เรื่องเล่าเขย่าขวัญ...กับ 10 สุดยอดเรื่องราวลึกลับจากทั่วโลก ที่ยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงปัจจุบัน...

ไม่ต้องเกริ่นให้มากความ...

ไปพบกับความลึกลับอันดับที่ 10 กันได้เลย!!

อันดับที่ 10 Vatican City Disappearances!!

คดีการหายตัวไปอย่างลึกลับที่....นครวาติกัน!!



เรามักจะคิดว่านครวาติกันกับมหาวิหารหรูหราและประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่ไม่น่าจะเกิดเรื่องชั่วร้ายขึ้นมาได้.... แต่ทว่าในปี 1983 สิ่งที่น่ากลัวก็ได้ก่อกำเนิดขึ้น เมื่อเกิดคดี Emanuela Orlandi ขึ้นที่นี่!!

Emanuela Orlandi (เกิด 14 มกราคม 1968) เป็นพลเมืองของนครวาติกันที่หายไปอย่างลึกลับในวันที่ 22 มิถุนายน 1983 ซึ่งเหตุการณ์ของ Emanuela ทำให้เกิดปรากฏการณ์มากมายที่กระทบกับนครวาติกัน เพราะคดีนี้ยังคงลึกลับและไม่มีใครหาคำตอบได้จนถึงปัจจุบัน...



Orlandi ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในปีที่สองที่ scientifico liceo (โรงเรียนมัธยมวิทยาศาสตร์) ในกรุงโรม และเธอยังเป็นส่วนหนึ่งของคณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์เซนต์แอนน์ Orlandi เป็นลูกสาวของพนักงานธนาคารวาติกันที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของเธอในนครวาติกัน เธอมักจะเดินทางโดยรถบัสไปยังโรงเรียนดนตรี ในวันที่ 22 มิถุนายน 1983 เธอก็สาย เพราะเธอกำลังวุ่นอยู่กับการโทรไปน้องสาวของเธอโดยมีเหตุผลว่าเธอกำลังมีข้อเสนองานจากตัวแทนของเครื่องสำอางเอวอน ไม่นานหลังจากจบคลาสเรียน ก็มีผู้อ้างว่าเห็นเธอได้พูดคุยกับตัวแทนเอวอนบริเวณป้ายรถเมล์ จากนั้นเธอก็ขึ้นรถ BMW คันใหญ่หายตัวไป....



หลังจากนั้นเธอก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย และอีกสองวันถัดมาเธอก็ถูกประกาศให้เป็นบุคคลที่หายสาบสูญบนหน้าหนังสือพิมพ์ ร่องรอยการพบเจอเธอนั้นได้รับการกล่าวอ้างจากผู้คนมากมายแต่ก็ยังไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้ตามหาตัวเธอได้ หลักฐานที่สำคัญที่สุดก็เห็นจะเป็น กรณีที่ครอบครัว Orlandi ได้รับโทรศัพท์ที่ไม่ระบุชื่อ กล่าวอ้างว่า เธอน่าจะถูกกลุ่มก่อการร้ายจับตัวไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่เรียกร้องความเป็นอิสระของเมห์เม็ตอาลี Ağca ชายตุรกีที่ยิงสมเด็จพระสันตะปาปาในเซนต์ปีเตอร์สแควร์เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 1981....

6 กรกฏาคม 1983 มีคนแจ้งสำนักข่าว ANSA โดยแจ้งความต้องการสำหรับการแลกเปลี่ยนตัวเธอกับชายตุรกีภายใน 20 วันและพวกเขาจะแสดงให้เห็นว่าได้จับตัวเธอไปจริงๆ โดยการวางตะกร้าในจัตุรัสสาธารณะใกล้กับรัฐสภา โดยภายในจะมีหลักฐานที่บ่งถึงตัวเธอรวมทั้งใบเสร็จที่เขียนด้วยลายมือเธอเอง แต่ผู้พิพากษาที่ดูแลคดี Orlandi กลับไม่ได้เชื่อว่า มันมีการเชื่อมต่อที่มีความน่าเชื่อถือระหว่างการลักพาตัว Orlandi และคนร้ายของสมเด็จพระสันตะปาปา.....



