ได้ประสบการณ์การทานหม้อไฟที่มีเส้นบะหมี่เกาหลี ขอแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน
หากใครเคยได้ทานอาหารแบบนี้เอามาแชร์กันนะคะ เราเพิ่งเคยได้ทานก็คราวนี้
เพื่อนสาวชวนมาหาอะไรง่าย ๆ ทานที่ Int Intersect ห้างแถวบ้านตรงย่านพระราม 3
ใครอยู่ย่านนั้นน่าจะรู้จัก ไกล้ ๆ กับธนาคารกรุงศรีสำนักงานใหญ่
เธอบอกว่าเธอสนใจอยู่ร้านนึง คือร้าน ยูจัง หม้อไฟเกาหลี เพราะเห็นมีตุ๊กตาอ้วนใส่ชุดลายทหารยืนอยู่
อ๊ะ งง ทำไม่ต้องทหาร (จะคืนความสุขอะไรให้ลูกค้ารึเปล่าน๊า)
เมื่อไปถึงร้านมีน้องพริตตี้ที่ยืนอยู่หน้าร้านก็อธิบายว่า ตอนนี้เทรนก์การกินหม้อไฟกำลังฮิต
และหม้อไฟของที่ร้านยูจังก็อร่อยมากซะด้วย รสชาติเข้มข้นและเลือกได้ว่าจะเผ็ดหรือไม่เผ็ด
... ฟังดูน่ากิน แล้วมันอร่อยยังไง ....
จึงตัดสินใจลองดู ซึ่งน้องอธิบายต่อว่ามีคอนเสปต์ที่เกี่ยวกับทหารอเมริกัน
อ๊ะ อีกที อะไรนี่หม้อไฟเกาหลีนะคะ เกี่ยวอะไรกับอเมริกัน ก็คิดในใจ ขาก็เดินตามเพื่อนเข้ามาในร้านแล้ว
ตรงเคาน์เตอร์รับลูกค้ามีหญ้าปูสดชื่น
เพื่อนเราบอกว่าเห็นมีหม้อไฟอะไรอย่างนี้ในอินสตาแกรมดาราอยู่บ้าง
อืม ๆ ๆ แต่เมื่ออ่านข้อมูลที่ติดอยู่ที่ผนังในร้าน ก็ถึงเข้าใจทันทีว่าทำไม่ต้องทหารด้วย
ในป้ายเขียนไว้ว่า หม้อไฟ บูเด ชิเก เป็นหม้อไฟแห่งมิตรภาพของทหารอเมริกันกับคนเกาหลี
ในสมัยสงครามเกาหลีตั้งแต่ยุค 50’s โน่นแน่ะค่ะ เกี่ยวกับเรื่องสงครามในยุคที่อาหารแบบเกาหลีขาดแคลน
เป็นการผสานเอาวัตถุดิบที่มากับกองทัพคือ “บูเด” มารวมกับหม้อไฟแบบอาหารเกาหลีคือ “ชิเก”
ออกมาเป็นอาหารชนิดใหม่ที่รสชาติเข้ากันลงตัวเป๊ะ
(…หรือจะเหมือนลูกครึ่งเอเชียกับฝรั่งที่มักจะสวยหล่อกว่าคนทั่วไป..อิ อิ )
หม้อไฟมีให้เลือก 2 ขนาดคือ ขนาด S กับขนาด L
วันนี้มีกันแค่ 3 คนเราขอจัดหม้อเล็กก็ละกัน (ราคา 295 บาท)
นอกจากนี้ยังขอเสริมกองทัพต้องเดินด้วยท้องด้วย ไก่ทอดอีก 2 อย่าง ที่พนักงานเสริฟแนะนำ
คือ ไก่เมียงดง และไก่ฮันนี่ และเพิ่มเติมคือผัดวุ้นเส้นเกาหลี หรือจับเช ที่เค้าบอกว่าอร่อยนักหนา
เอามาชิมกันดู (จริง ๆ เคยกินแล้วแหละเมนูจับเชนี้ที่อื่น)
ไม่นานหม้อไฟหม้ออลังการก็ออกมาเสริฟ เค้าก็จัดหม้อได้น่ารักดีนะ ดูดีน่าทานเชียว
พนักงานบอกว่ามีวิธีการปรุง ให้อ่านที่ผนังได้เลย เราสามารถลดไฟเมื่อมันเดือด ๆ ได้ที่แล้ว เพื่อคงความอร่อยของน้ำซุป
