอมั่นใจมานานแล้วว่านาราจำได้ว่าเธอคือคนเดียวกับอชิระ เด็กหนุ่มที่ได้พบกับนาราครั้งแรกที่ห้องสมุดต้องห้าม ยิ่งวันนี้นาราจดจำเธอได้ทั้งๆ ที่เธอก็อยู่ในคราบของเด็กหนุ่มเช่นวันนั้นโดยไม่มีอาการประหลาดใจแต่อย่างใด ทุกอย่างก็ชัดเจนทันที
“อ้อ จริงสินะ” นาราแสร้งอุทาน ก่อนจะยิ้มขี้เล่น “เธอเป็นคนน่าสนใจเพราะอ่านมามาก แต่ฉันจะชอบมากขึ้นถ้าเธอมีความก้าวร้าวกว่านี้สักนิด”
อชิเงียบกริบ เธอไม่คิดว่าความก้าวร้าวที่นาราพูดถึงจะเป็นเรื่องดีไปได้ พลันเด็กสาวชะงักฝีเท้าเมื่อสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง
“เดี๋ยวค่ะพี่นารา” เด็กสาวร้องขึ้น “เราเดินเลยห้องน้ำมาแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“เธอรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเหรอ?” นาราเลิกคิ้วถาม
“ก็…ก็ไม่”
“ฉันจะพาเธอไปยังจุดที่เราสามารถใช้เทเลพอร์ตได้โดยไม่อยู่ในสายตาเงา”
นารายิ้มขณะทอดมองอชิอย่างสนอกสนใจ
‘คุณนาราพาอชิไปถึงจุดเทเลพอร์ตแล้ว อีกไม่นานพวกเธอจะได้เจอกับหมอทัศนัย’
ข้อความจากกุลินถูกส่งเข้ามาในนัลของเทวา ชายหนุ่มยังคงมีสีหน้าที่ไม่คลายจากความเคร่งเครียด เขาเหลือบมองไปที่แผ่นหลังของนายแพทย์สูงวัยซึ่งกำลังเดินเข้าไปในห้องตรวจอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพยายามสงบจิตสงบใจแล้วสรุปลงตามที่แผนเดิม
เขาจะใช้การ ‘สะกดจิต’
บางคนอาจลืมไปแล้วว่าเทวาเป็นนักจิตวิทยา ที่ผ่านมาเขารับแต่บทบาทที่ไม่ตรงกับความสามารถของตนเองมาโดยตลอด ดังนั้นในครั้งนี้ทิฐิที่ตัวเขามาต่อสิ่งที่เรียนมาจึงทำให้เขายิ่งพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด อชิ…เด็กสาวคนนั้นคือความหวัง คือชวาลาที่จะส่องแสงในเงามืด เทวาจะไม่ยอมให้ใครหาตะเกียงสำคัญนี้เจอ จนกว่าที่ไฟในตะเกียงจะถูกจุดติดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์
ชายหนุ่มเรียกความเชื่อมั่นในตัวเองกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นสวมบทบาทแพทย์ประจำโรงเรียนอย่างแนบเนียน โดยมีอาจารย์เจตน์และกุลินคอยทำหน้าที่เป็นแบ็คอัพให้
หน้าที่ของแพทย์ประจำโรงเรียนมีอยู่แค่ช่วยในการควบคุมดูแลนักเรียนให้เข้ารับการตรวจตามขั้นตอนต่างๆ และเก็บข้อมูลเบื้องต้น ส่วนช่วงเวลาที่เขารอคอยที่จะลงมือก็คือช่วงเวลาพักครึ่ง
เนื่องจากการตรวจที่ต่อเนื่องยาวนาน และจำนวนแพทย์ที่เข้ามาทำงานในพื้นที่เขตนี้มีอยู่น้อย ทำให้ไม่สามารถหาแพทย์มาผลัดเปลี่ยนเวรได้ เพื่อป้องการอาการล้า จึงจำเป็นต้องมีช่วงเวลาพักเข้ามาคั่นประมาณครึ่งชั่วโมง เท่ากับว่าเขามีโอกาสในการลงมือแค่เวลานี้เท่านั้น
เทวาหงายข้อมือขึ้นดูเวลา…
เวลาในการลงมือมาถึงแล้ว!