8 กรกฏาคม 1983 คนที่มีสำเนียงตะวันออกกลางได้โทรไปยังหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของ Orlandi ว่า Orlandi อยู่ในมือของเขาและบอกว่าพวกเขามีเวลา 20 วันที่จะทำให้การแลกเปลี่ยนตัวประกันโดยการโทรมาจากตู้โทรศัพท์ที่แตกต่างกันมากกว่า 16 ครั้ง.... และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเจอเธออีกเลยเป็นเวลากว่า 20 ปี!!

แต่แล้วในเช้าวันที่ 14 พฤษภาคม 2001 ก็มีการค้นพบกะโหลกศีรษะของมนุษย์ที่มีขนาดเล็กในสภาพขากรรไกรขาดบรรจุอยู่ในถุง แล้วยังมีภาพของบาทหลวง Padre Pio อยู่อีกด้วย...แต่มันก็ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะเป็นกะโหลกศีรษะของ Orlandi และพ่อของ Emanuela เสียชีวิตในปี 2004 หนึ่งเดือนหลังจากที่ให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของเขา....



ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2010, เมห์เม็ตอาลี Ağca ถูกสอบปากคำโดยโทรทัศน์ของรัฐในตุรกี โดยเขากล่าวอ้างว่า Orlandi ถูกเก็บไว้เป็นนักโทษโดยวาติกัน (สำหรับAğca) แล้วอาศัยอยู่ในประเทศยุโรปกลางเป็นแม่ชีในวัดคาทอลิก เขาเสริมว่าครอบครัวของ Orlandi จะได้เห็นลูกสาวของพวกเขาเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาต้องการ แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากวัด....

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีผู้กล่าวอ้างว่า เธอ และยังมีหญิงสาวอีกรายที่หายตัวไปนามว่า Mirella Gregori ทั้งสองคนหายไปในปี 1983 อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีอื้อฉาวทางเพศที่เกิดขึ้นภายในนครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้...

จนถึงบัดนี้คดีนี้ก็ยังคงความลึกลับจนถึงปัจจุบัน....




แหม๋ะ...แค่เริ่มอันดับที่ 10 ก็น่าสนใจมากเลย...

ไปต่อกันที่อันดับที่ 9....

อันดับที่ 9 Villisca Axe Murders

คดีนักฆ่าขวานโหดแห่ง Villisca!!



วันที่ 9 มิถุนายน 1912 สมาชิกครอบครัวตระกูลมัวร์ 6 คนและ เพื่อนของลูกสาวตระกูลมัวร์ 2 คนได้เข้าร่วมโปรแกรมของเด็กที่คริสตจักรเพรสไบทีของพวกเขา แต่หลังจากที่พวกเขากลับไปยังบ้านที่ไอโอวาในเย็นวันนั้น พวกเขาก็ไม่ได้ออกมาจากบ้านอีกเลย จนในเช้าวันรุ่งเพื่อนบ้านเข้าไปในบ้านและพบว่าทั้งหมดแปดคนนอนอยู่บนเตียงในสภาพถูกฟันจนขาดเป็นชิ้นๆด้วยขวานขนาดใหญ่!!



จากการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยหลายๆราย ที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจรวมทั้งฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งตำรวจจับผู้ต้องสงสัยได้ แต่ก็ไม่สามารถเอาผิดกับใครๆได้ จากการสอบสวนประจักษ์พยานรอบด้านต่างก็ให้การตรงกันว่า คนที่ฆ่าไม่น่าจะเป็นมนุษย์ และเป็นอสุรกายร่างใหญ่ มันถือขวานเดินไปมารอบบ้าน พร้อมกับทิ้งรอยเท้าไว้เต็มบ้านอย่างน่าขนลุกขนพอง.....