ซึ่งหัวใจหลักของน้ำซุปคือพริกแกงเกาหลี ที่อยู่ในหม้อเป็นลักษณะข้นสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสูตรของทางร้านโดยเฉพาะ
เค้าบอกว่าแต่ละร้านก็มีเครื่องพริกแกงที่ต่างกัน และของที่นี่ยูจังเราคิดว่าเข้มอร่อย ชอบอ่ะ ชอบตั้งแต่คำแรกทีเดียวเชียว
ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าหม้อไฟเกาหลีนี่มันอร่อยอย่างงี้นี่เอง
ส่วนอาหารที่อยู่ในหม้อนั้น ก็เป็นอาหารประเภทไส้กรอก มี แฮม พาสต้า เบคอน ถั่วขาว เกี๊ยวเกาหลี และอันกลม ๆ
ที่ในเมนูเขียนว่าเป็นสุดยอดที่ต้องลอง คือแฮมเบิร์ก สูตรพิเศษที่เราคิดว่าพอมันมาลงน้ำซุปแล้วนุ่มชุ่มฉ่ำ เข้ากันได้ดีมาก ๆ
อีกทั้งอาหารอเมริกันอื่น ๆ ก็เข้ากันได้ดีกับซุปแบบนี้จริง ๆ และเส้นบะหมี่เกาหลีก็ไม่เละด้วยนะหลังจากที่ต้มไปแล้ว
แต่ตอนคีบเส้นต้องระวังนิดนึง มิฉะนั้นอาจกระเด็นเลอะเสื้อได้ แต่ดีนะที่เค้าใช้ตะเกียบไม้ และมีที่คีบให้
คือเราไม่ถนัดตะเกียบเหล็กเกาหลีเลย มันคีบยาก
วันนี้เราสั่งเครื่องดื่มคือ น้ำอัดลมที่นี่ขายเอส สั่งเอสรสมะนาว, น้ำพันช์ กับอีกคนนึงสั่งน้ำชามะนาว
และแล้วไก่เมียงดงกับไก่ฮันนี่ก็มาเสริฟ
ไก่เมียงดงจะมีรสชาติที่ออกเผ็ด และมีซอสข้น ๆ แดง ๆ เกาะอยู่ที่ไก่โดยรอบ ลองชิมแล้วรู้สึกถึงรสชาติที่มาก่อนซึ่งแซบอร่อย เข้มข้น
และค่อยพบความกรอบของไก่ทอด เราก็ถูกใจเมนนูนี้นะ สำหรับคนที่ทานเผ็ดแบบกลาง ๆ ขึ้นไป น่าจะถูกใจ
แต่ถ้าไม่ทานเผ็ดเลยก็คงจะทานไม่ได้ เพราะเค้าบอกว่าซอสถูกออกแบบมาให้เผ็ด ฉะนั้นถ้าสั่งแบบเผ็ดน้อย คือ ไม่สามารถทำได้ค่า
แต่ แต่ แต่ ถ้าไม่ทานเผ็ดเลย ก็ยังมีไก่ฮันนี่ ที่มีความกรอบของไก่เช่นกัน แต่ซอสจะเป็นน้ำผึ้ง กลิ่นหอมเชียว
มีงาโรยมาด้วย เรากินสลับชิ้นกันไปมา หวานบ้าง เผ็ดบ้าง แหมถูกใจ
จับเช หรือผัดวุ้นเส้นเกาหลีของที่นี่ ผัดมาได้ดี ไม่แฉะ มีกลิ่นหอมของน้ำมันงา ใช้ได้ทีเดียว ก็เป็นอีกเมนูที่ถูกใจ
ยิ่งมาตอนเสริฟร้อน ๆ นะ หอมมากๆ คีบแล้วควันลอยขึ้นมาเลย
สรุปค่าอาหารวันนี้ ก็ราคาประมาณนี้ หารกัน 3 คน = 275 บาท
ทานกันแทบจะขูดจานเกลี้ยง คืออิ่มแล้วแต่ก็อัดเข้าไปจนหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป็นอีกมื้อที่อร่อยฟินจริง ๆ ประทับใจทุกอย่าง ทั้งอาหาร น้องพริตตี้ และเด็กเสริฟ
ไว้จะพาแม่มาทาน เอาเป็นวันแม่อีกดีกว่า รำลึกถึงครั้งที่เคยไปเกาหลีด้วยกัน เมื่อปีก่อน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมค่ะ
