....ยามศึกเรารบ ยามสงบเรารบกันเอง.....
ประวัติศาสตร์ไทยปลายกรุงศรีฯ
มีเหตุการนองเลือดที่ทหารไทยเปิดศึกสงครามกลางเมืองกันหลายเดือนระหว่างพระเจ้าอากับพระเจ้าหลาน
มีนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่าเป็นการนองเลือดที่คนไทยกับคนไทยฆ่ากันเองที่ยาวนานและล้มตายไปจำนวนมาก
ที่สำคัญกรุงศรีอยุธยาได้สูญเสียทหารเอกที่เคยผ่านและมีประสบการณ์ด้านสงครามไปจำนวนมาก
ผู้ที่ชนะในศึกสงครามกลางเมืองครานั้นคือเจ้าฟ้าอภัยซึ่งต่อมาสถาปนาเป็นพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
หลังสิ้นรัชสมัยของพระองค์ไม่นาน
พม่ามีชัยชนะตีเมืองชายแดนเข้ามาล้อมกรุงศรีฯ ได้อย่างง่ายดายศึกครานั้นเรียกว่า "ศึกอลองพญา"
กรุงศรีฯ ได้แต่ตั้งรับอย่างเดียว
เดชะบุญ.....พระเจ้าอลองพญาเกิดประชวร จึงต้องยกทัพกลับพม่า
อีกสี่ปีต่อมาพม่ายกทัพกลับมาใหม่ ครานี้เอง.....อยุธยาต้องเสียกรุงฯ ให้แก่พม่าเป็นครั้งที่สอง
สาเหตุหนึ่งก็มาจากฝ่ายกรุงศรีฯ
ไม่มีทหารที่มีประสบการณ์ด้านสงครามมากพอที่จะต้านพม่าและมากพอที่จะฝึกทหารรุ่นหลังๆ
ทั้งๆ ที่เรามีเวลาตั้งสี่ปีหลังจากพม่ายกทัพกลับไปในคราวศึกอลองพญา
เหตุเพราะเหตุการณ์ "ไทยฆ่าไทย" ในคราวนั้นนั่นเอง
บทเรียน ประถม ก กา เรื่อง....ยามศึกเรารบ ยามสงบเรารบกันเอง.....โดย นู๋สร้างชาติ
ประวัติศาสตร์ไทยปลายกรุงศรีฯ
มีเหตุการนองเลือดที่ทหารไทยเปิดศึกสงครามกลางเมืองกันหลายเดือนระหว่างพระเจ้าอากับพระเจ้าหลาน
มีนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่าเป็นการนองเลือดที่คนไทยกับคนไทยฆ่ากันเองที่ยาวนานและล้มตายไปจำนวนมาก
ที่สำคัญกรุงศรีอยุธยาได้สูญเสียทหารเอกที่เคยผ่านและมีประสบการณ์ด้านสงครามไปจำนวนมาก
ผู้ที่ชนะในศึกสงครามกลางเมืองครานั้นคือเจ้าฟ้าอภัยซึ่งต่อมาสถาปนาเป็นพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
หลังสิ้นรัชสมัยของพระองค์ไม่นาน
พม่ามีชัยชนะตีเมืองชายแดนเข้ามาล้อมกรุงศรีฯ ได้อย่างง่ายดายศึกครานั้นเรียกว่า "ศึกอลองพญา"
กรุงศรีฯ ได้แต่ตั้งรับอย่างเดียว
เดชะบุญ.....พระเจ้าอลองพญาเกิดประชวร จึงต้องยกทัพกลับพม่า
อีกสี่ปีต่อมาพม่ายกทัพกลับมาใหม่ ครานี้เอง.....อยุธยาต้องเสียกรุงฯ ให้แก่พม่าเป็นครั้งที่สอง
สาเหตุหนึ่งก็มาจากฝ่ายกรุงศรีฯ
ไม่มีทหารที่มีประสบการณ์ด้านสงครามมากพอที่จะต้านพม่าและมากพอที่จะฝึกทหารรุ่นหลังๆ
ทั้งๆ ที่เรามีเวลาตั้งสี่ปีหลังจากพม่ายกทัพกลับไปในคราวศึกอลองพญา
เหตุเพราะเหตุการณ์ "ไทยฆ่าไทย" ในคราวนั้นนั่นเอง