7 วันรู้ผล! สอบ 3 ตร.ยิงรถนิสิตจุฬาฯ ทนายแนะฟ้องแพ่ง-อาญา



รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยผลสอบ 3 ตำรวจ สน.บางชัน ยิงรถนิสิตจุฬาฯไม่เกิน 7 วันรู้ผล สภาทนายแนะผู้เสียหายฟ้องแพ่งและอาญา ความคืบหน้าการสอบสวนกรณี ร้อยตำรวจตรี สุพจน์ โทเกษ รอง สารวัตรสืบสวน สน.บางชัน ดาบตำรวจรัศมี เทพทา ผู้บังคับหมู่งาน สืบสวน สน.บางชัน และ ดาบตำรวจจำเนียร ขันแดง ผู้บังคับหมู่งาน สืบสวนสน.บางชัน ไล่ติดตามผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับคดียาเสพติด แต่เข้าใจผิดและขับรถชนรวมถึงใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์ของ น.ส.อภีษฎา สัจพันโรจน์ หรือน้องโบว์ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนได้รับความเสียหายเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา

ล่าสุด พลตำรวจตรี อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะประธานคณะกรรมการชุดสืบสวนสอบกรณีนี้ เปิดเผยว่าจะเรียกประชุมคณะกรรมการชุดสืบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะรวบรวมพยานหลักฐาน อาทิ ภาพวงจรปิด ผลพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐาน รวมถึงสอบปากคำตำรวจทั้ง 3 นาย ผู้เสียหาย และพยานแวดล้อม เพื่อนำมาประกอบการสืบสวน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน ก่อนจะเสนอความเห็นต่อ ผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการตามวินัย           

ขณะที่ นายสุนทร พยัคฆ์ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ เปิดเผยว่า หากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าตำรวจทั้ง 3 นายใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรง ยิงไปที่รถยนต์ซึ่งรู้อยู่ว่ามีคนอยู่ข้างใน ผู้ที่ยิงย่อมมีเจตนาเล็งเห็นผลว่ากระสุนอาจจะถูกอวัยวะสำคัญของผู้อยู่ในรถจนเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ จึงอาจเป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าได้ ทั้งนี้ คงจะต้องรอฟังการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน ส่วนคดีแพ่งถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาท ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิด โดยผู้เสียหายสามารถยื่นฟ้องแพ่งได้

นอกจากนี้ก็อาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539 ซึ่งผู้เสียหายสามารถฟ้อง ตำรวจกับตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อศาลปกครองอีกทางหนึ่งได้ และหากผู้เสียหายเห็นว่าได้รับความเดือดร้อนและการเยียวยาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีความเหมาะสม ก็ขอมาที่สภาทนายความเพื่อร้องขอทนายความอาสาดำเนินคดีทางแพ่ง อาญา และปกครองให้ได้



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่