หม้อไฟเกาหลี นี่มันอร่อยยังไง....อวด
หากใครเคยได้ทานอาหารแบบนี้เอามาแชร์กันนะคะ เราเพิ่งเคยได้ทานก็คราวนี้
เพื่อนสาวชวนมาหาอะไรง่าย ๆ ทานที่ Int Intersect ห้างแถวบ้านตรงย่านพระราม 3
ใครอยู่ย่านนั้นน่าจะรู้จัก ไกล้ ๆ กับธนาคารกรุงศรีสำนักงานใหญ่
เธอบอกว่าเธอสนใจอยู่ร้านนึง คือร้าน ยูจัง หม้อไฟเกาหลี เพราะเห็นมีตุ๊กตาอ้วนใส่ชุดลายทหารยืนอยู่
อ๊ะ งง ทำไม่ต้องทหาร (จะคืนความสุขอะไรให้ลูกค้ารึเปล่าน๊า)
เมื่อไปถึงร้านมีน้องพริตตี้ที่ยืนอยู่หน้าร้านก็อธิบายว่า ตอนนี้เทรนก์การกินหม้อไฟกำลังฮิต
และหม้อไฟของที่ร้านยูจังก็อร่อยมากซะด้วย รสชาติเข้มข้นและเลือกได้ว่าจะเผ็ดหรือไม่เผ็ด
... ฟังดูน่ากิน แล้วมันอร่อยยังไง ....
จึงตัดสินใจลองดู ซึ่งน้องอธิบายต่อว่ามีคอนเสปต์ที่เกี่ยวกับทหารอเมริกัน
อ๊ะ อีกที อะไรนี่หม้อไฟเกาหลีนะคะ เกี่ยวอะไรกับอเมริกัน ก็คิดในใจ ขาก็เดินตามเพื่อนเข้ามาในร้านแล้ว
ตรงเคาน์เตอร์รับลูกค้ามีหญ้าปูสดชื่น
เพื่อนเราบอกว่าเห็นมีหม้อไฟอะไรอย่างนี้ในอินสตาแกรมดาราอยู่บ้าง
อืม ๆ ๆ แต่เมื่ออ่านข้อมูลที่ติดอยู่ที่ผนังในร้าน ก็ถึงเข้าใจทันทีว่าทำไม่ต้องทหารด้วย
ในป้ายเขียนไว้ว่า หม้อไฟ บูเด ชิเก เป็นหม้อไฟแห่งมิตรภาพของทหารอเมริกันกับคนเกาหลี
ในสมัยสงครามเกาหลีตั้งแต่ยุค 50’s โน่นแน่ะค่ะ เกี่ยวกับเรื่องสงครามในยุคที่อาหารแบบเกาหลีขาดแคลน
เป็นการผสานเอาวัตถุดิบที่มากับกองทัพคือ “บูเด” มารวมกับหม้อไฟแบบอาหารเกาหลีคือ “ชิเก”
ออกมาเป็นอาหารชนิดใหม่ที่รสชาติเข้ากันลงตัวเป๊ะ
(…หรือจะเหมือนลูกครึ่งเอเชียกับฝรั่งที่มักจะสวยหล่อกว่าคนทั่วไป..อิ อิ )
หม้อไฟมีให้เลือก 2 ขนาดคือ ขนาด S กับขนาด L
วันนี้มีกันแค่ 3 คนเราขอจัดหม้อเล็กก็ละกัน (ราคา 295 บาท)
นอกจากนี้ยังขอเสริมกองทัพต้องเดินด้วยท้องด้วย ไก่ทอดอีก 2 อย่าง ที่พนักงานเสริฟแนะนำ
คือ ไก่เมียงดง และไก่ฮันนี่ และเพิ่มเติมคือผัดวุ้นเส้นเกาหลี หรือจับเช ที่เค้าบอกว่าอร่อยนักหนา
เอามาชิมกันดู (จริง ๆ เคยกินแล้วแหละเมนูจับเชนี้ที่อื่น)
ไม่นานหม้อไฟหม้ออลังการก็ออกมาเสริฟ เค้าก็จัดหม้อได้น่ารักดีนะ ดูดีน่าทานเชียว
พนักงานบอกว่ามีวิธีการปรุง ให้อ่านที่ผนังได้เลย เราสามารถลดไฟเมื่อมันเดือด ๆ ได้ที่แล้ว เพื่อคงความอร่อยของน้ำซุป