จนถึงปัจจุบันคดีนี้ก็ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย จนกระทั่งบ้านถูกจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวประจำรัฐไปซะงั้น โดยตั้งชื่อซะหรูว่า "Axeman of New Orleans" ซึ่งใครก็ตามที่ไปเยือน ก็ยังอ้างว่าได้ยินเสียงร้องโหยหวนของผู้ตายดังออกมาจากตัวบ้านอย่างน่าสยดสยอง....



ใครอยากไปเที่ยว เชิญ....เลยนะครับ แหม๋.....

มาฉงนงงงวยกันต่อที่อันดับต่อไป....

อันดับที่ 8 The Red Book

หนังสือปกแดง!!



หนังสือปกแดง หรือที่เรียกว่า Liber Novus ซึ่งเป็นภาษาละตินเป็นต้นฉบับที่มี 205 หน้า เขียนโดยจิตแพทย์ชาวสวิส นามว่า คาร์ล กุสตาฟ จุง ในช่วงระหว่างประมาณ ปี 1914 ถึง 1930 .... คาร์ลเป็นจิตแพทย์ที่มีอิทธิพลโดยเป็นผู้ก่อตั้งของจิตวิทยาวิเคราะห์ เขาทำงานร่วมกับ ซิกมันท์ ฟลอย ในผู้ป่วยจิตเภท ในปี 1913 ความสัมพันธ์ของเขาก็เริ่มแตกแยก คาร์ลเริ่มมีปัญหากับประสาทของเขาอย่างรุนแรง เขายังยอมรับว่าได้เห็นภาพหลอนต่างๆมากมาย...



ในช่วงเวลานี้เองที่เขาได้เขียนหนังสือที่ชื่อ Liber Novus โดยภายในประกอปไปด้วยรูปปีศาจที่วาดขึ้นด้วยมือ, การสนทนากับเทพเทวดาต่างๆ ที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นภาพของการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง และการเดินทางผ่านขุมนรก เขาเขียนไปถึงระดับที่เรียกว่า "ปัญญาไม่มีที่สิ้นสุด" และเล่าเรื่องของสภาวะโรคจิตต่างๆ ทั้งยังมีภาพน่าฉงนงงงวยมากมายที่ยังตีความไม่ออก...เขาหมกหมุ่นอยู่กับหนังสือเป็นเวลากว่า 16 ปี จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 1961....



หลังจากการตายของครอบครัว Jung ได้มีการล็อกหนังสือปกแดงไปเกือบ 50 ปี เป็นหนังสือแห่งความลึกลับในเนื้อหาที่คลุมเคลือ เพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นมัน จนมันได้รับการตีพิมพ์ในเดือนตุลาคมของปี 2009 และได้ถูกแสดงในของพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งแมนฮัตตัน จนบัดนี้ยังไม่มีใครตีความได้ว่า สิ่งที่เขาเขียนไว้ในหนังสือ มีนัยยะอะไร หมายถึงอะไร และมันคืออะไร มันยังคงความลึกลับที่แฝงไว้ภายใต้หนังสือปกแดงที่ได้ตายหายไปพร้อมกับเขาจนถีงปัจจุบันนี้.....




ใครสนใจก็ไปหามาอ่านได้นะครับ...หุหุ

พักแป้บ ไปหาข้าวกินก่อนนะครับ เดี๋ยวมาต่อกันใหม่.... ฟังเพลงกันไปพลางๆนะ แฮ่ๆ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สำหรับผู้ที่ขี้เกียจเลื่อนหา....

อันดับที่ 7 และ 6 อยู่เม้นที่ 16
อันดับที่ 5 และ 4 อยู่เม้นที่ 28
อันดับที่ 3 และ 2 อยู่เม้นที่ 104
อันดับที่ 1 อยู่ในเม้นที่ 119 นะจร้า.....
พาพันชอบ..................พาพันขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่