ลักษณะธุรกิจ
บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเคมีเคหะภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือน อุตสาหกรรม สาธารณสุขชุมชน และเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรกรรม
โดยทุกผลิตภัณฑ์ที่มีสารออกฤทธิ์ที่กำหนดว่าต้องขึ้นทะเบียนจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง
จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข หรือกรมวิชาการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือกระทรวงอุตสาหกรรม
ด้านผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1. บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จํากัด ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 36.00%
2. นาย ธวัช อึ้งสุประเสริฐ ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 16.15%
3. นาย วรสิทธิ์ เคหะเสถียร ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 8.11%
ในส่วนนี้น้องสี่คิดว่า การที่มี TOA มาถือหุ้นเป็นรายใหญ่อันดับที่ 1
ก็น่าจะเป็นประเด็นที่น่าสนใจนะครับ เพราะ TOA เองธุรกิจของบริษัทเค้าของมีศักยภาพอยู่พอสมควรเลยครับ
จากการไปค้นข้อมูลการถือหุ้นย้อนหลัง น้องสี่พบว่า
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จํากัด และ นายธวัช อึ้งสุประเสริฐ ยังถือหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ส่วนทาง นายวรสิทธิ์ เคหะเสถียร มีการขายออกไปประมาณ 2% ครับผม
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งต้องพึงระวังก็คือ ในส่วนของ "ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2)"
ซึ่งสามารถดูได้ย้อนหลัง 3 ปีนั้น พบสิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองก็คือ ผู้บริหารซื้อๆ ขายๆ และโอนออกค่อนข้างมาก
ในประเด็นนี้อาจต้องระวังหน่อยนะครับ เพราะ ผู้บริหารซื้อๆ ขายๆ บ่อย
น้องสี่คิดว่า ผู้บริหารควรจะตั้งใจในการทำงาน มากกว่า ที่จะเอาเวลามาสนใจในการซื้อๆ ขายๆ หุ้นนะ
เพื่อนๆ พี่ๆ ลองคิดดูนะ เป็นถึงระดับผู้บริหาร พี่ๆ เพื่อนๆ ว่า เค้าจะมีโอกาสรู้งบก่อนพวกเราๆ ไหมละ?
น้องสี่ขอฝากคำถามนี้ ให้เพื่อนๆ ลองนำไปคิดต่อยอดดูอีกนึงนะครับ
(ถ้าเราสามารถดูในส่วนของ 59-2 ย้อนหลังได้มากกว่า 3 ปี น้องสี่คิดว่าน่าจะเห็นอะไรตรงนี้ได้อีกพอสมควรเลยครับ)
ด้านงบการเงินนะครับ
1. ด้าน RoA จะเห็นว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านนั้น SWC มีค่า RoA อยู่ที่ประมาณ 16% - 20%
ซึ่งเป็นการแสดงว่า บริษัทมีความสามารถในการทํากําไรสูงเมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์ที่ลงทุนครับ
2. ด้าน RoE เป็นตัวที่บ่งบอกถึง ความสามารถของบริษัทในการนําเงินลงทุนของผู้ถือหุ้น ไปทําให้งอกเงยได้มากน้อยเพียงใด
ซึ่ในช่วงที่ผ่านมานั้น SWC สามารถทำผลงานในส่วนนี้ออกมาได้ดีพอสมควรเลยครับ
3. Net Profit Margin ของ SWC จะอยู่ที่ประมาณ 8% - 11%
ซึ่งแนวโน้มดูเหมือนจะสามารถควบคุมตรงนี้ได้ดีครับ เพราะหากลองสังเกต Net Profit Margin
ในช่วงปี 2553 จนถึงปี 2557 ค่าในส่วนนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นครับ แปลว่า ธุรกิจนั้นสามารถขาย Product ที่มีกำไรที่สูงๆ ได้ค่อนข้างดีครับ
4. ด้าน P/E จะเห็นว่า ระดับ P/E ของ SWC นั้นจะอยู่ในช่วงที่ประมาณ 10 เท่าครับ
ในมุมมองน้องสี่คิดว่า P/E ของ SWC ในขณะนี้คือกลางๆ ครับ ไม่แพง หรือ ไม่ถูกจนเกินไปครับ
5. ส่วนด้าน P/BV ของ SWC จะอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า ซึ่งมุมมองน้องสี่ก็คิดว่า ค่อนข้างสูงไปนิดนึงนะครับ