ซึ่งหัวใจหลักของน้ำซุปคือพริกแกงเกาหลี ที่อยู่ในหม้อเป็นลักษณะข้นสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสูตรของทางร้านโดยเฉพาะ
เค้าบอกว่าแต่ละร้านก็มีเครื่องพริกแกงที่ต่างกัน และของที่นี่ยูจังเราคิดว่าเข้มอร่อย ชอบอ่ะ ชอบตั้งแต่คำแรกทีเดียวเชียว
ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าหม้อไฟเกาหลีนี่มันอร่อยอย่างงี้นี่เอง
ส่วนอาหารที่อยู่ในหม้อนั้น ก็เป็นอาหารประเภทไส้กรอก มี แฮม พาสต้า เบคอน ถั่วขาว เกี๊ยวเกาหลี และอันกลม ๆ
ที่ในเมนูเขียนว่าเป็นสุดยอดที่ต้องลอง คือแฮมเบิร์ก สูตรพิเศษที่เราคิดว่าพอมันมาลงน้ำซุปแล้วนุ่มชุ่มฉ่ำ เข้ากันได้ดีมาก ๆ
อีกทั้งอาหารอเมริกันอื่น ๆ ก็เข้ากันได้ดีกับซุปแบบนี้จริง ๆ และเส้นบะหมี่เกาหลีก็ไม่เละด้วยนะหลังจากที่ต้มไปแล้ว
แต่ตอนคีบเส้นต้องระวังนิดนึง มิฉะนั้นอาจกระเด็นเลอะเสื้อได้ แต่ดีนะที่เค้าใช้ตะเกียบไม้ และมีที่คีบให้
คือเราไม่ถนัดตะเกียบเหล็กเกาหลีเลย มันคีบยาก
วันนี้เราสั่งเครื่องดื่มคือ น้ำอัดลมที่นี่ขายเอส สั่งเอสรสมะนาว, น้ำพันช์ กับอีกคนนึงสั่งน้ำชามะนาว
และแล้วไก่เมียงดงกับไก่ฮันนี่ก็มาเสริฟ
ไก่เมียงดงจะมีรสชาติที่ออกเผ็ด และมีซอสข้น ๆ แดง ๆ เกาะอยู่ที่ไก่โดยรอบ ลองชิมแล้วรู้สึกถึงรสชาติที่มาก่อนซึ่งแซบอร่อย เข้มข้น
และค่อยพบความกรอบของไก่ทอด เราก็ถูกใจเมนนูนี้นะ สำหรับคนที่ทานเผ็ดแบบกลาง ๆ ขึ้นไป น่าจะถูกใจ
แต่ถ้าไม่ทานเผ็ดเลยก็คงจะทานไม่ได้ เพราะเค้าบอกว่าซอสถูกออกแบบมาให้เผ็ด ฉะนั้นถ้าสั่งแบบเผ็ดน้อย คือ ไม่สามารถทำได้ค่า
แต่ แต่ แต่ ถ้าไม่ทานเผ็ดเลย ก็ยังมีไก่ฮันนี่ ที่มีความกรอบของไก่เช่นกัน แต่ซอสจะเป็นน้ำผึ้ง กลิ่นหอมเชียว
มีงาโรยมาด้วย เรากินสลับชิ้นกันไปมา หวานบ้าง เผ็ดบ้าง แหมถูกใจ
จับเช หรือผัดวุ้นเส้นเกาหลีของที่นี่ ผัดมาได้ดี ไม่แฉะ มีกลิ่นหอมของน้ำมันงา ใช้ได้ทีเดียว ก็เป็นอีกเมนูที่ถูกใจ
ยิ่งมาตอนเสริฟร้อน ๆ นะ หอมมากๆ คีบแล้วควันลอยขึ้นมาเลย
สรุปค่าอาหารวันนี้ ก็ราคาประมาณนี้ หารกัน 3 คน = 275 บาท
ทานกันแทบจะขูดจานเกลี้ยง คืออิ่มแล้วแต่ก็อัดเข้าไปจนหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป็นอีกมื้อที่อร่อยฟินจริง ๆ ประทับใจทุกอย่าง ทั้งอาหาร น้องพริตตี้ และเด็กเสริฟ
ไว้จะพาแม่มาทาน เอาเป็นวันแม่อีกดีกว่า รำลึกถึงครั้งที่เคยไปเกาหลีด้วยกัน เมื่อปีก่อน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมค่ะ