จริงๆ อยากให้ในส่วนของ P/BV น้อยกว่า 1.5 เท่า น่าจะปลอดภัยมากขึ้นครับ
คือเราจะได้หุ้นในราคาที่ใกล้เคียงกับมูลค่าของกิจการมากยิ่งขึ้นครับ (เป็นมูลค่าทางบัญชีนะ)
ซึ่งในบางครั้งค่าในส่วนนี้อาจสูงหน่อยก็ไม่เป็นไรครับ ถ้าหากเราวิเคราะห์แล้วเห็นว่า
กิจการมี Synergy ที่มาก เช่น ผู้บริหารเก่ง , Products เด่น , มีการร่วมทุน หรือ ฯลฯ
P/BV มีค่าที่สูง ก็อาจจะคุ้มค่าต่อการลงทุนในอนาคตได้ครับ เพราะมีศักยภาพอื่นๆ แฝงอยู่ด้วยครับผม
6. ด้าน Dividend Yield นะครับ
SWC จะจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งครับ โดยเมื่อคิดเป็น Dividend Yield เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 5% ขึ้นไปครับ
ก็ค่อนข้างอยู่ในระดับที่พอใช้ไดเลยทีเดียวครับ
อีกทั้งปีในช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา SWC ก็ได้จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอครับผม
*** ในส่วนของการจ่ายปันผลปี 2004 ( 2547 ) มีการปรับ Par นะครับ จากราคา Par 5 บาท เป็น 1 บาท ***
ดังนั้น การจ่ายปันผลในช่วงวันที่ 30 Sep 2014 ที่ 0.70 บาท พอปรับ Par ปันผลจะถูกหาร 5 ครับ = 0.70/5 = 0.14 บาทครับผม
ในด้านของรายได้จะเห็นว่า SWC มีรายได้ที่ค่อยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ครับ
ซึ่งน้องสี่มองว่ายอดขายในอนาคตก็น่าจะค่อยๆ ขยับดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ
แต่ในปีนี้ 2557 อาจจะเติบโตไม่มากนะครับ เนื่องจากในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
การจับจ่ายใช้สอยชะลอลงจากปัญหาภายในประเทศครับ และทางบริษัทได้ชี้แจงไว้ดังนี้ครับ
ในด้านของสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นนะครับ จากปี 2553 ถึง 2557 จะสังเกตเห็นว่า
1. สินทรัพย์ของ SWC เติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ถือว่าดีครับ
2. หนี้สินอยู่ในระดับที่น้อยครับ ถือว่าใช้ได้ครับ คือกิจการไม่เสี่ยงต่อการผิดชำระหนี้ครับ
3. ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มาจากกำไรสุทธิในแต่ละปีที่ทำได้ดี และทยอยสะสมอยู่ในบัญชี "กำไรสะสม" ครับผม
จากนั้น น้องสี่ได้เจาะในส่วนของ รายการสินทรัพย์ พบว่า
สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของ SWC จะเป็นสินทรัพย์เป็นเวียนครับ ได้แก่ เงินสด , ลูกหนี้การค้าและสินค้าคงเหลือ ครับ
และในส่วนของหนี้สิน จะเห็นว่า หนี้สินส่วนใหญ่ของ SWC จะเป็นหนี้สินเกี่ยวกับ เจ้าหนี้การค้า
ซึ่งเจ้าหนี้การค้านี้ จะเป็นหนี้สินที่ไม่มีต้นทุนทางการเงิน คือไม่มีเรื่องของค่าใช้จ่ายพวกดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้เลย
แปลว่า หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น กิจการไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องภาระหนี้สิน + ดอกเบี้ยจ่ายเลย
เพราะลำพัง กิจการสามารถยืนด้วยลำแข็งของตัวเองได้ ด้วยความมั่นคงครับ
*** เว้นแต่หากกิจการผิดการชำระเงินให้กับเจ้าหนี้การค้า ก็อาจจะต้องเสียค่าปรับตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้ครับ
ซึ่งโอกาสทีจะผิดชำระหนี้ในส่วนนี้ ค่อนข้างเกิดได้น้อยครับ เพราะส่วนใหญ่กิจการจะจ่ายเงินตรงตามเวลาที่ตกลงกันครับ ***
วิเคราะห์ด้านกราฟ
กราฟ Week
ในส่วนของกราฟ Week นะครับ เพื่อนๆ จะสังเกตเห็นว่า ราคาหุ้นค่อนข้างพักตัวมาสักระยะหนึ่งแล้ว
โดยในช่วงต้นปี 2013 (2556) ช่วงนั้นตลาดหุ้นขึ้นแรงมากๆ + ผลประกอบการดี ราคาเลยพุ่งขึ้นแรงมากๆ
และเมื่อตลาดเริ่มเป็นขาลง ซบเซา ผลประกอบการอ่อนตัวลง ราคาก็ลดลงมาด้วยเช่นกันครับ
ซึ่งจังหวะที่เหมาะในการเก็บหุ้น SWC ก็คือ ใช้ RSI ในการประกอบการตัดสินใจครับ
โดยจังหวะที่น่าลงทุนจะอยู่ในช่วงที่ RSI ทำ Over Sold ครับ ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่เหมาะมากๆ เลยครับ
*** ข้อควรระวัง ***
1. เนื่องจาก SWC เป็นหุ้นขนาดเล็ก มีสภาพคล่องต่ำ การวซื้อ - ขายไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนหุ้นตัวใหญ่ๆ
ดังนั้น หากจะลงทุนควรลงทุนในปริมาณที่เหมาะสมกับเงินลงทุนนะครับ
2. ราคาหุ้นของ SWC ค่อนข้างอ่อนไหวต่อกำไรของบริษัทค่อนข้างมาก
เนื่องจาก หากกำไรทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ก็อาจจะถูกเทขายออกมา ทำให้ราคาลงมาหนักได้ครับ
(หากกำไรลดลงชั่วคราวก็ไม่น่ากังวลอะไรครับ)
3. ด้านผู้บริหารค่อนข้าง ซื้อ-ขาย หุ้นบ่อยครั้งครับ
ในส่วนนี้เองก็ควรเฝ้าระวัง + ติดตามเป็นระยะนะครับ
น้องสี่ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ และนักลงทุนทุกท่าน ประสบความสำเร็จในการลงทุนนะครับ
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนและนักลงทุนควรหาความรู้และตัดสินใจให้ดีก่อนการลงทุนนะครับ
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : "ฅนเล่นหุ้น" นะครับ
https://www.facebook.com/StockTrader.Club
Time : 17.25 น.
17. วิเคราะห์หุ้น SWC : บริษัท เชอร์วู้ด เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ
บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเคมีเคหะภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือน อุตสาหกรรม สาธารณสุขชุมชน และเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรกรรม
โดยทุกผลิตภัณฑ์ที่มีสารออกฤทธิ์ที่กำหนดว่าต้องขึ้นทะเบียนจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง
จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข หรือกรมวิชาการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือกระทรวงอุตสาหกรรม
ด้านผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1. บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จํากัด ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 36.00%
2. นาย ธวัช อึ้งสุประเสริฐ ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 16.15%
3. นาย วรสิทธิ์ เคหะเสถียร ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 8.11%
ในส่วนนี้น้องสี่คิดว่า การที่มี TOA มาถือหุ้นเป็นรายใหญ่อันดับที่ 1
ก็น่าจะเป็นประเด็นที่น่าสนใจนะครับ เพราะ TOA เองธุรกิจของบริษัทเค้าของมีศักยภาพอยู่พอสมควรเลยครับ
จากการไปค้นข้อมูลการถือหุ้นย้อนหลัง น้องสี่พบว่า
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จํากัด และ นายธวัช อึ้งสุประเสริฐ ยังถือหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ส่วนทาง นายวรสิทธิ์ เคหะเสถียร มีการขายออกไปประมาณ 2% ครับผม
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งต้องพึงระวังก็คือ ในส่วนของ "ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2)"
ซึ่งสามารถดูได้ย้อนหลัง 3 ปีนั้น พบสิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองก็คือ ผู้บริหารซื้อๆ ขายๆ และโอนออกค่อนข้างมาก
ในประเด็นนี้อาจต้องระวังหน่อยนะครับ เพราะ ผู้บริหารซื้อๆ ขายๆ บ่อย
น้องสี่คิดว่า ผู้บริหารควรจะตั้งใจในการทำงาน มากกว่า ที่จะเอาเวลามาสนใจในการซื้อๆ ขายๆ หุ้นนะ
เพื่อนๆ พี่ๆ ลองคิดดูนะ เป็นถึงระดับผู้บริหาร พี่ๆ เพื่อนๆ ว่า เค้าจะมีโอกาสรู้งบก่อนพวกเราๆ ไหมละ?
น้องสี่ขอฝากคำถามนี้ ให้เพื่อนๆ ลองนำไปคิดต่อยอดดูอีกนึงนะครับ
(ถ้าเราสามารถดูในส่วนของ 59-2 ย้อนหลังได้มากกว่า 3 ปี น้องสี่คิดว่าน่าจะเห็นอะไรตรงนี้ได้อีกพอสมควรเลยครับ)
ด้านงบการเงินนะครับ
1. ด้าน RoA จะเห็นว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านนั้น SWC มีค่า RoA อยู่ที่ประมาณ 16% - 20%
ซึ่งเป็นการแสดงว่า บริษัทมีความสามารถในการทํากําไรสูงเมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์ที่ลงทุนครับ
2. ด้าน RoE เป็นตัวที่บ่งบอกถึง ความสามารถของบริษัทในการนําเงินลงทุนของผู้ถือหุ้น ไปทําให้งอกเงยได้มากน้อยเพียงใด
ซึ่ในช่วงที่ผ่านมานั้น SWC สามารถทำผลงานในส่วนนี้ออกมาได้ดีพอสมควรเลยครับ
3. Net Profit Margin ของ SWC จะอยู่ที่ประมาณ 8% - 11%
ซึ่งแนวโน้มดูเหมือนจะสามารถควบคุมตรงนี้ได้ดีครับ เพราะหากลองสังเกต Net Profit Margin
ในช่วงปี 2553 จนถึงปี 2557 ค่าในส่วนนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นครับ แปลว่า ธุรกิจนั้นสามารถขาย Product ที่มีกำไรที่สูงๆ ได้ค่อนข้างดีครับ
4. ด้าน P/E จะเห็นว่า ระดับ P/E ของ SWC นั้นจะอยู่ในช่วงที่ประมาณ 10 เท่าครับ
ในมุมมองน้องสี่คิดว่า P/E ของ SWC ในขณะนี้คือกลางๆ ครับ ไม่แพง หรือ ไม่ถูกจนเกินไปครับ
5. ส่วนด้าน P/BV ของ SWC จะอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า ซึ่งมุมมองน้องสี่ก็คิดว่า ค่อนข้างสูงไปนิดนึงนะครับ
จริงๆ อยากให้ในส่วนของ P/BV น้อยกว่า 1.5 เท่า น่าจะปลอดภัยมากขึ้นครับ
คือเราจะได้หุ้นในราคาที่ใกล้เคียงกับมูลค่าของกิจการมากยิ่งขึ้นครับ (เป็นมูลค่าทางบัญชีนะ)
ซึ่งในบางครั้งค่าในส่วนนี้อาจสูงหน่อยก็ไม่เป็นไรครับ ถ้าหากเราวิเคราะห์แล้วเห็นว่า
กิจการมี Synergy ที่มาก เช่น ผู้บริหารเก่ง , Products เด่น , มีการร่วมทุน หรือ ฯลฯ
P/BV มีค่าที่สูง ก็อาจจะคุ้มค่าต่อการลงทุนในอนาคตได้ครับ เพราะมีศักยภาพอื่นๆ แฝงอยู่ด้วยครับผม
6. ด้าน Dividend Yield นะครับ
SWC จะจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งครับ โดยเมื่อคิดเป็น Dividend Yield เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 5% ขึ้นไปครับ
ก็ค่อนข้างอยู่ในระดับที่พอใช้ไดเลยทีเดียวครับ
อีกทั้งปีในช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา SWC ก็ได้จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอครับผม
*** ในส่วนของการจ่ายปันผลปี 2004 ( 2547 ) มีการปรับ Par นะครับ จากราคา Par 5 บาท เป็น 1 บาท ***
ดังนั้น การจ่ายปันผลในช่วงวันที่ 30 Sep 2014 ที่ 0.70 บาท พอปรับ Par ปันผลจะถูกหาร 5 ครับ = 0.70/5 = 0.14 บาทครับผม
ในด้านของรายได้จะเห็นว่า SWC มีรายได้ที่ค่อยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ครับ
ซึ่งน้องสี่มองว่ายอดขายในอนาคตก็น่าจะค่อยๆ ขยับดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ
แต่ในปีนี้ 2557 อาจจะเติบโตไม่มากนะครับ เนื่องจากในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
การจับจ่ายใช้สอยชะลอลงจากปัญหาภายในประเทศครับ และทางบริษัทได้ชี้แจงไว้ดังนี้ครับ
ในด้านของสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นนะครับ จากปี 2553 ถึง 2557 จะสังเกตเห็นว่า
1. สินทรัพย์ของ SWC เติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ถือว่าดีครับ
2. หนี้สินอยู่ในระดับที่น้อยครับ ถือว่าใช้ได้ครับ คือกิจการไม่เสี่ยงต่อการผิดชำระหนี้ครับ
3. ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มาจากกำไรสุทธิในแต่ละปีที่ทำได้ดี และทยอยสะสมอยู่ในบัญชี "กำไรสะสม" ครับผม
จากนั้น น้องสี่ได้เจาะในส่วนของ รายการสินทรัพย์ พบว่า
สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของ SWC จะเป็นสินทรัพย์เป็นเวียนครับ ได้แก่ เงินสด , ลูกหนี้การค้าและสินค้าคงเหลือ ครับ
และในส่วนของหนี้สิน จะเห็นว่า หนี้สินส่วนใหญ่ของ SWC จะเป็นหนี้สินเกี่ยวกับ เจ้าหนี้การค้า
ซึ่งเจ้าหนี้การค้านี้ จะเป็นหนี้สินที่ไม่มีต้นทุนทางการเงิน คือไม่มีเรื่องของค่าใช้จ่ายพวกดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้เลย
แปลว่า หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น กิจการไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องภาระหนี้สิน + ดอกเบี้ยจ่ายเลย
เพราะลำพัง กิจการสามารถยืนด้วยลำแข็งของตัวเองได้ ด้วยความมั่นคงครับ
*** เว้นแต่หากกิจการผิดการชำระเงินให้กับเจ้าหนี้การค้า ก็อาจจะต้องเสียค่าปรับตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้ครับ
ซึ่งโอกาสทีจะผิดชำระหนี้ในส่วนนี้ ค่อนข้างเกิดได้น้อยครับ เพราะส่วนใหญ่กิจการจะจ่ายเงินตรงตามเวลาที่ตกลงกันครับ ***
วิเคราะห์ด้านกราฟ
กราฟ Week
ในส่วนของกราฟ Week นะครับ เพื่อนๆ จะสังเกตเห็นว่า ราคาหุ้นค่อนข้างพักตัวมาสักระยะหนึ่งแล้ว
โดยในช่วงต้นปี 2013 (2556) ช่วงนั้นตลาดหุ้นขึ้นแรงมากๆ + ผลประกอบการดี ราคาเลยพุ่งขึ้นแรงมากๆ
และเมื่อตลาดเริ่มเป็นขาลง ซบเซา ผลประกอบการอ่อนตัวลง ราคาก็ลดลงมาด้วยเช่นกันครับ
ซึ่งจังหวะที่เหมาะในการเก็บหุ้น SWC ก็คือ ใช้ RSI ในการประกอบการตัดสินใจครับ
โดยจังหวะที่น่าลงทุนจะอยู่ในช่วงที่ RSI ทำ Over Sold ครับ ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่เหมาะมากๆ เลยครับ
*** ข้อควรระวัง ***
1. เนื่องจาก SWC เป็นหุ้นขนาดเล็ก มีสภาพคล่องต่ำ การวซื้อ - ขายไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนหุ้นตัวใหญ่ๆ
ดังนั้น หากจะลงทุนควรลงทุนในปริมาณที่เหมาะสมกับเงินลงทุนนะครับ
2. ราคาหุ้นของ SWC ค่อนข้างอ่อนไหวต่อกำไรของบริษัทค่อนข้างมาก
เนื่องจาก หากกำไรทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ก็อาจจะถูกเทขายออกมา ทำให้ราคาลงมาหนักได้ครับ
(หากกำไรลดลงชั่วคราวก็ไม่น่ากังวลอะไรครับ)
3. ด้านผู้บริหารค่อนข้าง ซื้อ-ขาย หุ้นบ่อยครั้งครับ
ในส่วนนี้เองก็ควรเฝ้าระวัง + ติดตามเป็นระยะนะครับ
น้องสี่ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ และนักลงทุนทุกท่าน ประสบความสำเร็จในการลงทุนนะครับ
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนและนักลงทุนควรหาความรู้และตัดสินใจให้ดีก่อนการลงทุนนะครับ
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : "ฅนเล่นหุ้น" นะครับ
https://www.facebook.com/StockTrader.Club
Date : 1 August 2014
Time : 17.25 น.
บทวิเคราะห์ที่น้องสี่ได้วิเคราะห์ไว้นะครับ Season 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทวิเคราะห์ที่น้องสี่ได้วิเคราะห์ไว้นะครับ Season 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้